“ถ้าคุณถามผมตอนอายุ 12 หรือ 13 ปี สโคลซี่ จะเป็นหนึ่งในนักเตะชั้นยอดที่สุดหรือไม่? ผมบอกคุณได้เลยว่า ไม่มีทาง” แกรี่ เนวิลล์ อดีตผู้เล่นแบ็คขวาของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งคือหนึ่งผลผลิตจากทีมเยาวชนชุด ‘คลาส ออฟ 92’ ได้กล่าวถึง พอล โคลส์ เพื่อนร่วมทีมในชุดดังกล่าว โดย แกรี่ คิดว่าฝีเท้าของ พอล สโคลส์ ในเวลานั้น ไม่มีโอกาสจะได้เสนอหน้าอยู่ในม้านั่งสำรองของทีมเยาวชนด้วยซ้ำ
ปฐมบทบนเส้นทางอาชีพ
พอล สโคลส์ ในช่วงเริ่มต้นการเป็นเด็กฝึกหัดในทีมเยาวชน แมนฯ ยูไนเต็ด เขาทั้งตัวเล็ก บอบบาง และไร้ซึ่งพละกำลัง แถมยังเป็นเด็กที่วิ่งช้า และมีโรคหืดหอบเป็นโรคประจำตัว สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติของนักเตะผู้ไร้อนาคตชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเวลานั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ สโคลส์ มักไม่ค่อยมีชื่อติดอยู่ในทีม และไม่ได้รับโอกาสลงสนามบ่อยนัก เนื่องจากโค้ชจะชื่นชอบเด็กอย่าง นิกกี้ บัตต์ ที่ขยันวิ่งไล่อัดคู่แข่งในแดนกลาง โดยยืนจับคู่กับ ไซมอน เดวี่ย์ หรือ เบน ธอร์นลี่ย์ ที่ทั้งรวดเร็ว และว่องไว
สโคลส์ พยายามเอาชนะอุปสรรคของร่างกายด้วยการเลิกดื่มเบียร์ เลิกทานขนมพาย และพัฒนาการเล่นของตนเองด้วยการใช้พรแสวงมากกว่าพรสวรรค์ จนโค้ชเริ่มขยับตำแหน่งของเขาในตอนแรกจากแบ็คซ้ายให้ลงมายืนในตำแหน่งกองกลางการพยายามพัฒนาตนเองอย่างก้าวกระโดดนี้ สุดท้ายแล้วทั้ง ไบรอัน คิดด์ ผู้ช่วยโค้ชในเวลานั้น รวมทั้ง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รู้สึกประทับใจและเชื่อมั่นในตัวเขาขึ้นเรื่อย ๆ
นั่นจึงเป็นปฐมบทของนักเตะกองกลางตัวน้อยคนหนึ่งที่เริ่มต้นดูไร้อนาคตในทีมชุดเยาวชน แต่การบากบั่นมุมานะทำให้เขามีชื่อติดอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่ปี 1993 จนถึงปี 2013 ด้วยจำนวน 718 เกม 155 ประตู ที่รับใช้สโมสร แชมป์ลีก 11 สมัย เอฟเอ คัพ 3 สมัย และ แชมป์เปี้ยน ลีก 2 สมัย
ในส่วนของ แกรี่ เนวิลล์ เพื่อนร่วมทีมได้กลับคำให้การจากวันแรกด้วยการกล่าวถึงในวันที่ สโคลส์ ประกาศแขวนสตั๊ดว่า “สโคลซี่” คือนักเตะที่เก่งที่สุดที่ผมเคยร่วมเล่นด้วย”
คุณสมบัติในฝีเท้า
เทคนิคการวางบอลระยะไกลด้วยความแม่นยำ บอลสั้นที่ถูกส่งอย่างง่ายแต่แน่นอน ทำให้เพื่อนสามารถเล่นต่อได้ทันที หรือบ่อยหนมันคือ “คิลเลอร์พาส” นำไปสู่การยิงประตู การแก้ไขสถานการณ์ที่ถูกไล่บีบแย่งบอลเร็วจากคู่ต่อสู้ รวมถึงอาวุธเด็ดจากลูกยิงไกลอันทรงพลัง เหล่านี้คือ “เครื่องหมายการค้า” ของ สโคลส์ ตลอดเวลา 20 ปี ที่เขาสวมยูนิฟอร์ม ‘ปีศาจแดง’ ลงสนาม และแทบไม่เคยมีฤดูกาลใดที่ฟอร์มการเล่นของเขาจะลดด้อยคุณภาพถอยลง
ถ้อยคำยกย่อง
บุคลิกที่เป็นคนพูดน้อย แต่มักแสดงออกด้วยฝีเท้าให้ผู้คนเห็นในสนามมากกว่า บทสัมภาษณ์ระหว่างช่วงการเป็นนักเตะจึงเป็นสิ่งที่หาได้ยากจากเขา แต่ในทางกลับกันคาแร็กเตอร์แบบ ‘ไม่พูดเยอะเจ็บคอ’ แค่รอเวลาลงสนามแล้วทำผลงานพิสูจน์แทนคำพูดเพียงเท่านั้น อะไรเช่นนี้ขับเน้นให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักฟุตบอล ‘ไอดอล ของ ไอดอล’ รวมทั้งเป็นนักเตะที่บรรดาประธานสโมสรและเหล่ายอดโค้ชทั้งหลายต่างหมายปอง
“คุณไม่ค่อยเจอนักเตะที่สมบูรณ์แบบนักหรอก แต่สโคลส์คือคนที่ใกล้เคียงที่สุดที่คุณจะหาได้” คำพูดจาก ซีเนอดีน ซีดาน ที่ยกย่อง สโคลส์ ว่าคือหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดของโลกในช่วง 2 ทศวรรษ ที่ผ่านมา “หากผมได้ลงเล่นร่วมกับเขา ผมคงทำประตูได้มากกว่านี้” คำพูดถึง สโคลส์ จาก เปเล่ ตำนานนักฟุตบอลของโลกที่มีสถิติการยิงประตูเกินหนึ่งพันประตู
รวมถึงนักเตะระดับโลกรุ่นหลัง เช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ก็เคยโชว์เทคนิคสกิลต่อหน้าสโคลส์ สมัยลงฝึกซ้อมกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในวันแรก ๆ แต่แทนที่สโคลส์จะตื่นเต้นกับทักษะเหล่านั้น เขานำลูกบอลมาวางและยิงลูกบอลพุ่งโดนต้นไม้นั้นในครั้งเดียว โรนัลโด้ เล่าว่า กว่าตัวเขาจะยิงให้โดนต้นไม้นั้นบ้างก็ต้องลองใหม่นับสิบครั้ง
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ก็เคยกล่าวไว้ว่า เขาแทบไม่ต้องแนะนำวิธีการเล่นใด ๆ ให้แก่ สโคลส์ และที่ศูนย์ฝึกลา มาเซีย ของบาร์เซโลน่า ชื่อของ พอล สโคลส์ ก็ได้รับการกล่าวถึงในฐานะคุณครูสำหรับเหล่าแข้งเยาวชน หลังจบเกมนัดชิงชนะเลิศในศึก ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ปี 2011 อันเดรียส อิเนียสต้า ที่เพิ่งพา บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ รีบเร่งเดินมา ขอแลกเสื้อกับสโคลส์ ก่อนที่ ชาบี เอร์นานเดซ เพื่อนกองกลางของเขาจะชิงแลกตัดหน้า
นอกจากเรื่องของฝีเท้าแล้ว สโคลส์ จัดเป็นนักเตะที่จงรักภักดีกับสโมสร ตลอดอาชีพค้าแข้งเขาคือ ‘วัน คลับ แมน’ ตัวจริงเสียงจริง และ สโคลส์ คือนักฟุตบอลที่ไม่เคยมีเอเย่นต์ส่วนตัว
ครั้งหนึ่ง มัสซิโม โมรัตติ ประธานสโมสรอินเตอร์ มิลาน ยอมรับว่า สโคลส์ คือนักเตะในแบบฉบับที่เขาต้องการได้มาร่วมทีมมากที่สุด อย่างไรก็ตามสิ่งที่ โมรัตติ ได้รับการตอบกลับหลังการยื่นข้อเสนอทาบทามคือสิ่งที่นักเตะน้อยคนจะเลือกปฏิเสธด้วยถ้อคำเช่นนั้น
“เราพยายามอย่างมากที่จะคว้าตัว พอล สโคลส์ มาร่วมทีม เรามอบเช็กเปล่าให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด และเราพูดคุยกับตัวนักเตะด้วย… เขาตอบผมกลับมาสั้นๆ ว่า “หากคุณอยากให้ผมลงเล่นให้ คุณต้องซื้อสโมสรแห่งนี้ไปเป็นของคุณเอง”
ช่วงปลายอาชีพ
สโคลส์ ประกาศแขวนสตั๊ดกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครั้งแรกในเดือนสิงหาคม ปี 2011 ยุติเส้นทาง 20 ปี ที่รับใช้สโมสร ณ โรงละครแห่งความฝันด้วยวัย 37 ปี อย่างไรก็ตามอีก 5 เดือนต่อมา สโคลส์ ก็ต้องปัดฝุ่นรองเท้าสตั๊ดหวนกลับมาลงสนามอีกรอบจากคำร้องขอของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
ในเวลานั้น แมนฯ ยูไนเต็ด กำลังประสบกับปัญหานักเตะกองกลางพากันบาดเจ็บ อีกทั้ง เฟอร์กี้ คิดว่าเขาไม่อาจหาใครมาทดแทนตำแหน่งของสโคลส์ได้เลย
จนสุดท้ายเมื่อเจ้านายที่เคารพอย่าง เซอร์อเล็กซ์ เอ่ยปากขอแรง สโคลส์ จึงได้กลับมาลงสนามให้แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง ด้วยรองเท้าสตั๊ดที่เขาต้องออกไปหาซื้อในช็อปท้องถิ่นในราคาคู่ละสองพันบาท
“ตอนนั้นผมแขวนสตั๊ดไปแล้วนะ แต่ว่าเพื่อทีม และทางท่านเซอร์ก็ขอมา ผมเลยตัดสินใจกลับมาเพื่อช่วยทีม คุณเชื่อไหมว่าพวกสปอนเซอร์ยังไม่รู้เลยว่าผมกลับมาลงเล่นอีกครั้ง และผมไม่มีสตั๊ดใช้แล้ว ผมเลยต้องไปซื้อสตั๊ดคู่ละ 50 ปอนด์ มาใช้ลงเล่นกับแมนซิตี้ในเอฟเอ คัพ”
การหวนคืนสนามในวัย 37 ปี ของสโคลส์ เกมแรกคือการเจอกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผลสกอร์จบลงด้วยชัยชนะของ ‘ปีศาจแดง’ 3-2 โดยสถิติส่วนตัวของ สโคลส์ ในเกมนั้น เขาผ่านบอลสำเร็จ 97% ด้วยสตั๊ดคู่ละสองพันบาท
แต่การกลับมาเตะฟุตบอลอีกครั้งก็เกิดขึ้นเพียงระยะสั้น
เพราะฤดูกาลถัดมา 2012/13 พอล สโคลส์ ก็ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลเป็นคำรบสองในวัย 38 ปี เขาอำลาทีมไปพร้อมกับบรมกุนซือแห่ง แมนฯ ยูไนเต็ด อย่าง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน รวมถึง เดวิด กิลล์ ซีอีโอ ของทีม พร้อมฝากผลงานคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 20 และมันคือแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ทำได้ตราบจน
ปัจจุบัน
“ท้ายที่สุดผมผมก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ดดีกว่า การได้เล่นฟุตบอลที่ผมอยู่กับมันมาตลอด การได้ประสบความสำเร็จกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การนำของผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คือเกียรติประวัติของผม”
พอล สโคลส์ คือนักเตะคนหนึ่งผู้เริ่มต้นจากการไร้ซึ่งพรสวรรค์ ร่างกายที่ไม่พร้อมด้วยโรคประจำตัว สุดท้ายเมื่อเขาเริ่มใช้พรแสวงฟันฝ่าอุปสรรค บวกกับความมุ่งมั่น จนเขาสามารถกลายเป็นกองกลางระดับโลกคนหนึ่งที่ถูกยกให้เป็น ไอดอล จาก นักเตะไอดอล ของใครหลาย ๆ คน