ผู้ใหญ่หลายคนมักจะสอนเราว่า “ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว” แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงแล้ว คติพจน์นี้อาจใช้ไม่ได้กับบางคนที่ทำชั่วได้ดีก็ยังมีให้เห็น บางคนทำผิดกฏหมายก็กลับมาร่ำรวยล้นฟ้า กลับมาใช้ชีวิตสุขสบายอย่างหรูหรา และถ้าหากพูดถึงคนที่ทำผิดกฏหมายแต่โคตรร่ำรวยล้นฟ้า คงหนีไม่พ้นพวกแก๊งค์เจ้าพ่อมาเฟียอย่างแน่นอน และบทความนี้ 188BET จะพาคุณไปดูกับ 5 อันดับ ตำนานเจ้าพ่อแก๊งค์มาเฟียที่คนทั่วโลกต่างก็เกรงกลัว และยกนิ้วให้ถึงวีรกรรมอันโหดเหี้ยม ความร่ำรวยที่แลกมาด้วยเลือดเปื้อนมือ จะมีใครกันบ้างไปดูกันเลย
#อันดับที่ 5
พาโบล เอสโคบาร์ “ราชาแห่งยาเสพติด”
“ราชาแห่งยาเสพติด” ฉายานี้ใช่ว่าใคร ๆ จะได้มาง่าย ๆ เอสโคบาร์เคยพูดว่า “การทำผิดกฏหมายคือสิ่งที่ดีที่สุดในโลก!” เขาเริ่มทำธุรกิจโคเคนในปี 1970 เรื่อยมา จนถึงยุคปี 80 และแทบจะผูกขาดตลาดส่งออกโคเคนในสหรัฐอเมริกามากถึง 80% ซึ่งนั้นทำให้เขากลายเป็น หนึ่งในอาชญากรตัวเป้งที่ร่ำรวย และประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์โลก ถึงขั้นที่ว่าเขาต้องเสียเงินซื้อหนังยางมารัดเงินสดในทุกๆเดือน เดือนละ 90,000 บาท แล้วยังถูกจัดให้อยู่ในอันดับที่ 7 สำหรับบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลกประจำปี 1989 ของนิตยสารชื่อดังอย่าง Forbes อีกด้วย
เอสโคบาร์นั้นขึ้นชื่อว่าเป็นได้ทั้งวีรบุรุษ และซาตานของชาวโคลัมเบียในเวลาเดียวกัน โดยในปี 1986 เอสโคบาร์ ได้จ่ายเงินมหาศาลถึง 1 หมื่นล้านดอลล่าร์สหรัฐ เพื่อช่วยปลดหนี้ให้กับประเทศโคลอมเบียบ้านเกิดของเขา แถมยังมอบเงินมากมายให้กับผู้ยากไร้เพื่อใช้สร้างที่อยู่อาศัย สร้างสนามฟุตบอล 70 แห่ง แม้กระทั่งสวนสัตว์ แต่ในความเป็นวีรบุรุษอีกครึ่งหนึ่งในตัวเขาก็คือซาตาน กับอำนาจักรยาเสพติดของเขาที่ทำลายชีวิตไปนับล้านคนเพื่อแลกกับเงินอันมหาศาล
#อันดับที่ 4
เซเมียน โมกิเลวิช “เจ้าพ่อเหนือเจ้าพ่อ”
เซเมียน โมกิเลวิช ได้รับสมญานามว่า “เจ้าพ่อเหนือเจ้าพ่อ” ในช่วงปี 1993-1998 เซเมี่ยน ถือเป็นหนึ่งในอาชญากรที่อันตรายที่สุดคนหนึ่ง ถึงขนาดที่ว่าสหรัฐพยายามร้องขอตัวเขากับรัสเซีย เนื่องจากเขามีส่วนพัวพันการฉ้อโกงหุ้นในตลาดหลักทรัพย์มูลค่าถึง 150 ล้านเหรียญดอลล่าร์สหรัฐ รวมถึงทำธุรกิจฟอกเงินที่มีมูลค่าสูงถึงหนึ่งหมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นบุคคลทางอาชญากรรมที่ติดหนึ่งใน 10 ที่หน่วยสืบสวนกลางหรือ FBI ของสหรัฐหมายหัวเลยทีเดียว
เจ้าหน้าที่ FBI ของสหรัฐกล่าวว่าเจ้าพ่อมาเฟียรัสเซีบรายนี้ไม่ได้มีแค่การโกงทางการเงินเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายคดี ที่เขาเข้าไปพัวพัน ไล่ตั้งแต่ธุรกิจน้ำมันหนีภาษี, ซุกหุ้น, ตลาดมืด การรับจ้างฆ่าคน ไปจนถึงการค้าอาวุธเถื่อน ซึ่งเชื่อกันว่าคือส่วนประกอบของอาวุธนิวเคลียร์อีกด้วย อย่างไรก็ตามเจ้าพ่อรายนี้ไม่ธรรมดา เพราะมีดีกรีจบปริญญาเศรษฐศาสตร์ ถึงแม้เขาจะเคยถูกจับตัวหลายครั้ง แต่ด้วยความฉลาดของเขาก็ทำให้ไม่มีใครเอาผิดเขาในทางกฎหมายได้ในหลาย ๆ คดี
#อันดับที่ 3
แฟรงค์ คอสเตลโล่ “นายกแห่งโลกใต้ดิน”
แฟรงค์ คอสเตลโล่ กับฉายา “นายกแห่งโลกใต้ดิน” หนึ่งในผู้ที่มีอิทธิพลสูงสุดในประวัติศาสตร์เจ้าพ่อแก๊งค์มาเฟียร่วมกับเพื่อนของเขาซึ่งก็คือ ลัคกี้ ลูเซียโน่ (ผู้ก่อตั้งสภามาเฟีย) อย่างไรก็ตามภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ลัคกี้ ลูเซียโน่ ได้ถูกเนรเทศออกจากสหรัฐให้กลับไปอยู่อิตาลี่ แฟรงค์ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของแก๊งค์ “ลูเซียโน่” เต็มตัว และได้ชื่อว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในเวลานั้น
แฟรงค์เข้ามาควบคุมดูแลกิจการทุกอย่าง โดยเฉพาะธุรกิจการพนันที่นำเครื่องหมุนสล็อตประมาณ 25,000 เครื่อง มาติดตั้งทั่วนิวยอร์ค รวมถึงการค้าเหล้าเถื่อน ที่มีรายได้มหาศาล และด้วยการที่เขาสร้างสัมพันธ์อันดีกับนักการเมืองหลาย ๆ คน จึงทำให้เขาได้รับการหนุนหลัง และมีเส้นสายจากอิทธิพลทางการเมืองมากมาย
#อันดับที่ 2
ชาร์ลส์ “ลัคกี้” ลูเซียโน่ “ราชาแห่งมาเฟีย!”
โคตรเจ้าพ่อมาเฟียชาวอิตาเลี่ยนยุคคลาสสิคที่ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำตั้งแต่อายุยังน้อย ช่วงศตวรรษที่ 20 และได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้ริเริ่มการเปลี่ยนแปลงรูปแบบแก๊งค์มาเฟีย โดยการสร้างเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมที่ทรงอิทธิพลขึ้นในเมืองนิวยอร์ก ประกอบไปด้วย 5 แก๊งค์ตระกูลใหญ่ ได้แก่ Genovese Crime Family, Philadelphia Crime Family, Buffalo Crime Family, Los Angeles Crime Family และ Chicago Crime Family และยังเป็นผู้ก่อตั้ง The Comission หรือสภามาเฟียอิตาเลี่ยนนาม “ซิซิเลียน” แห่งสหรัฐอเมริกา โดยยึดหลักที่ว่าการขยายอำนาจของแก๊งค์ต้องเป็นไปอย่างเงียบสงบ และต้องมีผู้เสียชีวิตน้อยที่สุด ถือเป็นองค์กรที่คอยดูแลปกป้องแก๊งค์มาเฟียในสหรัฐ ซึ่งเขาได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Time ให้เป็นหนึ่งใน 20 บุคคล ที่มีอิทธิพลด้านลบแห่งศตวรรษที่ 20 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตามในช่วงปี 1936 ลูเซียโน่ ถูกจับกุมจากข้อหาธุรกิจค้าประเวณีผิดกฎหมาย 60 กระทง และนั่นก็ทำให้เขาถูกส่งตัวไปอยู่ในเรือนจำเป็นเวลานานกว่า 50 ปี แต่ทว่าเขาบังเอิญไปเจอกับอดีตลูกน้องเก่าผู้จงรักภักดีของตัวเองในเรือนจำ และนั่นก็ทำให้ธุรกิจมืดหลาย ๆ อย่างของเขายังคงดำเนินต่อไปได้ผ่านการบริหารงานภายในคุก
จนกระทั่งช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ทางสหรัฐฯ ได้ยื่นข้อเสนอให้ลูกเซียโน่ ช่วยจัดการเรื่องหน่วยข่าวกรอง เพื่อสอดแนมให้สหรัฐ เพื่อแลกกับการส่งตัวเขากลับไปยังอิตาลีบ้านเกิดของเขาเอง และแน่นอนเขารีบตอบรับข้อเสนอช่วยทางการสหรัฐฯ ท้ายที่สุดเขาก็ทำภารกิจสำเร็จลูกเซียโน่ถูกส่งตัวกลับไปใช้ชีวิตในบั้นปลายอย่างสงบกับครอบครัวที่ประเทศอิตาลี ก่อนที่เขาจะเสียชีวิตลงด้วยวัยชราในปี 1962
#อันดับที่ 1
อัล คาโปน “ไอ้หน้าบาก มาเฟียจอมโหดตลอดกาล”
ตำนานเจ้าพ่อผู้โด่งดังตลอดกาล “อัลฟองเซ่ คาโปเน่” เจ้าของฉายา “ไอหน้าบาก” ชาวอิตาเลี่ยนที่มีรอยแผลเป็นที่แก้มซ้าย ที่ได้มาจากเส้นทางการเป็นเจ้าพ่อของเขา คาโปนเริ่มต้นจากการเข้าร่วมแก๊งค์ ชิคาโก้ เอาท์ฟิต ซึ่งในตอนนั้นเป็นแก๊งค์มาเฟียที่ทรงอิทธิพล และกว้างขวาง หลังจากได้รับอำนาจต่อจาก จอห์น ทอร์ริโอ้ (เจ้าพ่อมาเฟียที่ทรงอิทธิพลในยุคปี 20 หนึ่งในผู้สร้างจักรวรรดิ์องค์กรอาชญากรรมแก๊งค์ ชิคาโก้ เอ้าท์ฟิต) คาโปน ก็เริ่มขยายธุรกิจการพนัน แข่งม้า โสเภณี และท้าทายอำนาจรัฐมากที่สุดในยุคนั้นก็คือ ธุรกิจเหล้าเถื่อน
โดยตำนานที่ถูกกล่าวขวัญไปทั่วโลกนั้นก็คือ การสังหารหมู่ในวันเซนต์วาเลนไทน์ เมื่อปี 1926 เมื่อสมาชิกแก๊งค์มาเฟียไอริช 7 คน คู่แข่งที่ทำธุรกิจมืดเช่นเดียวกับอัล คาโปน ถูกสังหารโหดโดยเหยื่อทั้งเจ็ดถูกสั่งให้นั่งคุกเข่าหันหน้าเข้ากำแพง จากนั้นก็ถูกยิงจากด้านหลัง แต่สุดท้ายคาโปนก็ไม่ถูกจับ เพราะหลักฐานมีไม่เพียงพอ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้ไม่มีแก๊งค์ไหนกล้าต่อกรกับเขาอีกเลย อิทธิพลและผลประโยชน์ต่าง ๆ จึงผูกขาดโดยกลุ่มของ คาโปน แต่เพียงผู้เดียว
อย่างไรก็ตามในปี 1931 เขาถูกจำคุกถึง 11 ปี ในคดีเลี่ยงภาษี เพราะตำรวจพบหลักฐานชัดเจนจากการทรยศของทนายความส่วนตัวของเขาที่ต้องการล้างมลทินให้กับตัวเอง อย่างไรก็ตามเขาได้รับการปล่อยตัวออกมาในปี 1939 ซึ่งระหว่างอยู่ในคุก เขาก็ได้ไปติดเชื่อซิฟิลิสออกมา ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจไปในปี 1947 ปิดตำนานเจ้าพ่อ “อัล คาโปน” อันลือลั่นในที่สุด
แม้ปัจจุบันยุคมาเฟียครองเมืองแทบจะหมดไปแล้ว หรือถ้ามีก็ไม่เป็นที่เปิดเผยมากนัก แต่ด้วยเรื่องราวอันเป็นตำนานของเหล่าเจ้าพ่อมาเฟียเหล่านี้ ล้วนยังเป็นที่กล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน และถูกใช้เป็นแรงบันดาลใจเพื่อนำมาถ่ายทอดเรื่องราวตำนานแก๊งค์มาเฟียบนโลกภาพยนตร์ โดยเฉพาะหนังมาเฟียสุดอมตะเรื่อง “The Godfather” หรือ “The Untouchables” ที่ล้วนแล้วนำเอาเค้าโครงเรื่องจริงมาสร้างเป็นหนังแทบทั้งสิ้น
เรื่อง “The Godfather” สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงจากแก๊งค์มาเฟียยุคคลาสสิคของ “ลัคกี้” ลูเซียโน่
เรื่อง “The Untouchables” สร้างจากเค้าโครงเรื่องจริงของตำนานเจ้าพ่อมาเฟีย “อัล คาโปน”
นอกจากนี้ยังถูกนำมาสร้างในรูปแบบของวิดีโอเกมส์ โดยมีธีมอยู่ในยุคของโลกแห่งเจ้าพ่อแก๊งค์มาเฟีย เช่น เกม Mafia ที่ทำบรรยากาศออกมาได้สมจริงเอามาก ๆ