หากย้อนไปประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ในประเทศไทย ใครก็ตามไว้หนวดไว้เครา และมีสไตล์การเข้าบอลที่ถึงลูกถึงคน ก็มักจะได้รับสมญานามโดยอัติโนมัติว่าเป็น ‘กัตตูโซ่เมืองไทย” และเพราะเหตุใด อดีตมิดฟิลด์ทีมชาติอิตาลีถึงเป็นที่จดจำในฐานะ ไอ้รถถัง แห่งถิ่น ซาน ซิโร่ จนถึงขั้นมีภาพจำและคาแรกเตอร์เป็นของตัวเอง เราจะมาย้อนความเล่าเรื่องและเส้นทางไทม์ไลน์ชีวิตการค้าแข้ง และวีรกรรมบางสุดอันสุดระห่ำของเขากัน
เก็บเลเวลความระห่ำกับ เรนเจอร์ส
เจนนาโร่ กัตตูโซ่ เกิดที่ คาราบริอา ,โคเซนซ่า ทางตอนใต้ของอิตาลี เมื่อปี 1978 ก่อนได้รับโอกาสเข้าสู่ทีมชุดเยาวชนของ เปรูจา เมื่อปี 1990 ด้วยวัย 12 ขวบ โดยหลังจากที่เก็ยเลเวลในทีมชุดเยาวชนของ เปรูจา ได้ 5 ปี กัตตูโซ่ ก็ถูกดันเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ในปี 1995 และในลงเล่นไป 2 เกมในศึกกัลโช่ เซเรีย บี อิตาลี กับฐานะผู้เล่นดาวรุ่ง ฤดูกาลต่อมา กัตตูโซ่ ลงรับใช้ เปรูจา ในลีกสูงสุดได้เพียง 8 เกม ต้นสังกัดก็รับข้อเสนอจำนวน 4 ล้านปอนด์ เพื่อปล่อยกองกลางพันธุ์ดุไปเล่นต่างแดนกับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ทีมในลีกสก็อตแลนด์ เมื่อปี 1997
โดย เรนเจอร์ส ที่มี ดิค อัตโวคาท กุนซือชาวดัตช์ คุมทีมกำลังมองหา มิดฟิลด์ตัวตัดเกม ไปผนึกกำลังกับตัวรุกสายศิลปินชั้นยอดไม่ว่าจะเป็น ไบรอัน เลาดรู๊ป, โยนาส เธิร์น และ พอล แกสคอยน์ และแม้ว่าบางเกมเจ้าของฉายา ไอ้รถถัง จะโดนโยกไปเล่นตำแหน่งแบ็คขวา แต่ ด้วยสไตล์บู๊ดุดันกัดไม่ปล่อย จึงทำให้เจ้าตัวมีผลงานที่ไม่เลว โดยตลอด 2 วันฤดูกาลกับ เรนเจอร์ กัตตูโซ่ ลงสนามไป 51 เกมยิงไป 5 ประตูรวมทุกรายการ
แม้ว่า กัตตูโซ่ จะไม่ได้มีรูปร่างที่สูงใหญ่ หรือมีทักษะและเทคนิคที่แพรวพราว แต่แข้งอิตาเลียนรายนี้มีสิ่งอืานที่นำมาทดแทน นั่นก็คือ ความแข็งแกร่งทางร่างกายและจิตใจ มีความก้าวร้าวในเกมสูงมาก เข้าเข้าปะทะได้แบบหนักหน่วงสะใจสายซาดิสก์ และยังมีอัตราการเคลื่อนที่ที่สูงมากๆ
ก้าวแรกสู่ถิ่น ซาน ซิโร่ กับระบบไม่เอื้ออำนวย
ด้วยบทบาทของ กัตตูโซ่ ที่มักจะมีหน้าที่ในการสกัดกั้นแบะชะลอเกมรุกของคู่แข่ง ซึ่งนั้นอาจจะทำให้ตำแหน่งการยืนของ กัตตูโซ่ ค่อนข้างไกลจากกรอบประตูคูแข่ง อย่างไรก็ตาม กัตตูโซ่ มีการยิงที่ทรงพลัง และการตอบสนองที่รวดเร็ว รวมถึงความรู้สึกในตำแหน่งที่ยอดเยี่ยมและการคาดเดาที่ดี ซึ่งทำให้เขาสามารถโดดเด่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับ
กัตตูโซ่ ก็อยู่กับ เรนเจอร์ส ได้เพียงปีครึ่งเท่านั้น ก่อนที่ ซาแลร์นิตาน่า ทีมที่เพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นเซเรีย อา จะดึงตัวไปด้วยค่าตัว 4 ล้านปอนด์ ในปี 1998 ซึ่งผลงานของ กัตตูโซ่ ภายในระยะเพียงปีเดียวกับ ซาแลร์นิตาน่า ภายใต้สถิติลงสนาม 25 เกมในเซเรีย อา มันก็ดีพอที่จะทำให้ กัตตูโซ่ ได้ไปต่อกับสโมสรที่ใหญ่ขึ้น
ปี 1999 เอซี มิลาน ทุ่มเงิน 8 ล้านปอนด์ เพื่อคว้าตัว กัตตูโซ๋ มาร่วมทีม โดยในช่วงแรก กัตตูโซ่ ยังไม่ค่อยโดดเด่นนัก เนื่องจาก มิลาน ในยุคของ อัลแบร์โต้ ซัคเคโรนี่ ใช้ระบบกองหลัง 3 ตัว แถมยังมีตัวเก๋าอย่าง ดริมิทริโอ อัลแบร์ตินี่ กับ มัสซิโม่ อัมโบรซินี่ คุมแดนกลางอยู่ในเวลานั้น โดย 2 ซีซั่นแรกในถิ่น ซาน ซิโร่ กัตตูโซ่ ลงสนามไป 53 เกม ยิงไป 1 ประตูรวมทุกรายการ
คาร์โล อันเชล็อตติ กุนซือคู่บุญของ กัตตูโซ่
อย่างไรก็ตามจากการที่ ปีศาจแดง-ดำ ผลงานไม่ดีนัก จนทำเกิดการเปลี่ยนแปลง และได้ คาร์โล อันเชล็อตติ เข้ามาเป็นกุนซือ หลังจากนั้น ไอ้รถถัง ก็สามารถยึดตัวจริงของทัพ รอสโซเนรี่ ได้สำเร็จ ฤดูกาล 2003-04 อันเชล็อตติ ถอย ปิร์โล่ ลงมายืนใกล้ๆ กับ กัตตูโซ่ ในบทบาทเพลย์เมกเกอร์ตัวต่ำ ซึ่งแท็คติกดังกล่าวสอดคล้องกับตัวผู้เล่นที่ อันเช่ มีอยู่
โดยเฉพาะคู่หูแดนกลางอย่าง ปีร์โล่ และ กัตตูโซ่ ที่กลายเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้แดนกลางของ มิลาน ยอดเยี่ยม ท่ามกลาง เหล่าจอมเทคนิคที่เป็นศิลปินลูกหนังอย่าง รุย คอสต้า, คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ และ ริคาร์โด้ กาก้า ซึ่งความสามารถในการแย่งบอลและความบ้าระห่ำของ กัตตูโซ่ มันทำให้เจ้าตัวกลายเป็นมิดฟิลด์ บ็อกทูบ็อก ที่ตอบโจทย์แท็คติกของ อันเช่ ได้เป็นอย่างดี
กัตตูโซ่ ถือเป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญในยุคทองของ เอซี มิลาน โดยตลอด 13 ฤดูกาลในถิ่น ซาน ซิโร่ กัตตูโซ่ ฝากสถิติลงสนามไปถึง 468 นัดยิงไป 11 ประตูรวมทุกรายการ พร้อมกวาดทุกแชมป์ในระหว่างที่เล่นให้ มิลาน
ทั้ง สคูเด็ตโต้ หรือแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา 2 สมัย รวมถึงการพา มิลาน ผ่านเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ถึง 3 ครั้ง และได้แชมป์ 2 สมัย และไม่ใช่แค่ในระดับสโมสรเท่านั้น เจนนาโร่ กัตตูโซ่ ยังมีอิทธิพลในทั้งในและนอกสนามสำหรับทีมชาติอิตาลีด้วย โดยเฉพาะในปี 2006 ที่เจ้าตัวเป็นหนึ่งในขุนพล อัซซูรี่ ที่ประกาศศักดาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในปี 2006 ได้อย่างยิ่งใหญ่
รถถังฝั่งมิลาน แข้งผู้ถูกคู่แข่งรุมหมายหัว
การทำงานอย่างหนักในสนามของ กัตตูโซ่ กับสไตล์วิ่งสู้ฟัด เอาชนะใจเหล่าสาวก รอสโซเนรี่ ได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งคาแรกเตอร์ในสนามของ กัตจัง ทำให้เขาได้รับสมญานามว่า ไรโน่ หรือ แรด นั่นเอง จากความโดดเด่นในเรื่องจิตวิญญาณแห่งการแข่งขัน ความมุ่งมั่น และความเป็นผู้นำในสนาม โดยในช่วงรุ่งโรจน์ของเขา เขาได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในกองกลางตัวรับที่ดีที่สุดในโลกเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามความเดือดของ กัตตูโซ่ ในสมัยเป็นผู้เล่น ทำให้เจ้าตัวได้บทเรียนมาแล้วมากมาย ทั้งในปี 2011 ที่โดนแบนถึง 4 เกมจากข้อหาบีบคอ โจ จอร์แดน โค้ชของ สเปอร์ส หลังเกมที่ ซาน ซิโร เมื่อปี 2011 จนถึงขนาดที่ว่าหลังจบเกมดังกล่าว แกรม ซูเนสส์ อดีตกองกลางทีมชาติสกอตแลนด์ ออกมาท้า กัตตูโซ่ ให้เจอกับ โจ จอร์แดน แบบตัวต่อตัว โดยเผยว่า
“กัตตูโซ เหมือนหมาตัวหนึ่ง ตอนนี้ผมอยากจะให้เขามีเวลาสัก 10 นาทีอยู่ในห้องกับ โจ จอร์แดน เหลือเกิน อาจจะไม่ต้องใช้เวลานานนัก 5 นาทีก็น่าจะรู้ผล”
ส่วน แฮร์รี เรดแน็ปป์ กุนซือ สเปอร์ส ในขณะนั้น ก็เชื่อว่า จอร์แดน ไม่เป็นรอง กัตตูโซ่ มากนักหากจะวางมวยกันข้างสนาม โดยเผยว่า
“ผมจะวางเงินพนันข้าง โจ จอร์แดน คุณจะต้องไม่อยากสู้กับเขาอย่างแน่นอน ทว่าทุกคนที่นี่คงจะไม่ยืนข้างเขาแน่ แต่ผมว่า กัตตูโซ โชคดีที่ไม่โดนอัด”
ฆ่าได้หยามไม่ได้ นิยามความหมาย สไตล์ กัตตูโซ่
นอกจากนี้ กัตตูโซ่ ที่เคยตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องสงสัยพัวพันการล็อกผลการแข่งขัน ยังออกมาประกาศต่อสู้เพื่อความบริสุทธิ์ของตนเอง โดยประกาศพร้อมฆ่าตัวตายต่อหน้าทุกคน ถ้าหากว่าตนเองล้มบอลจริงตามข้อกล่าวหา หลังถูกตำรวจอิตาลีจับกุมตัวพร้อม คริสเตียน บรอคคี อดีตกองกลาง ลาซิโอ
“ผมพร้อมที่จะเดินไปใจกลางเมืองและฆ่าตัวตายต่อหน้าทุกคน ถ้าหากทำผิดจริง เพราะคงจะไม่กล้าไปสบตาใครอีกแล้ว ซึ่งสิ่งที่พูดนี้ออกมาจากหัวใจจริงๆ ตนเองไม่เคยนั่งลงคุยกับใครเพื่อล็อกผล เนื่องจากไม่ได้เล่นฟุตบอลข้างละ 5 คนกับเพื่อนๆ ทุกอย่างเหลวใหลและไม่อยากเชื่อจริงๆ รวมถึงไม่รู้ด้วยว่าใครต้องการอะไรจากผม โดยตอนนี้โกรธมากที่ทำให้อาชีพต้องมีรอยด่างพร้อย”
หลังอยู่รับใช้ มิลาน มายาวนานกว่า 13 ปี ในฤดูกาล 2012-13 กัตตูโซ่ ก็ย้ายไปเล่นให้กับ สโมสร ซิยง ในลีกสวิตเซอร์แลน ก่อนประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2013 และหันไปเอาดีด้านงานโค้ชทันที โดยรับงานคุมทีมครั้งแรกกับต้นสังกัดสุดท้ายอย่าง ซิยง
อย่างไรก็ตาม กัตตูโซ่ คุม ซิยง ได้เพียงปีเดียวก็ต้องออกจากตำแหน่ง เมื่อทำผลงานได้ไม่ตามเป้าหมายที่สโมสรวางไว้ หลังจากนั้น กัตตูโซ่ ก็เริ่มตระเวนคุมทีมทั้งในบ้านเกิดและต่างแดน โดยคุมทั้ง ปาร์แลร์โม่ ,ปิซ่า ในอิตาลี คุม OFI ในลีกกรีซ ก่อนที่ในฤดูกาล 2017-18 โอกาสครั้งสำคัญของ กัตตูโซ่ ก็มาถึงเมื่อเจ้าตัวได้รับการทาบทามให้กลับสู่ถิ่น ซาน ซิโร่ ในฐานะกุนซือของ เอซี มิลาน ทีมอู่ข้างอู่น้ำของตัวเอง
ฝันเป็นจริงคัมแบ็คคุม มิลาน ก่อนลาออกแบบแมนๆ
อย่างไรก็ตามในปี 2019 เอซี มิลาน จบอันดับ 5 ของตาราง และชวดตั๋วไปยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ทำให้ กัตตูโซ่ ต้องแสดงความรับผิดชอบด้วยการขอลาออกจากตำแหน่ง พร้อมกับเปิดใจถึงการตัดสินใจดังกล่าวว่า
“การตัดสินใจออกจากการทำหน้าที่ที่ข้างสนามของเอซี มิลาน ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันเป็นการตัดสินใจที่ผมต้องทำ มันเป็นช่วงเวลา 18 เดือน ในการเป็นโค้ชให้กับทีมที่ผมไม่เคยรู้สึกว่าเหมือนกับทีมไหนเลย หลายเดือนที่ผมอยู่ที่นี่กับความรักและช่วงเวลาที่คงลืมไม่ลง ในใจของผมมันเจ็บปวด แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่ผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว ผมยอมยกเลิกสัญญา 2 ปีของตัวเอง เพราะเรื่องรวมของผมกับมิลาน มันไม่เคยมีคำถามในส่วนของเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง”
จากไอ้รถัง สู่ กุนซือจอมพเนจร เจนนาโร่ กัตตูโซ่
หลังจากสิ้นสุดการคุม มิลาน ดูเหมือนว่า กัตตูโซ่ จะกลายเป็นกุนซือจอมพเนจรไปแล้ว โดยเจ้าตัวคุม นาโปลี , บาเลนเซีย และ โอลิมปิก มาร์กเซย์ โดยในการคุมทีม ไอ้ค้างคาว แห่งเวทีลา ลีกา กัตตูโซ่ ก็ทำให้แฟนได้นึกถึงตอนนี้เขาเป็นนักเตะอีกครั้ง หลังจากที่ระะเบิดอารมณ์ด้วยการเตะถังน้ำเพราะโมโหลูกทีม
โดยหลังพ้นจากการเป็นกุนซือ มาร์กเซย์ กัตตูโซ่ วัย 46 ปี ก็ย้ายไปคุม ไฮดุก สปลิต ทีมดังของโครเอเชีย ตั้งแต่เมื่อเดือน มิ.ย. กัตตูโซ ที่ผ่านมาด้วยสัญญาสองปี หรือมีกำหนดทำหน้าไปจนถึงปี 2026 และจนถึงตอนนี้ กัตตูโซ่ คุมทีมไปแล้ว 19 เกมรวมทุกรายการ โดยเป็นการชนะ 11 เสมอ 6 และแพ้ 2 พร้อมกับพาทีมรั้งเป็นจ่าฝูงของลีกตาหมากรุกอยู่ ณ เวลานี้
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันจากต่างประเทศ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง บาเยิร์น มิวนิค