สุดท้ายก็สุขสมหวังจนได้สำหรับพลพรรค จิ้งจอกสยาม เลสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่การันตีการคัมแบ็คสู่พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ได้สำเร็จ แม้ว่าในช่วงท้ายอาจจะทำให้เหล่าสาวก เดอะ ฟ็อกซ์ ใจหายใจคว่ำไปบ้าง จากคดีละเมิดกฏการเงินที่ถูกจ้องเล่น โดยไม่เป็นธรรมจาก อีเอฟแอล แถมยังเกือบเอาตัวไม่รอดจากผลงานที่ตกลงไปอย่างน่าใจหายในช่วงหลัง
อย่างไรก็ตามจากผลงานของคู่แข่งที่ลุ้นแย่งกันเลื่อนชั้นกับ เลสเตอร์ ไม่ว่าจะเป็น อิปสวิช ทาวน์ หรือว่า ลีดส์ ยูไนเต็ด พวกเขาก็ยังรักษามาตรฐานไม่ได้เช่นกัน โดยเฉพาะเกมที่ทัพ ยูงทอง พ่ายควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ไปยับเยิน 0-4 ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนเมษายน ส่งผลให้ เลสเตอร์ ลอยลำเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกสูงสุดเป็นทีมแรกของศึก เดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ ฤดูกาลนี้ ทันที ในขณะที่เหลืออีก 3 ของฤดูกาลปกติของลีกรอง
หากยังจำกันได้ ย้อนกลับไปเมื่อวันที่แฟน เลสเตอร์ ต้องเสียน้ำตา กับการที่ทีมรักต้องร่วงชั้นลงสู่ เดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานสโมสร เลสเตอร์ ซิตี้ เคยลั่นวาจาเอาไว้ว่า “สู้ต่อครับ ยังไงก็ต้องสู้ต่อครับ ชีวิตยังไม่ได้จบแค่นี้ สู้ครับ ก็ต้องทำใหม่เยอะเลยครับ ก็ต้องขอบคุณแฟนบอลที่สนับสนุนมาตลอด อาจจะเป็นปีที่ยาก แต่ว่าปีหน้าก็ต้องกลับขึ้นมาให้ได้ครับ”
จากร่วงตกชั้น สู่วันคัมแบ็คของ จิ้งจอกสยาม
เลสเตอร์ การันตีการเลื่อนชั้นด้วยการเก็บไป 94 แต้ม ซึ่งถือเป็นแต้มสูงสุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร เรียกได้ว่าเป็นการกลับคืนสู่พรีเมียร์ลีกได้อย่างรวดเร็ว หลังจากก่อนหน้านี้ จิ้งจอกสยาม ร่วงตกชั้นลงมา เมื่อฤดูกาลที่แล้ว โดยแม้ว่าพวกเขาจะพยายามดิ้นเฮือกสุดท้ายด้วยการปลด เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ออกจากตำแหน่ง
และให้ ไมค์ สโตเวลล์ ขัดตาทัพชั่วคราวก่อนจะแต่งตั้ง ดีน สมิธ เข้ามารับหน้าที่ แต่สุดท้าย เลสเตอร์ ก็มีอันต้องร่วงลงสู่ เดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ จากการจบอันดับ 18 ของตาราง เก็บได้เพียง 34 แต้ม กอดคอ ลีดส์ และ เซาธ์แฮมป์ตัน ลงมาเล่นในลีกรองด้วยกัน
อย่างไรก็ตามด้วยคุณภาพตัวผู้เล่นทั้ง เจมี่ วาร์ดี้, มาร์ค อัลไบรท์ตัน, แฮร์รี่ ชู้ตตาร์, ฮัมซ่า เชาด์ฮูรี่, ริคาร์โด้ เปร์เรร่า, วิลเฟร็ด เอ็นดีดี้, เคเลชี่ อิเฮียนาโช่, ยานนิค เวสเตอร์การ์ด, เวาท์ ฟาส และ เคียแนนน์ ดิวส์บิวรี-ฮอลล์ ที่อยู่กันพร้อมหน้า แถมยังได้ แฮร์รี่ วิ้งส์ และ อับดุล ฟาตาวู มาเสริมทัพ ทำให้พวกเขาถูกยกให้เป็นเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์เลื่อนชั้น รวมทั้งการแต่งตั้ง เอ็นโซ่ มาเรสก้า อดีตมือขวาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามารับหน้าที่กุนซือ ทำให้ เลสเตอร์ ยังคงมีปรัชญาการทำทีมและแนวทางการเล่นที่ชัดเจนยิ่งขึ้นด้วย
เลสเตอร์ ออกสตาร์ทใน เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ฤดูกาลนี้ได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยการชนะ 13 นัดจาก 14 นัดแรก และสร้างสถิติคว้าชัยชนะในลีกติดต่อกัน 9 นัด แถมยังชนะเกมเยือน 7 นัดติดต่อกัน ในระหว่างเดือน สิงหาคม ถึง ตุลาคม ปีที่แล้ว โดยมีอยู่หนึ่งช่วงที่ จิ้งจอกสยาม โกยแต้มทิ้งห่างอันดับ 2 ถึง 13 แต้ม และ ณ เวลานั้น แฟนๆ เดอะ ฟ็อกซ์ ต่างนับถอยหลังสู่การคัมแบ็คขึ้นสู่ลีกสูงสุด
มรสุมถาโถมสู่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม
แต่หลังจากนั้น เลสเตอร์ ถูก อีแอฟแอล ฝ่ายจัดการแข่งขันฟุตบอลลีกของแดนผู้ดี ตั้งข้อกล่าวหาละเมิดกฏการเงิน และน่าจะเป็นเหตุผลที่พวกเขาผลงานตกลงไปอย่างน่าใจหาย จากการพ่ายแพ้ ถึง 6 นัด เสมอ 1 นัด และชนะ 3 นัด จาก 10 เกมในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ถึง มีนาคม 2024
จากผลงานดังกล่าวส่งผลทำให้พวกเขาเสียตำแหน่งจ่าฝูงให้กับ อิปสวิช ทาวน์ แถมยังสุ่มเสี่ยงที่จะหลุดโค้งวืดการคว้าโควตาอันดับที่ 2 ที่จะได้เลื่อนชั้นโดยอัตโนมัติด้วย เท่านั้นยังไม่พอเมื่อ ซึ่ง ณ เวลานั้น เหมือนกับมรสุมก้องใหญ่มาถล่มใส่ถิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดียม กันเลยทีเดียว
โดยทันทีที่ พรีเมียร์ลีก มีการแจ้งข้อหา เลสเตอร์ ซิตี้ เรื่องทำผิดกฎทางการเงิน ประธานสโมสรอย่าง อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ก็ตอบโต้กลับทันทีว่า นี่คือการตัดสินอย่างไม่เป็นธรรม และการใช้อำนาจเกินขอบเขตในการเล่นงานทีมอย่าง เลสเตอร์ ที่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในลีกสูงสุดด้วยซ้ำ
“ผมประหลาดใจมากที่พรีเมียร์ลีกดำเนินการต่อ เลสเตอร์ ซิตี้ ทั้ง ๆ ที่เลสเตอร์ไม่ได้เล่นในพรีเมียร์ลีกแล้ว โดยฟุตบอลลีกกลับให้ความร่วมมือที่จะลงโทษเราด้วย การกระทำของพรีเมียร์ลีกและฟุตบอลลีกไม่เป็นธรรมและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เลสเตอร์ได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีมาโดยตลอด”
“เลสเตอร์ จะต่อสู้และปกป้องสิทธิของสโมสร แฟนบอล เลสเตอร์ และทุกคนที่คอยเป็นกำลังให้เราอย่างถึงที่สุด เพื่อทำให้ทุกคนเห็นว่า เลสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เป็นแค่สโมสรฟุตบอล แต่เป็นแรงบันดาลใจให้แฟนบอลและคนจำนวนมากที่จะต่อสู้โดยไม่ยอมแพ้ เพื่อทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ให้เป็นไปได้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้จะเกิดเหตุการณ์อะไรเราก็จะทำหน้าที่เจ้าของทีมให้ดีที่สุดและจะเลื่อนชั้นกลับไป พรีเมียร์ลีก ให้ได้”
อัยยวัฒน์ ท้าชน อีเอฟแอล ทวงคืนความยุติธรรม
นอกจากนี้ เลสเตอร์ ซิตี้ ยังยื่นเรื่องฟ้องร้อง พรีเมียร์ลีก และฟุตบอลลีกต่อสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) เพื่อเพิกถอนคำสั่งดังกล่าว ก่อนที่คณะอนุญาโตตุลาการของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (FA) จะมีคำตัดสินให้ เลสเตอร์ ซิตี้ ชนะคดี เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา เท่ากับว่า อีเอฟแอล และ สมาคมฟุตบอลลีกอังกฤษ ไม่มีสิทธิ์หักคะแนน จิ้งจอกสยาม ในฤดูกาลนี้
หลังจากพ้นมลทิน อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธาน เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดเผยว่า
“ขอขอบคุณสมาคมฟุตบอลอังกฤษ และดีใจที่ได้รับความเป็นธรรมในคดีนี้ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ จะยังคงสนับสนุนเลสเตอร์ ซิตี้ ต่อไป และให้คำมั่นว่าจะพาเลสเตอร์ ซิตี้ เลื่อนชั้นกลับมาโลดแล่นในพรีเมียร์ลีกอีกครั้งให้ได้ เพื่อแฟนบอล เพื่อทีมงาน และเพื่อทุกๆ คนที่คอยให้การสนับสนุน และให้กำลังใจเราเสมอมา”
กลับมาที่เรื่องราวในสนามกันต่อ หลังจากที่ เลสเตอร์ รอดพ้นจากคดีความ ดูเหมือนว่าโมเมนตั้มจะเทกลับมาที่ทัพ จิ้งจอกสยาม อีกครั้ง ซึ่ง เอ็นโซ มาเรสกา กุนซือชาวอิตาเลียนก็พาทีมคืนฟอร์มเก่งด้วยการเอาชนะกลุ่มทีมที่ลุ้นตำแหน่งเพลย์ออฟ โดยเก็บชัย 2 นัดรวดเหนือ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 2-1 และถล่ม เซาธ์แฮมป์ตัน 5-0 จนเป็นที่มาของการการันตี การกลับคืนสู่ลีกสูงสุดแดนผู้ดีอีกครั้ง
จากใจแม่ทัพ จิ้งจอกสยาม เอ็นโซ่ มาเรสก้า
เอ็นโซ่ มาเรสก้า กุนซือชาวอิตาเลียน เปิดใจถึงการทำภารกิจสำเร็จ ในการพาทัพ จิ้งจอกสยาม เลื่อนชั้นกลับคืนสู่พรีเมียร์ลีก ว่า
“ผมรู้สึกภูมิใจมากที่ได้เห็นการทำงานหนักของทุกคนในสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ตลอดทั้งฤดูกาล ซึ่งท้ายที่สุดพวกเราได้รับรางวัลคือการเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีก ความสำเร็จครั้งนี้มันมีความหมายอย่างมากต่อเจ้าของสโมสร นักเตะ และแฟนบอลของพวกเรา สิ่งที่เราทำได้สำเร็จตามเป้า นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย มีทีมดี ๆ มากมายในลีกที่มีการแข่งขันสูง แต่งานที่เราทำร่วมกับผู้เล่นของเราเพื่อเปลี่ยนแนวทางในการเล่นให้เป็นจริง ได้ช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายทั้งหมดได้”
“นี่เป็นช่วงเวลาที่มหัศจรรย์สำหรับสโมสร และเป็นช่วงเวลาที่เราควรเฉลิมฉลอง แต่เรายังมีงานที่ต้องทำต่อ เรามุ่งมั่นที่จะจบฤดูกาลนี้ด้วยการเป็นแชมป์ และชูถ้วยแชมป์ ต่อหน้าแฟนบอลของเราที่ คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ในวันสุดท้ายของฤดูกาล ผมขอขอบคุณ ประธานสโมสร คุณต๊อบ และครอบครัวของเขา ตลอดจนผู้เล่นของเรา ทีมงานของผม และแฟนบอลของเรา”
“สำหรับลูกทีมทุกคน พวกเขาน่าทึ่งมาก พวกเขาสมควรได้รับการยกย่อง ที่สามารถประสบความสำเร็จเช่นนี้ ผมรู้ว่าพวกเขามุ่งมั่นที่จะชนะสองเกมสุดท้ายของฤดูกาล ต้องการจบด้วยการเป็นแชมป์ และอยากจะร่วมเฉลิมฉลองกับกองเชียร์ของเรากับเกมในบ้าน นัดสุดท้ายของฤดูกาล”
สำหรับผลงานของ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ในการคุมทีมเลสเตอร์ ซิตี้ มีดังนี้ คุมทีม 47 เกม ชนะ 33 เสมอ 4 แพ้ 10 คิดเป็นค่าเฉลี่ยการคว้าชัย 70.21% (สถิติสิ้นสุดวันที่ 29 เมษายน ก่อนเกมกับ เปรสตัต)
เติมความฝัน วีรบุรุษจิ้งจอกสยาม เจมี่ วาร์ดี้
นอกจาก เอ็นโซ๋ มาเรสก้า ในฐานะกุนซือที่ได้รับเสียงชื่นชมและการยกย่องจากเหล่าแฟนๆ จิ้งจอกสยาม แล้ว ยังมีผู้เล่นอีกหนึ่งคนที่เรียกได้ว่าน่าจะเป็นสัญลักษณ์และตำนานกองหน้าแห่งถิ่น คิง เพาเวอร์ สเตเดียม นั่นก็คือ เจมี วาร์ดี้ ดาวยิงจอมเก๋าวัย 37 ปีที่ยังคงเป็นลมหายใจของ เลสเตอร์ แม้ว่าเวลาในการลงสนามของเจ้าตัวจะลดน้อยลงไปตามสังขารก็ตาม
วาร์ดี้ อยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ มานานถึง 12 ปี จนได้รับการขนานนามให้เป็น เจ้าชายจิ้งจอกสยาม ลงสนาม ไปทั้งสิ้น 462 นัด กระหน่ำไป 188 ประตู กับอีก 66 แอสซิสต์ มีสถิติลงสนามมากที่สุดเป็นอันดับ 4 และยิงประตูมากที่สุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์สโมสร โดย วาร์ดี้ มีส่วนร่วมในความสำเร็จของทัพ จิ้งจอกสยาม ในยุคการบริหารทีมของกลุ่มทุน คิง เพาเวอร์ ที่นำโดยตระกูลศรีวัฒนประภา อยู่ไม่น้อย
ตั้งแต่การพาทีมคว้าแชมป์ เดอะ แชมเปียนชิพส์ พร้อมเลื่อนชั้นสู่ พรีเมียร์ลีก เมื่อ 10 ปีที่แล้ว หรือในฤดูกาล 2013-14 หลังจากนั้น วาร์ดี้ ก็สร้างชื่อด้วยการยิงประตูจนช่วยให้ เลสเตอร์ สร้างปาฏิหาริย์ รอดตกชั้นจากศึกพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลต่อมา เท่านั้นยังไม่พอ วาร์ดี้ ยังถือเป็นผู้เล่นสำคัญในทีมชุดประวัติศาสตร์ เทพนิยายคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2015-16 แถมการันตีผลงานด้วยการคว้ารางวัลผู้เล่นแห่งปีมาครองในฤดูกาลนั้น
อย่างไรก็ตามแม้ว่า เลสเตอร์ จะต้องตกชั้นลงสู่ลีกรองเมื่อฤดูกาลที่แล้วและเสียผู้เล่นชื่อดังออกจากทีมไปหลายต่อหลายคนไม่ว่าจำเป็น ยูริ ติเลมองส์ ,เจมส์ แมดดิสัน ,ธีโมธี คาสตาน ,ฮาร์วี บาร์นส ฯลฯ แต่สำหรับ วาร์ดี้ เขาเลือกจะปฏิเสธทุกข้อเสนอ และขออยู่ร่วมหัวจมท้ายกับทัพ จิ้งจอกสยาม กับการลงไปผจญภัยในลีกรอง โดยหลังจบเดือนเมษายน วาร์ดี้ กระหน่ำไปแล้ว 18 ประตูจากการลงสนาม 35 เกม ซึ่ง ถือเป็นตัวเลขที่ยอดเยี่ยมไม่น้อย สำหรับกองหน้าวัย 37 ปีรายนี้
และถึงตอนนี้เชื่อว่า วาร์ดี้ น่าจะประกาศแขวนสตั๊ดกับ เลสเตอร์ ซิตี้ อย่างแน่นอน แถมน่าจะปิดฉากชีวิตการล่าตาข่ายแบบสวยๆด้วยการพาทัพ จิ้งจอกสยาม กลับมาโลดแล่นใน พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลหน้า โดยแม้ว่าสัญญาของ วาร์ดี้ กับ เลสเตอร์ จะหมดลงหลังจบฤดูกาลนี้ แต่ก็เชื่อว่าบอร์ดบริหารของ เลสเตอร์ โดยเฉพาะ จอห์น รัดกิ้นส์ น่าจะต่อสัญญากับวาร์ดี้ เพื่อให้เติมเต็มความฝันให้กับ เจ้าชายจิ้งจอกสยาม ในการส่งท้ายบั้นปลายชีวิตค้าแข้งในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สิ่งที่น่าจับตามองในฤดูกาลหน้าสำหรับ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็คือการเสริมทัพของพวกเขา เพราะที่ผ่านมาเคยมีประสบการณ์การจั่วลมมาแล้วหลายครั้ง จนสุดท้ายมีอันต้องร่วงชั้นลงไป แต่สำหรับครั้งนี้เชื่อว่าสิ่งต่างๆที่ผ่านมา น่าจะเป็นบทเรียนอันล้ำค่าของทัพ จิ้งจอกสยาม ในการกลับมาสู่ลีกสูงสุด ที่ว่ากันว่าโหดที่สุดในโลกอย่างศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อีกครั้ง
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค