กีฬาฟุตบอล

จากเด็กชาวเกาะ สู่พ่อมดลูกหนัง แห่งทัพนักบุญ แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์

image 61 - จากเด็กชาวเกาะ สู่พ่อมดลูกหนัง แห่งทัพนักบุญ แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์

ในฟุตบอลยุคนี้หากจะเอ่ยถึงนักเตะพรสวรค์ ที่สามารถเปลี่ยนเกมและผลการแข่งขันได้ด้วยปลายสตั๊ด นักเตะผู้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความจงรักภักดีต่อต้นสังกัดก็อาจจะนึกชื่อไม่ออกสักเท่าไหร่ แต่หากย้อนกลับไปยุคต้นๆของศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เราอาจได้เห็นนักเตะประเภทดังกล่าวอยู่ไม่น้อย ซึ่งนับเป็นเสน่ห์อีกหนึ่งอย่างของฟุตบอลลีกที่ได้รับการยกย่องว่าดีที่สุดในโลก

เกาะ เกิร์นซีย์ จุดกำเนิดพ่อมดลูกหนัง

image 59 - จากเด็กชาวเกาะ สู่พ่อมดลูกหนัง แห่งทัพนักบุญ แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์

ย้อนไปไกลหน่อยราวๆ 20-30 ปีที่แล้ว ที่โลกโซเชี่ยลยังไม่ตั้งไข่ นักฟุตบอลคนใดที่ได้รับสมญานามว่าเป็นพ่อมด ย่อมมีของดีอยู่ในตัว และมักจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ชื่อเล่นดังกล่าวไม่ได้ได้มาเพราะโชคช่วย

ดั่งเช่น ปีกพ่อมด ที่เป็นฉายาของ ไรอัน กิ๊กส์ ตำนานปีกทีมชาติเวลส์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่หากจะพูดถึงพ่อมดลูกหนังอีกหนึ่งรายในยุคก่อนหน้านั้นเล็กน้อย คอบอลอังกฤษ ก็คงต้องตอบเป็นเสียงเดียวกัน นั่นก็คือชื่อของ แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ มิดฟิลด์ตัวรุกผู้เป็นสัญลักษณ์ของ เซาธ์แฮมป์ตัน ทีมดังแดนปักษ์ใต้ของเกาะอังกฤษ

เลอ ทิสซิเอร์ เกิดที่ เกิร์นซีย์ เกาะเล็กๆขนาด 65 ตารางกิโลเมตรที่อยู่ใกล้กับพรมแดนของฝรั่งเศส เลอ ทิสซิเอร์ เริ่มเล่นฟุตบอลครั้งแรกที่เกาะแห่งนี้ และเล่นฟุตบอลกับทีมท้องถิ่น ก่อนจะออกจากเกาะไปผจญภัยในเกาะอังกฤษ และได้รับการเซ็นสัญญาเข้าทีมเยาวชนของ เซาธ์แฮมป์ตัน ในวัย 17 ปี

สโมสรแรกและสโมสรสุดท้ายในชีวิต

image 60 - จากเด็กชาวเกาะ สู่พ่อมดลูกหนัง แห่งทัพนักบุญ แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์

และเพียงปีเดียว เลอ ทิสซิเอร์ ก็ถูกดันขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จในฤดูกาล 1986-87 ภายใต้การคุมทีมของ คริส นิโคล กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ และในฤดูกาลแรก เลอ ทิสซิเอร์ ซัดไปถึง 6 ประตูจาก 24 นัด โดยหนึ่งในนั้นคือการตะบันแฮตทริคใส่ เลสเตอร์ ซิตี้

หลังจากนั้นไม่นาน เลอ ทิสซิเอร์ ก็ค่อยๆกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีม ระเบิดฟอร์มยิงไปถึง 20 ประตูในฤดูกาล 1989-90 รั้งอันดับ 3 ดาวซัลโวร่วมของลีก ทั้งที่เล่นในตำแหน่งกองกลางพร้อมช่วยให้ เซาธ์แฮมป์ตัน จบในอันดับ 7 ของตาราง ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดในรอบ 5 ปี เท่านั้นยังไม่พอเมื่อ เลอ ทิสซิเอร์ ได้รับเลือกให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของดิวิชั่น 1 พ่วงด้วยรางวัลผู้เล่นผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งปีของทัพ นักบุญแดนใต้ ในฤดูกาลดังกล่าวด้วย

เลอ ทิสซิเอร์ เปรียบเสมือนลมหายใจและเป็นผู้นำแห่งถิ่น เดอะ เดลล์ ณ ตอนนั้น แม้จะไม่ใช่กองหน้าโดยธรรมชาติ แต่ เลอ ทิสซิเอร์ สามารถทำประตูได้แทบทุกรูปแบบแล้วแต่จินตนาการจะพรั่งพรูออกมา ทั้งการยิงไกล วอลเลย์ ลากเลื้อยหลบฝูงคู่แข่ง จุดโทษ ฟรีคิก หรือแม้แต่เตะมุม พี่แกทำให้เห็นทำมาหมดแล้ว เขากลายเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของสโมสร ทั้งตัวสร้างสรรค์เกม ตัวจบสกอร์ เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นที่ เซาธ์แฮมป์ตัน ขาดไม่ได้ แถมยังเต็มเปี่ยมไปด้วยบารมี ความเป็นผู้นำ โดย เลอ ทิสซิเอร์ มักจะยิงได้เกิน 10 ประตูเกือบทุกฤดูกาลในช่วงยุค 90 โดยในฤดูกาล 1993-94 เลอ ทิสซิเอร์ กระหน่ำไปถึง 25 ประตูจากการลงสนาม 38 นัด ในขณะที่ฤดูกาลต่อมาก็ซัดไปอีกถึง 20 ประตูจากการลงสนาม 41 นัด

ศิลปินในสนาม นิยามของ เลอ ทิสซิเอร์

image 61 - จากเด็กชาวเกาะ สู่พ่อมดลูกหนัง แห่งทัพนักบุญ แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์

เลอ ทิสซิเอร์ ขึ้นชื่อเรื่องของจินตนาการ ยามอยู่ในสนาม นั่นจึงไม่แปลกที่บทบาทของเขาเปรียบเสมือนมันสมองที่พร้อมจะสรรค์สร้างเล่นงานคู่แข่งได้ทุกเมื่อ เรียกได้ว่าเป็นศิลปินนักเตะอีกคนของวงการ โดยนอกจากความเป็นศิลปินในสนามแล้ว นอกสนาม เลอ ทิสซิเอร์ ก็เป็นบุคคลอารมณ์ศิลปินเช่นกัน แถมยังขึ้นชื่อในฐานะนักเตะจอมขี้เกียจ เขาไม่ค่อยชอบวิ่งไล่บอลในสนาม และเกลียดการเข้าฟิตเนส ซึ่งเขาเองก็ยอมรับในจุดนี้แต่โดยดีว่า

“โดยปกติแล้ว ผมไม่ค่อยชอบการซ้อมเกี่ยวกับสมรรถภาพทางร่างกาย ผมสามารถซ้อมทั้งวันถ้ามีบอลมาเกี่ยวข้อง แต่ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล คุณต้องวิ่งตลอด 2 สัปดาห์ และมันชวนให้เบื่อเข้าไส้เลย”

เลอ ทิสซิเอร์ สร้างภาพจำด้วยสังหารประตูเวอร์ชั่นพิสดารมากมายหลายต่อหลายครั้ง จนติดตาแฟนบอลในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นสูตรการเล่นลูกฟรีคิกพิศดารที่เจ้าตัวเดาะบอลขึ้นมวอลเลย์ในเกมพบ วิมเบิลดัน ในฤดูกาล 1992-93 รวมไปถึงลูกยิงแห่งฤดูกาล 1994-95 ที่พ่อมดลูกหนังรายนี้ ค่อยๆเลื้อยหลบผู้เล่น แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ก่อนจะชิพจากระยะ 40 หลาเข้าไปทำเอาคนดูอ้าปากค้างกันทั้งสนาม เช่นเดียวกับการชิพข้ามหัว ปีเตอร์ ชไมเคิล สุดยอดโกลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมถล่ม 6-3 เมื่อฤดูกาล 1996-97 ส่วนประตูที่ทำให้ แม็ทธิว เลอ ทิสซิเอร์ กลายเป็นที่จดจำมากที่สุด น่าจะเป็นจังหวะที่เดาะบอลหลบ 2 ผู้เล่น นิวคาสเซิ่ล และซัดเข้าไปอย่างเหนือชั้น ในฤดูกาล 1993-94

วัน แมน คลับ ผู้จงรักภักดี