รูดม่านปิดฉากเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับฟุตบอลลีกที่ได้รับการยอมรับว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพมากที่สุดของโลกอย่าง พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยในซีซั่นนี้การลุ้นแชมป์ต้องมาวัดกันถึงนัดสุดท้ายก่อนที่พลพรรค เรือใบสีฟ้า ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่มาในฐานะแชมป์เก่าจะป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ พร้อมกับเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ชูโทรฟี่พรีเมียร์ถึง 4 ฤดูกาลติดต่อกัน

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือประวัติศาสตร์

โดยเป็นการคว้าแชมป์ลีกสูงสุดในฐานะกุนซือด้วยจำนวน 12 ครั้ง รวมไปถึงเมื่อครั้งคุมทัพ บาร์เซโลน่า และ บาเยิร์น มิวนิค ด้วย ในขณะที่รองแชมป์ในปีนี้ได้แก่ อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า ที่ยังทำได้ดีที่สุดเพียงอันดับ 2 เหมือนฤดูกาลที่แล้ว

เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือชาวสแปนิช เข้ามาสร้างปรากฏการณ์ในถิ่น เอติฮัต สเตเดี้ยม ด้วยการพา เรือใบสีฟ้าคว้าแชมป์ลีกสมัยที่ 6 จาก 7 ฤดูกาลที่เข้ามาคุมทีม ซึ่งในซีซั่นล่าสุด ซิตี้ โกยไปถึง 91 แต้ม จากการชนะ 28 เสมอ 7 แพ้ 3 เกม ยิงไป 96 ประตูและเสียไป 34 ประตู

นอกจากการรักษาแชมป์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ กองหน้าตัวเก่งของพวกเขายังสามารถรักษาตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุดของพรีเมียร์ลีกได้ด้วย จากการสังหารไป 27 ประตู แม้ว่าในซีซั่นที่แล้วกองหน้าทีมชาตินอร์เวย์จะฟอร์มแรงกว่าในซีซั่นนี้ด้วยการกระหน่ำไปถึง 36 ประตูก็ตาม

โคตรพีค โคตรครบ จบทุกตำแหน่ง

สำหรับฟันเฟืองสำคัญของ ซิตี้ ที่ทำให้พวกเขาได้แชมป์ในฤดูกาลนี้ มีหลากหลายปัจจัย ทั้งฟอร์มของ เควิน เดอ บรอยน์ ที่ทีมขาดไม่ได้ไปแล้ว ไหนจะผลงานของดาวซัลโวอย่าง ฮาลันด์ รวมไปถึงตัวรุกอย่าง แบร์นาโด้ ซิลวา ที่ยิ่งเล่นยิ่งเก๋า

โดยผู้เล่นที่เรียกได้ว่าเป็นผู้ปิดทองหลังพระ อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของ เรือใบสีฟ้า ในฤดูกาลนี้ ก็น่าจะเป็นกระดูกสันหลังของทีมอย่าง โรดรี้ ที่มีสถิติอันน่าทึ่งหลายสถิติ ไม่ว่าจะเป็นผู้เล่นที่ผ่านบอลมากที่สุดด้วยจำนวนถึง 3,633 ครั้ง แถมยังเป็นผู้เล่นที่สัมผัสบอลมากที่สุดด้วยจำนวนถึง 4,116 ครั้ง ในฤดูกาลที่ผ่านมา

เท่านั้นยังไม่พอเมื่อดาวเตะสแปนิช มีผลงานส่วนตัวที่ไม่แพ้ใครเลยตลอดทั้งฤดูกาลที่ได้ลงสนาม โดยเป็นการลงสนาม 34 เกม ชนะ 27 เสมอ 7 เกม โดย 3 เกมที่ ซิตี้ พ่ายแพ้ โรดรี้ ไม่ได้ลงสนามให้กับทีม จากผลงานดังกล่าว ทำให้ โรดรี้ กลายเป็นแข้งรายที่ 5 ที่ไม่แพ้ใครเลย จากการลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ตลอดทั้งซีซั่น ซึ่งผู้เล่นที่ทำได้ 4 รายก่อนหน้านี้ ทั้งหมดล้วนเป็นสมาชิกทีม อาร์เซน่อล ชุดไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-04

ปีทอง ฟิล โฟเด้น

ขณะที่อีกหนึ่งผู้เล่นคนสำคัญที่ทำผลงานโดดเด่นและไม่พูดถึงก็คงจะไม่ได้นั่นก็คือ ฟิล โฟเด้น ตัวรุกดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่ยกระดับฟอร์มการเล่นและการยิงประตูขึ้นมาแบบก้าวกระโดด โดยในศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา โฟเด้น ระเบิดฟอร์มยิงไป 19 ประตูกับอีก 8 แอสซิสต์

และมักจะยิงประตูสำคัญๆให้กับทีมได้เสมอ ดั่งเช่นเกมสุดท้ายของฤดูกาลที่เจ้าตัวยิงเบิกร่องใส่ เวสต์แฮม คลายความกดดันให้ทีมตั้งแต่ไก่โห่ จนทำให้ต้นสังกัดไร้ความกดดันในช่วงเวลาที่เหลือ

สำหรับซีซั่นนี้น่าจะเป็นปีที่ดีที่สุดของ โฟเด้น เลยก็ว่าได้เพราะนอกจากคว้าแชมป์ลีกกับ เรือใบสีฟ้า แล้ว เจ้าตัวยังคว้ารางวัลส่วนตัวอย่างนักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลทั้ง 2 สาขา จากการลงคะแนนของเพื่อนร่วมอาชีพ รวมไปถึงการโหวตจากแฟนบอล

เปลือยใจ กวาร์ดิโอล่า

หลังคว้าแชมป์สมัยที่ 4 ติดต่อกัน กุนซือชาวสแปนิช อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เปิดใจถึงความรู้สึกตัวเองโดยกล่าวว่า “ตอนที่ผมย้ายมาที่นี่ หากมีคนบอกว่าผมจะคว้าแชมป์ลีก 6 ครั้งใน 7 ฤดูกาล ผมคงตอบว่าคุณบ้าไปแล้ว ท่ามกลางนักเตะของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี และทุกทีมเหล่านี้ แต่ตอนนี้คือยุคของเรา”

“ผมค่อนข้างมั่นใจว่าสำหรับแฟนบอลของเรา ทีมของเราคือทีมที่ดีที่สุดในเวลานี้ ในเรื่องของตัวเลข สถิติ ไม่มีใครทำได้เหนือกว่าเราทั้งจำนวนประตู คะแนนสะสม และแชมป์ 4 สมัยติดต่อกัน เราทำสิ่งที่เหลือเชื่อมาแล้ว แชมป์ลีก 6 สมัยในรอบ 7 ปี ท่ามกลางผู้จัดการทีมและสโมสรระดับคุณภาพมากมายในลีกแห่งนี้”

นอกจากนี้ กวาร์ดิโอล่า ยังเปิดเผยเป็นนัยยะเกี่ยวกับอนาคตการคุมทีมของตัวเองว่า “ความจริงคือผมน่าจะใกล้ออกจากทีมแล้ว แต่เราคุยกับสโมสรแล้ว ความรู้สึกคือผมอยากอยู่ต่อไป ทำงานต่อในฤดูกาลหน้า แล้วระหว่างฤดูกาลค่อยมาคุยกัน อยู่สัก 8-9 ปีไหม แล้วเราจะได้รู้กัน”

บทสรุปพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2023-24

แชมป์ : แมนเชสเตอร์ ซิตี้
โควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก : แมนเชสเตอร์ ซิตี้, อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล, แอสตัน วิลล่า
โควตา ยูฟ่า ยูโรปา ลีก : ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์
โควตา ยูฟ่า คอนเฟอเรนซ์ ลีก : เชลซี 
ตกชั้น :  ลูตัน ทาวน์, เบิร์นลี่ย์, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด
ดาวซัลโว : เออร์ลิง ฮาแลนด์ (แมนเชสเตอร์ ซิตี้) 27 ประตู
แอสซิสต์มากที่สุด : โอลลี่ วัตกิ้นส์   13 ครั้ง 
คลีนชีตมากที่สุด (ถุงมือทองคำ) : ดาบิด ราย่า 16 คลีนชีต
นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล : ฟิล โฟเด้น (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำฤดูกาล : โคล พาลเมอร์ (เชลซี)
นักเตะยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสมาคมผู้สื่อข่าวฟุตบอลอังกฤษ : ฟิล โฟเด้น (แมนเชสเตอร์ ซิตี้)
เลื่อนชั้น : เลสเตอร์ ซิตี้, อิปสวิช ทาวน์, ลีดส์ ยูไนเต็ด หรือ เซาธ์แฮมป์ตัน

สถิติรายบุคคลที่น่าสนใจ ในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2023-24

ผู้เล่นที่ลงสนามมากที่สุด คิดเป็นจำนวน 3,420 นาที มีทั้งหมด 6 รายประกอบไปด้วย
แม็กซ์ คิลแมน – วูล์ฟส์
แบรนด์ เลโน่ – ฟูแล่ม
อ็องเดร โอนาน่า – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
จอร์แดน พิคฟอร์ด – เอฟเวอร์ตัน
วิลเลี่ยม ซาลิบา – อาร์เซน่อล
กูยิเอลโม วิคาริโอ้ – สเปอร์ส

ผู้เล่นที่ยิงชนเสาชนคานมากที่สุด
1. ดาร์วิน นูนเญซ ลิเวอร์พูล 9 ครั้ง
2. จารอด โบเว่น – เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 5 ครั้ง
2. โอลี่ วัตส์กิ้นส์ – แอสตัน วิลล่า 5 ครั้ง

ผู้เล่นที่พลาดโอกาสทองมากที่สุด
1. เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ – แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 34 ครั้ง
2. ดาร์วิน นูนเญซ – ลิเวอร์พูล 27 ครั้ง
3. นิโคลัส แจ็คสัน – เชลซี 24 ครั้ง

ผู้เล่นที่เข้าสกัดมากที่สุด
1. เจา ปาลินญ่า – ฟูแล่ม 152 ครั้ง
2. เจา โกเมซ – วูล์ฟส์ 128 ครั้ง     
3. วินิซิอุส ซูซา – เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 125 ครั้ง

ผู้เล่นที่ทำฟาล์วมากที่สุด
1. คอนอร์ กัลลาเกอร์ – เชลซี 83 ครั้ง
2. เจา โกเมซ – วูล์ฟส์ 66 ครั้ง
3. หลุยซ์ ดิอาซ – ลิเวอร์พูล 54 ครั้ง

ผู้รักษาประตูที่เซฟมากที่สุด
1. อ็องเดร โอนาน่า – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 149 เซฟ
2. โธมัส กามินสกี้ – ลูตัน ทาวน์ 145 เซฟ
3. อัลฟงส์ อเรโอล่า – เวสต์แฮม 138 เซฟ

ผู้เล่นที่รับใบเหลืองมากที่สุด 
1. เจา ปาลินญ่า – ฟูแล่ม 13 ใบ
1. มาร์กอส เซเนซี่ – บอร์นมัธ 13 ใบ
3. ดั๊กลาส ลุยซ์ – แอสตัน วิลล่า 12 ใบ

ผู้เล่นที่ถูกไล่ออกมากที่สุดคนละ 2 ครั้งประกอบไปด้วย
อีฟส์ บิสซูม่า – สเปอร์ส  
รีซ เจมส์ – เชลซี 
โอลิเวอร์ แม็คเบอร์นีย์ – เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด

สถิติของผู้ตัดสินที่น่าสนใจในศึกพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2023-24

แจกใบเหลืองมากที่สุด
1. แอนโธนีย์ เทย์เลอร์ ตัดสิน 27 เกม แจก 131 ใบเหลือง
2. ไซม่อน ฮูเปอร์ ตัดสิน 25 เกม แจก 114 ใบเหลือง
3. โรเบิร์ต โจนส์ ตัดสิน 22 เกม แจก 99 ใบเหลือง

แจกใบแดงมากที่สุด
1. ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ แจกเหลืองแดง 2 ครั้ง ใบแดงตรงอีก 3 ครั้ง
2. สจ๊วร์ต แอตต์เวลล์ แจกเหลืองแดง 1 ครั้ง ใบแดงตรงอีก 3 ครั้ง
3. แอนโธนีย์ เทย์เลอร์ แจกเหลืองแดง 2 ครั้ง ใบแดงตรงอีก 2 ครั้ง

แจกจุดโทษมากที่สุด
1. แอนโธนี่ย์ เทย์เลอร์ แจกจุดโทษ 14 ครั้ง จากการลงตัดสิน 27 เกม
2. ไมเคิ่ล ซาลิสบิวรี่ แจกจุดโทษ 10 ครั้ง จากการลงตัดสิน 14 เกม
3. คริส คาวานาฟ แจกจุดโทษ 9 ครั้ง จากการลงตัดสิน 20 เกม

ดับฝันเพื่อนร่วมเมือง ภารกิจสุดท้านของ เรือใบสีฟ้า ในซีซั่นนี้

เท่ากับว่าถึงตอนนี้เหลือเพียงถ้วยเดียวเท่านั้นในประเทศอังกฤษนั่นก็คือรายการ เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ ที่จะมาในเวอร์ชั่น แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ โดย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ เวมบลีย์ ในวันที่ 25 พฤษภาคมนี้

โดยเกมนี้คาดกันว่าเป็นเกมชี้ชะตา เอริค เทน ฮ่ด กุนซือของ ปีศาจแดง เลยก็ว่าได้เพราะว่าพวกเขาจบเพียงอันดับ 8 ของตาราง และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ให้ได้ เพื่อโอกาสในการคว้าโควตาไปลุยศึกยูโรปา ลีก ในฤดูกาลหน้า

แต่ถ้า แมนซิตี้ คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ โควตา ยูโรป้า ลีก จะตกเป็นของทีมอันดับ 6 พรีเมียร์ลีก และอันดับ 7 ได้ไปเล่นใน คอนเฟอเร้นซ์ ลีก ส่วนกรณี แมนยู คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ พวกเขาจะได้เข้าไปเล่นใน ยูโรป้า ลีก ทันที และทีมอันดับ 6 พรีเมียร์ลีก จะหล่นไปเล่น คอนเฟอเร้นซ์ ลีก แทน

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค