หากจะเอ่ยถึงนักเตะสักคน ในช่วงรอยต่อระหว่างยุค 90 ต่อเนื่องยุค 2000 ที่กลายเป็นที่จดจำจากลีลาการเล่นอันสวยงาม รวมไปถึงการสังหารประตู ที่ติดอยู่ในลิสต์ การยิงประตูยอดเยี่ยมตลอดกาล
ทั้งในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์ รวมไปถึงในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับทัพ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ถึงตรงนี้หลายคนน่าจะพอเดาออกว่าเรากำลังจะย้อนเวลาไปพูดถึงสตอรี่และเรื่องราวที่น่าสนใจของ เดนนิส เบิร์กแคมป์ ตำนานนักเตะของทัพ อัศวินสีส้ม รวมทั้งขวัญใจตลอดกาลของเหล่าสาวก เดอะ กันเนอร์ส
เดนนิส เบิร์กแคมป์ สร้างปรากฏการณ์และภาพจำมากมายให้กับทัพ ปืนใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นการครองแชมป์พรีเมียร์ลีก ในเวอร์ชั่นไร้พ่ายในซีซั่น 2003-04 นอกจากนี้ยังมีเรื่องราวของ โรคกลัวเครื่องบิน ที่กลายเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของแข้งจอมคลาสสิครายนี้
ซึ่งเรื่องราวในโลกลูกหนังของ เบิร์กแคมป์ เริ่มต้นในขณะที่เจ้าตัวมีวัย 11 ขวบ กับการเข้าสู่สารบบลูกหนังของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เป็นระยะเวลากว่า 6 ปี ก่อนจะถูกผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ลงแข่งขันฟุตบอลเอเรเดวิซี หรือลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ ในฤดูกาล 1986 -87
อาแจกซ์ เล็กเกินไป สู่การผจญภัยครั้งใหม่ในอิตาลี
เบิร์กแคมป์ ค้าแข้งอยู่กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เป็นระยะเวลากว่า 7 ฤดูกาล ลงสนามไปทั้งหมด 238 นัด ทำประตูไปได้ 122 ประตูกับอีก 23 แอสซิสต์ มีส่วนสำคัญในการพาสโมสรคว้าแชมป์เอเรอดิวิซี ได้ในฤดูกาล 1989-90 และฟุตบอลถ้วยเคเอ็นวีบี คัพ ในฤดูกาล 1986-87 และ 1992-93 ตามลำดับ
ขณะที่ฟุตบอลถ้วยสโมสรยุโรป เบิร์กแคมป์ พา อาแจ็กซ์ คว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ในฤดูกาล 1991-92 แถมยังครองตำแหน่งดาวยิงสูงสุดลีกแดนกังหันลมถึง 3 ฤดูกาล รวมทั้งได้รางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยมของเนเธอร์แลนด์ 2 สมัย นั่นจึงทำให้ลีกของเนเธอร์แลนด์ ดูเหมือนว่าจะเล็กเกินไป เดนนิส เบิร์กแคมป์
ฤดูกาล 1993-94 เบิร์กแคมป์ ได้โอกาสย้ายไปเล่นกับทีมยักษ์ใหญ่แห่งเวทีกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี อย่าง อินเตอร์ มิลาน ด้วยค่าตัวกว่า 7 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าแพงพอตัว ณ เวลานั้น อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลากว่า 2 ฤดูกาลในสีเสื้อ งูใหญ่ แม้ว่า ดิ ไอซ์เบิร์ก จะพา อินเตอร์ฯ คว้าแชมป์ยูฟ่า คัพ ฤดูกาล 1993-94 โดยเจ้าตัวคว้ารางวัลดาวยิงสูงสุดของรายการไปครองได้ด้วยจำนวนทั้งสิ้น 8 ประตู
แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เพียงพอต่อความคาดหวังที่แฟนๆ เนรัซซูรี่ มอบให้กับดาวยิงรายนี้ เพราะตลอด 2 ฤดูกาลในถิ่น จูเซ็ปเป้ เมอัซ่า เบิร์กแคมป์ ลงสนาม 72 นัด ยิงไปเพียง 22 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์เท่านั้น
เล็กๆไม่ ใหญ่ๆทำ เส้นทางพลิกชีวิตจาก งูใหญ่ สู่ตำนาน ปืนใหญ่
ถึงตรงนี้สถานการณ์ของ เบิร์กแคมป์ ไม่ค่อยสู้ดีนักประกอบกับการที่เจ้าตัวไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับสไตล์ฟุตบอลแดนมะกะโรนีได้ดีพอ นั่นจึงทำให้ เบิร์กแคมป์ ถูกขึ้นบัญชีขายและกลายเป็น อาร์เซน่อล ที่ยื่นข้อเสนอ มูลค่ากว่า 7.5 ล้านปอนด์ คว้าตัวไปค้าแข้งในถิ่น ไฮบิวรี่ เมื่อปี 1995 และนี่ถือเป็นจุดเริ่มของตำนานที่มีฉายาว่า ดิ ไอซ์เบิร์ก ที่กลายเป็นตำนานนักเตะผู้มีอนุสาวรีย์เป็นของตัวเองตั้งแต่ยังมีลมหายใจ
โดยตลอดระยะเวลากว่า 11 ปีที่ เบิร์กแคมป์ รับใช้ อาร์เซน่อล เจ้าตัวลงสนามไปทั้งสิ้น 421 นัด ตะบันไปถึง 119 ประตูกับ 101 แอสซิสต์ โดยฤดูกาล 1997-98 นับเป็นปีที่ดีที่สุดของ เบิร์กแคมป์ กับ ปืนใหญ่ โดยเจ้าตัวลงสนาม 34 นัด ทำได้ 18 ประตูกับอีก 12 แอสซิสต์รวมทุกรายการ
พร้อมกับพา อาร์เซนอล คว้าดับเบิลแชมป์ ทั้ง พรีเมียร์ ลีก และแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปีนั้น ขณะที่ฤดูกาล 2001-02 เบิร์กแคมป์ คว้าดับเบิลแชมป์ได้อีกครั้ง จากลงสนาม 39 นัด ยิง 12 ประตูกับ 14 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ ซึ่ง ดิ ไอซ์เบิร์ก เป็นหนึ่งในฟันเฟืองสำคัญที่ช่วยยกระดับ ปืนใหญ่ ให้สามารถต่อกรแย่งแชมป์กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้อย่างสูสี
ความสามารถของ เบิร์กแคมป์ ได้รับการยอมรับจากเหล่าบรรดาแฟนบอล ปืนใหญ่ อย่างกว้างขวาง สำหรับช่วงปลายชีวิตการค้าแข้งก็ใช่ว่า เบิร์กแคมป์ จะโรยราและไม่มีประโยชน์กับทีม เมื่อเจ้าตัวยังคงเป็นกำลังสำคัญของทีมอย่างต่อเนื่อง และแม้จะไม่ได้เป็นตัวหลัก
แต่เมื่อได้รับโอกาสลงสนามเมื่อไหร่ ก็มักจะสร้างความต่างแตกให้ทีมอยู่เสมอ แถมในฤดูกาล 2003-04 เบิร์กแคมป์ คว้าแชมป์พรีเมียร์ ลีก เป็นสมัยที่ 3 มีสถิติลงสนามเกมลีกไป 28 นัด ยิง 4 ประตูกับอีก 7 แอสซิสต์
2 ประตูเทวดาทั้ง ฟุตบอลโลก และ พรีเมียร์ลีก
ส่วนผลงานในสีเสื้อทีมชาติเบิร์กแคมป์ ติดทีมชาติเนเธอร์แลนด์ และมีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย 2 ครั้ง คือในปี 1994 และ 1998 ซึ่งแม้ว่าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ของเจ้าตัวจะยังไม่สามารถสร้างความสำเร็จไปจนถึงแชมป์โลกจากการแข่งขันรายการดังกล่าวได้ แต่เขาได้สร้างประตูสุดคลาสสิกฝากไว้ให้โลกได้จดจำ และยังมีการกล่าวถึงประตูดังกล่าวมาจนทุกวันนี้
ย้อนกลับไปในศึกฟุตบอลโลก 1998 ที่ประเทศฝรั่งเศส ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย เป็นการพบกันระหว่าง เนเธอร์แลนด์ กับ อาร์เจนตินา เกมดำเนินมาถึงนาทีสุดท้ายของเกม ขณะที่สกอร์เสมอกันอยู่ 1-1 เบิร์กแคมป์ โชว์ทักษะการเอาบอลลงพื้นจากการเปิดบอลยาวมาจากกึ่งกลางสนาม
จากนั้นล็อกหลบกองหลังอาร์เจนติน่าก่อนจะดีดบอลผ่านตัว คาร์ลอส โรอา ผู้รักษาประตูทัพฟ้า-ขาว เข้าไปอย่างสวยงาม ประตูดังกล่าวกลายเป็นประตูชัยให้ อัศวินสีส้มเอาชนะ อาร์เจนตินา 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศในศึก ฟร้องซ์ 98 ก่อนจบด้วยอันดับที่ 4 ในครั้งนั้น
ซึ่งประตูดังกล่าวถือเป็นเกียรติสูงสุดของ เบิร์กแคมป์ ในนามทีมชาติเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะติดอยู่ในลิสต์การสังหารประตูยอดเยี่ยมตลอดกาลของศึก ฟีฟ่า เวิลด์คัพ แล้ว เบิร์กแคมป์ ยังได้รับเกียรติจากกระทรวงการคลังของเนเธอร์แลนด์ ด้วยการสั่งพิมพ์ธนบัตรมูลค่า8 ยูโร ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเป็นลวดลายที่ ดิ ไอซ์เบิร์ก กำลังสังหารประตูใส่ทัพ ฟ้า-ขาว ในศึก ฟร้องซ์ 98 และนับเป็นนักกีฬาชาวดัตช์คนแรกที่ได้รับเกียรตินี้
นอกจากประตูในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายแล้ว เบิร์กแคมป์ ยังจารึกการยิงประตูสุดคลาสสิคตลอดกาล ที่ยิงใส่ นิวคาสเซิ่ล ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2001-02 โดย จังหวะดังกล่าว โรแบร์ ปิแรส แทงบอลขึ้นมาถึงบริเวณแถวหัวกะโหลก ก่อนที่ เบิร์กแคมป์ จะปั้นแต่งด้วยเท้าซ้าย ส่งบอลอ้อมตัวของดาบิซาส ที่เข้าเสียบสกัดไม่ถึง พร้อมกับหมุนตัวราวกับเต้นบัลเล่ย์ ครบ 360 องศา หันกลับมาเจอบอล ก่อนแปผ่านมือ เชย์ กิฟเว่น เข้าไปจนทำเอาคนดูอ้าปากค้างกันทั้งสนาม เซนต์ เจมส์ พาร์ค
โรคประจำตัว กลัวเครื่องบิน
อีกหนึ่งเรื่องที่น่าสนใจของ เบิร์กแคมป์ ที่แฟนบอลรุ่นใหม่หลายคนอาจยังไม่รู้ นั่นก็คือ โรคกลัวเครื่องบิน ที่เป็นภาพจำอีกหนึ่งสิ่งของ เบิร์กแคมป์ ที่ติดอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลยุคนั้น ซึ่งสุดยอดนักเตะจอมเทคนิครายนี้เป็นโรคกลัวเครื่องบิน (Aerophobia) ขั้นสุด
โดยที่มาของ โรคกลัวเครื่องบิน ที่เกิดขึ้นกับ เบิร์กแคมป์ เริ่มต้นสมัยที่เขาเป็นนักเตะเยาวชนของทีม อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม เมื่อเพื่อนนักเตะเยาวชนชาวซูรินาเมที่ซี้กัน ต้องมาเสียชีวิตจากอุบัติเหตุเครื่องบินตก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนั้นช็อกความรู้สึกของ เบิร์กแคมป์ อย่างมาก ทั้งเรื่องของการสูญเสียเพื่อนไปในตอนวัยรุ่น และเป็นที่มาของ โรคกลัวเครื่องบิน
เบิร์กแคมป์ เริ่มกลายเป็นนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงในยุคปี 90s จึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการนั่งเครื่องบินได้ ทั้งการขึ้นเครื่องบินไปเล่นเกมเยือนในลีกอิตาลีกับต้นสังกัดอย่าง อินเตอร์ มิลาน หรือการบินไปทั่วยุโรป เพื่อเตะฟุตบอลถ้วยยุโรปกับสโมสร รวมถึงทีมชาติในรายการฟุตบอลยูโร นี่ยังไม่นับการบินไปหลายทวีปเพื่อเตะฟุตบอลอุ่นเครื่อง และฟุตบอลโลกร่วมกับทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ฟุตบอลโลกปี 1994 เบิร์กแคมป์ ฝืนใจนั่งเครื่องบินไปเป็นทริปสุดท้าย ซึ่งฟอร์มการเล่นของเขาเฉิดฉาย และเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นระดับ Superstar ของรายการเลยทีเดียว ส่วนฟุตบอลโลกครั้งที่สองของ ฟุตบอลโลก 1998 หรือ ฟร้องค์ 98 จัดที่ประเทศฝรั่งเศส จึงไม่เป็นปัญหาในเรื่องการเดินทางสำหรับเขา เช่นเดียวกับรายการฟุตบอลยูโร ที่แน่นอนว่าแข่งขันในประเทศใหญ่ๆ ของทวีปยุโรปอยู่แล้ว เบิร์กแคมป์ จึงยังพอเดินทางไปร่วมแข่งขันได้อย่างไม่ลำบากลำบนนัก
ด้วยความเป็นมืออาชีพ เบิร์กแคมป์ ตัดสินใจเดินทางไปร่วมแข่งขันฟุตบอลโลกไกลถึงทวีปอเมริกาเหนือ เมื่อสหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ แม้ว่าเขาจะทำผลงานได้ดีพอสมควรในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 1994
ความยากลำบากของ เบิร์กแคมป์ และ ทีมอาร์เซน่อล ก็คือ ในเกมเยือนบางเกมที่ต้องนั่งเครื่องบิน เบิร์กแคมป์ จะต้องเดินทางด้วยรถยนต์หรือรถไฟ ล่วงหน้าไปก่อนเพื่อนร่วมทีม ทำให้มีเวลาซ้อมและเวลาพักผ่อนน้อยกว่าคนอื่น เรื่องนี้สร้างความกังวลใจให้ อาร์แซน เวนเกอร์ ผู้จัดการทีมเจ้าระเบียบพอสมควร
ดิ ไอซ์เบิร์ก ตำนานจอมคลาสสิคในหัวใจแฟน ปืนใหญ่
อย่างไรก็ตาม เบิร์กแคมป์ ก็พิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานในสนามที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้นักเตะที่เดินทางโดยเครื่องบิน จะมีปัญหาก็แต่การแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรป ที่ต้องเดินทางข้ามประเทศไปทั่วยุโรป นานกว่า 2 วัน เพื่อไปช่วยทีม ขณะที่เพื่อนร่วมทีมคนอื่นๆนั่งเครื่องบินไป ใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมงเท่านั้น เบิร์กแคมป์ พิสูจน์ว่าโรคกลัวเครื่องบินไม่ใช่อุปสรรค
เขาประสบความสำเร็จอย่างมากกับทีม ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ในพรีเมียร์ลีก ลงเล่นให้ทีมกว่า 400 แมตช์ ทำได้ถึง 120 ประตูใน 11 ฤดูกาล คว้าแชมป์ร่วมกับทีมมากมาย โดยเฉพาะแชมป์พรีเมียร์ลีกชุดไร้พ่าย ไม่แพ้ใครเลยตลอดฤดูกาล
จากความสำเร็จที่กล่าวมาทั้งหมด มันก็น่าจะเพียงพอว่าเพราะอะไร ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ถึงตัดสินใจสร้างรูปปั้นทองแดงของ เบิร์กแคมป์ เอาไว้หน้าสนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อันเป็นรังเหย้าของสโมสร เพื่อเป็นการยกย่องแข้งดัตช์รายนี้ว่าคือหนึ่งในตำนานตลอดกาล ณ ดินแดนแห่งนี้ ซึ่งเขาเป็นนักเตะคนที่ 4 ถัดจาก โทนี อดัมส์, เธียร์รี อองรี และ เฮอร์เบิร์ต แชปเมน ที่สโมสรสร้างรูปปั้นให้
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค