กีฬาฟุตบอล

เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

เลสเตอร์ ซิตี้

กลับมาฟาดแข้งกันอีกครั้งสำหรับศึกฟุตบอลที่แฟนบอลชาวไทยติดตามกันมากที่สุดอย่างศึกพรีเมียร์ลีก หลังจากเว้นวรรคให้กับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลในช่วง ฟีฟ่า เดย์ โดยในสัปดาห์ที่ 4 ของซีซั่น

หลายทีมยังทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมไม่ว่าจะเป็นแชมป์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รองแชมป์เก่าอย่าง อาร์เซน่อล รวมไปถึง เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่กลับมาเก็บชัยชนะได้สำเร็จ จะมีก็แค่ ลิเวอร์พูล เท่านั้นที่แพ้คารัง แอนฟิลด์ ของตัวเองต่อ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ 0-1

ยังไร้ชัย หลังออกสตาร์ท 4 เกมแรก

image 6 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

ซึ่งนอกจากบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในลีกสูงสุดของแดนผู้ดีแล้ว หันมามองที่ท้ายตาราง ถึงตอนนี้ก็เริ่มที่จะเห็นเค้าลางกันแล้วว่ามีทีมไหนบ้างที่จะต้องพบกับสถานการณ์การดิ้นรนหนีการตกชั้นในฤดูกาลนี้ โดยเวลานี้มีอยู่ 6 ทีมที่ยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็นจาก 4 เกมของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024-25 ซึ่งประกอบไปด้วย เลสเตอร์ ซิตี้ คริสตัล พาเลซ อิปสวิช ทาวน์ วูล์ฟแฮมป์ตัน เซาธ์แฮมป์ตัน และ เอฟเวอร์ตัน

แต่สำหรับทีมที่จะมาพูดถึงกันในวันนี้ มีดีกรีเป็นถึงอดีตแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2015-16 แถมยังเคยทะลุเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก มาแล้ว และแม้ว่าในฤดูกาลนี้พวกเขาจะมีสถานะเป็นทีมน้องใหม่ แต่ก็ถือว่าเป็นน้องใหม่ที่เหล่าบรรดาแฟนบอลชาวไทย ปันใจไปเชียร์มากพอสมควรเลยทีเดียว นั่นก็เป็นเพราะว่าสโมสรแห่งนี้มีเจ้าของเป็นชาวไทยนั่นเอง

เสียกุนซือ เสียแกนหลัก เกือบโดนตัดแต้ม 

image 7 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

แน่นอนว่าทีมที่เรากำลังจะพูดถึงคือ จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ น้องใหม่ในฤดูกาลนี้ ที่เพิ่งจะเลื่อนชั้นขึ้นมาจาก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ หลังจากที่ร่วงชั้นลงไปเพียงปีเดียว อย่างไรก็ตามการคัมแบ็คกลับสู่ลีกสูงสุดของ เลสเตอร์ หนนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย

เพราะนอกจากที่พวกเขาจะต้องเผชิญกับคดีละเมิดกฏการเงิน และมีโอกาสถูกตัดแต้มในช่วงต้นซีซั่นแล้ว เลสเตอร์ ยังเสียกุนซือย่าง เอ็นโซ่ มาเรสก้า ผู้พา จิ้งจอกสยาม คัมแบ็ค พ่วงด้วยแนวรุกคนสำคัญอย่าง ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ ไปอยู่กับ เชลซี ด้วย ซึ่งจากความเป็นไปได้ที่พวกเขาอาจจะถูกตัดแต้ม ทำให้สถานการณ์การเฟ้นหากุนซือคนใหม่มาแทน มาเรสก้า จึงเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีกเป็นทวีคูณ

จนกระทั่ง เลสเตอร์ ประกาศแต่งตั้ง สตีฟ คูเปอร์ เข้ามาคุมทีม ท่ามกลางเสียงดราม่าต่างๆนานาว่า ตัวเขาจะเหมาะสมกับการรับงานใน คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม หรือไม่ เพราะหากย้อนกลับไปดูโปรไฟล์ที่ผ่านมาของ คูเปอร์ เจ้าตัวไม่ค่อยผ่านประสบการณ์การคุมทีมที่เล่นเกมรุกสักเท่าไหร่ ไล่ตั้งแต่ สวอนซี ซิตี้ รวมไปถึง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ซึ่งด้วยเหตุผลดังกล่าวก็อาจจะไม่ถูกใจแฟนบอลสักเท่าไหร่ แถมบารมีในการปกครองนักเตะรุ่นใหญ่ในทีม ก็ไม่รู้จะออกมาในรูปแบบ คูเปอร์ อาจเจอกับปัญหาได้เหมือนกัน

หลังจากที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะคดีละเมิดกฎการเงินของพรีเมียร์ลีก และรอดพ้นจากความเสี่ยงที่อาจโดนตัดแต้ม หลังจากที่คำตัดสินชี้ว่าทัพ จิ้งจอกสยาม ไม่ได้ละเมิดกฎการเงินของพรีเมียร์ลีก และพรีเมียร์ลีกไม่มีอำนาจพิจารณาคดีดังกล่าว

ทำให้พวกเขาเริ่มเสริมทัพทันที ก่อนที่ตลาดซื้อขายในช่วงซัมเมอร์จะปิดตัวลง อย่างไรก็ตามผลงานการออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ของ เลสเตอร์ กลับไม่ไฉไล เพราะแพ้ 2 เสมอ 1 เกมทำให้มีรายงานว่า บรรยากาศในห้องแต่งตัวของ จิ้งจอกสยาม จะเกิดความไม่สงบภายใต้การคุมทีมของ สตีฟ คูเปอร์

ลือ แข้งรุ่นใหญ่ไม่ประทับใจ สตีฟ คูเปอร์

image 8 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

โดยเหตุผลหลักจากนอกจากผลงานอันน่าผิดหวังของทีมแล้ว ก็คือการที่นักเตะหลายคนไม่โอเคกับแนวทางการคุมทีมของ คูเปอร์ ที่ปล่อยอิสระทางความคิดให้แก่นักเตะมากเกินไป โดย คูเปอร์ ไม่ได้ออกคำสั่งใดๆที่มันชัดเจนแก่ผู้แบบที่ มาเรสก้า เคยทำ และมักจะปล่อยให้ผู้เล่นออกแบบการเล่นและตัดสินใจด้วยตัวเอง  ซึ่งนักเตะหลายคนไม่คุ้นชินอะไรแบบนี้ และมองว่ามันคือเรื่องยาก บางครั้ง คูเปอร์ ก็ขอให้นักเตะออกความเรื่องแผนการเล่นหรือแม้แต่เซ็นสัญญากับผู้เล่นด้วย

ทางด้าน คูเปอร์ มองว่า ทีมจะต้องใช้เวลาซักพักกว่าจะคุ้นชินกับระบบของเขา แต่ในทางกลับกัน สมัยของ มาเรสก้า แม้ว่าจะพาทีมเลื่อนชั้นได้ แต่ก็ไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของนักเตะมากนัก เพราะชอบออกคำสั่งและเรียกร้องมากเกินไป จนเกิดความตึงเครียดระหว่างทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชและผู้เล่น โดยก่อนเกมกับ คริสตัล พาเลซ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา คูเปอร์ ก็ออกมาทิ้งบอมบ์ใส่ลูกทีมว่าถ้าใครไม่ก้าวข้ามจากยุค มาเรสก้า มาสู่ยุคของเค้า ก็จะตกขบวน และ ถูกทิ้งไว้กลางทาง

“ชัดเจนว่ามีการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง เพราะผมเข้ามาใหม่ และนั่นมันก็เป็นเรื่องปกติ เพราะเราต้องชัดเจนว่าเราต้องการเล่นอย่างไร มันจึงต้องชัดเจนมากเช่นกันว่าใครกำลังนำไปปฏิบัติ และใครที่จะต้องปรับปรุงบ้าง นั่นคือข้อดีของการมีแนวทางที่เป็นเอกลักษณ์ของทีม”

 “เรามีการสื่อสารแบบสองทาง โต้ตอบกันกับนักเตะอย่างมากมาย เราขอความเห็นของพวกเค้า พวกเค้าต้องเห็นด้วยไปในทิศทางเดียวกันจริงๆ ถ้าหากพวกเค้าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจ พวกเค้าจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังนักเตะเข้าใจชัดเจนมากเกี่ยวกับสิ่งที่เรากำลังทำ วิธีที่เราต้องการเล่น วิธีที่เราต้องการทำงาน และข้อกำหนดที่ต้องทำให้ได้ เราทำงานร่วมกัน”

image 9 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

อย่างไรก็ตามจากการพลาด 3 แต้มในเกมที่บุกเสมอ พาเลซ 2-2 ทำให้หลายคนพุ่งเป้าไปที่แนวทางการทำทีมของ คูเปอร์ โดยเฉพาะการเลือกจัด 11 ตัวจริงในเกมล่าสุด ที่พัก ฟากุนโด้ บัวนาน็อตเต้ ที่กำลังฟอร์มขึ้นหม้อไว้ในม้านั่งสำรอง รวมทั้งการปรับบทบาทให้ วิลฟรีด เอ็นดิดี้ เล่นเป็นตัวรุก ซึ่งแม้ว่ามิดฟิลด์ไนจีเรียนรายนี้จะมี 2 แอสซิสต์กับบทบาทใหม่ที่เขาได้รับ แต่ผลการแข่งขันที่ดันทำ 3 แต้มหลุดมือ ทำให้หลายคนพุ่งเป้าไปยังตัว คูเปอร์ มากกว่า 2 แอสซิสต์ของ เอ็นดิดี้

ส่วนผสมยังไม่ลงตัว รอได้ไหม หรือจะไปซะก่อน

image 10 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

ขณะที่บทบาทสถานะของ 2 แข้งแกนหลักชุดเลื่อนชั้นอย่าง ริคาร์โด้ เปเรยร่า แบ็คขวาโปรตุกีส รวมถึง สเตฟี่ มาวิดิดี้ แนวรุกตัวจิ๊ดก็ต้องเปลี่ยนไป กลายเป็นตัวเลือกสำรอง ซึ่งสร้างความแปลกใจให้กับแฟนบอลไม่น้อย ซึ่งหาก คูเปอร์ ยังคงยึดมั่นแนวทางแบบเดิม และคิดว่าเป็นแนวทางที่ดีที่สุด เพื่อทำให้ทีมสู่เป้าหมาย เราก็ยอมรับการตัดสินใจ แต่หากไม่เป็นไปตามที่หวังเอาไว้และสถานการณ์ของทีมยังไม่ดีขึ้น และอาจมีผลต่ออนาคตกับทีมในระยะยาว ดังนั้น คูเปอร์ ก็ต้องรับผิดชอบเต็มๆ

แม้ว่า จิ้งจอกสยาม จะรอดพ้นการถูกตัดแต้ม และพยายามเสริมทัพอย่างหนักด้วยการคว้าผู้เล่นใหม่มาร่วมทีมถึง 8 รายประกอบไปด้วย ไมเคิ่ล โกลดิ้ง, คาเลบ โอโคลี่, บ็อบบี้ เดอ คอร์โดวา-รีด ,ฟากุนโด้ บัวนาน็อตเต้ โอลิเวอร์ สคิปป์, บิลาล เอล คานุสส์, จอร์แดน อายิว และ อ็อตซอนน์ เอดูอาร์ โดยมีเป้าหมายเพื่ออยู่รอดในพรีเมียร์ลีกต่อไป นั่นแสดงให้เห็นว่าบอร์ดบริหารพร้อมซัพพอร์ตสนับสนุนเต็มที่

สำหรับสไตล์การทำทีมของ คูเปอร์ จะเน้นไปที่แท็กติกเกมรับอันรัดกุม และอาศัยจังหวะสวนกลับเล่นงานคู่แข่ง ซึ่งจริงๆมันก็คือทีเด็ดของ เลสเตอร์ ในยุคของ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ที่สร้างเทพนิยายคว้าแชมป์พรีเมียร์มากครองเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน แต่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าวิวัฒนาการฟุตบอลมันพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว

ทั้งเรื่องของระบบบ และวิธีการเล่น รวมไปถึงแท็คติกต่างๆ ซึ่งดูเหมือนว่าทรงฟุตบอลและการแก้เกม รวมไปถึงการเปลี่ยนของ คูเปอร์ จะยังไม่ผ่าน จนเกิดกระแสวิจารณ์ผลงานของเจ้าตัว กับการออกสตาร์ท 4 เกมแรก เสมอ 2 แพ้ 2 และยังไม่ชนะใคร

image 11 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

โดยจากผลงานเกมล่าสุดที่ เลสเตอร์ เสมอ พาเลซ 2-2 คูเปอร์ ก็ไม่ได้กล่าวถึงความผิดพลาดเรื่องแท็คติกของตัวเอง แต่กลับเบนความสนใจไปที่การใช้ VAR จากจังหวะที่ทีมเสียประตูแรกมากกว่า โดย คูเปอร์ ได้ร้องขอให้สโมสร เรียกร้องไปยังพรีเมียร์ลีกให้เปิดเผยภาพนิ่งที่ชัดเจน เกี่ยวกับการตัดสินใจที่ให้ลูกยิงของ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า เป็นประตูแรก ในเกมที่เซลเฮิร์สต์ ปาร์ค เมื่อวันเสาร์ ที่ผ่านมา

เต็ง 4 โดนเด้งหากผลงานยังไม่กระเตื้อง

image 12 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

ซึ่งหลังผ่าน 4เกมแรกของฤดูกาล 2024-25 คูเปอร์ โผล่ขึ้นมาเป็นเต็ง 4 ที่จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง โดยมีเพียง รัสเซล มาร์ติน ของ เซาธ์แฮมป์ตัน เอริค เทน ฮาก ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ฌอน ไดซ์ ของ เอฟเวอร์ตัน เท่านั้น ที่มีความเสี่ยงถูกปลดออกจากตำแหน่งมากกว่า คูเปอร์ อย่างไรก็ตามหากผลงานของ เลสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่กระเตื้องนี่อีกไม่กี่เกมข้างหน้า ดีไม่ดี คูเปอร์ ก็อาจโผล่ไปเป็นเต็ง 1 ในการถูกปลดเช่นเดียวกัน

สำหรับ เลสเตอร์ ยังคงมีจุดเด่นในเรื่องของหัวจิตหัวใจความเป็นนักสู้ วิ่งจนถึงวินาทีสุดท้าย ซึ่งมีหลายครั้งเราจะเห็นได้ว่า เลสเตอร์ มักได้ประตูสำคัญในช่วงท้ายเกม ตราบใดที่ผู้ตัดสินยังไม่เป่าหมดเวลา นับจากนี้คือช่วงที่ เลสเตอร์ ต้องการชัยชนะเพื่อเป็นจุดเปลี่ยน

และเพิ่มความมั่นใจเดินหน้าไล่ล่าคะแนนในแต่ละเกม การแก้ไขจังหวะแนวรับเสียประตูง่ายๆ ทรงบอล การสร้างสรรค์โอกาส และการจบสกอร์เฉียบคม เป็นหนึ่งในงานชิ้นหลักและชิ้นสำคัญสำหรับ คูเปอร์ ที่ต้องแบกรับความกดดันหลังจากนี้ ที่ไม่มีโอกาสและเวลาให้แก้ตัวมากนัก

5 ชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

image 13 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

โดยเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 5 นัดต่อไปของ เลสเตอร์ น่าจะเป็นบทพิสูจน์ช่วงสุดท้ายของ สตีฟ คูเปอร์ ว่า จะสามารถผ่านบททดสอบครั้งนี้ไปได้หรือไม่ ซึ่งโปรแกรมส่วนใหญ่จะเจอกับทีมที่มีโอกาสเก็บคะแนน แทบทั้งนั้น แต่หากยังสะกดคำว่าชนะไม่เป็น โอกาสที่ คูเปอร์ จะได้อาจอยู่คุมทีมในถิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ก็น่าจะลดน้อยลงไปทุกทีๆ

โดยโปรแกรมเกม 5 นัดต่อไป เลสเตอร์ จะได้เล่นในรัง คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ของตัวเอง 3 นัด ซึ่งจะพบกับ เอฟเวอร์ตัน ,บอร์นมัธ และ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ส่วนอีก 2 เกมเยือน เลสเตอร์ จะต้องออกไปเยือน อาร์เซน่อล และ เซาธ์แฮมป์ตัน

image 14 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันจากต่างประเทศ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง บาเยิร์น มิวนิค

750x410 WP Cover FCB Partner 2024 - เมื่อ เลสเตอร์ ซิตี้ เจอพรีเมียร์ฯจ้องจะเล่น 5 เกมชี้ชะตา คูเปอร์ ไปต่อ หรือ พอแค่นี้

Share: