ความไม่แน่นอนนั้นถือว่าเป็นสิ่งปกติสามัญของโลกใบนี้ เพราะมันสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกสถานการณ์ กับคนทุกผู้ทุกนาม ไม่เว้นแม้แต่นักกีฬาฟุตบอลชื่อดังที่มีชื่อเสียงก้องโลก เพราะพวกเขาเหล่านี้คือนักเตะดังที่ใคร ๆ ต่างก็ยกย่องในฝีเท้าว่าคือระดับท็อปของโลก ณ เวลานั้น จึงถูกซื้อไปอยู่กับต้นสังกัดใหม่ด้วยค่าตัวที่ไม่สูงจนสามารถเรียกได้เต็มปากว่า “บิ๊กดีล” แต่สุดท้ายแล้วกลับไม่สามารถทำผลงานได้ตามที่ถูกคาดหวังไว้จนล้มเหลวไปอย่างไม่มีใครอยากเชื่อ และ 5 คนที่กำลังจะได้เห็นต่อไปนี้ คือ “แข้งดังที่ย้ายทีมแบบสะเทือนวงการ แต่กลับล้มเหลวไม่เป็นท่า” ซะอย่างนั้น

อย่างที่ทราบกันดีว่า นักฟุตบอลนั้นหากธรรมชาติของเขานั้นถนัดในตำแหน่งไหนแล้ว ก็จะทำได้ดีหากมีโอกาสลงเล่นในพื้นที่และบทบาทของตัวเองกันทุกคน และถ้าถูกโยกไปยืนตรงอื่นแล้วส่วนมากก็จะเป๋ออกทะเลกันแทบทั้งหมด แต่ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้เล่นบางคนที่สามารถปรับตัว และเปลี่ยนแปลงการเล่นของตัวเอง ใช้ทักษะที่มีอยู่ดึงศักยภาพในตำแหน่งใหม่ออกมาได้อย่างสูงสุดจนเรียกว่ารุ่งเรืองสุด ๆ ซะจนยอมย้ายตัวเองไปถาวรเลยก็มี ผู้เล่นระดับท็อป 5 คนที่กำลังจะกล่าวถึงต่อไปนี้คือคนที่เปลี่ยนตำแหน่งแล้ว ประสบความสำเร็จอย่างสูงจนต้องยอมยกนิ้วให้

คริสเตียโน โรนัลโด้ สุดยอดนักเตะอันดับหนึ่งของโลก ณ เวลานี้ เป็นที่รู้กันมานานว่าแอบมีความเอาแต่ใจอยู่เล็ก ๆ เวลาเล่นฟุตบอล ซึ่งเราจะเห็นได้จากแอ็คชั่นในจังหวะต่าง ๆ ซึ่งหากไม่คิดอะไรมากก็ถือเป็นสีสันและความน่ารักอย่างหนึ่งได้เช่นกัน แต่ก็มีบางครั้งที่การแสดงออกของเขามันดูเหมือนจะเยอะเกินไป โดยเฉพาะเวลาโมโหเพื่อนร่วมทีม ซึ่งทั้ง 5 จังหวะดังกล่าวที่เรานำมาเสนอให้ได้ดูกันนั้น คือช็อตที่เรียกว่ามากสุด ๆ แล้ว แต่สาเหตุคืออะไร แล้วสมควรไหมที่ จะเดือดจนออกอาการขนาดนั้น ไปดูและช่วยกันตัดสินที ! CR7

หลังจากที่ศึกฟุตบอลลีกในทวีปยุโรปเปิดม่านฤดูกาล 2017-18 มาได้เกือบจะครบ 3 เดือนเต็ม เราได้เห็นกันไปแล้วว่าทีมไหนมีนักเตะคนใดบ้างที่โชว์ฟอร์มกันได้ดีเข้าตา และใครที่ทำผลงานยังไม่แจ่มเท่าความคาดหวัง นอกจากนี้ยังมีผู้เล่นบางส่วนที่แฟน ๆ รู้ดีถึงความสามารถอันแท้จริงว่า “แจ่ม” แค่ไหน แต่กลับไม่ค่อยได้รับโอกาสให้ลงสนามเป็นตัวจริงเท่าที่ควร ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ ส่วนจะมีใครบ้างนั้นผู้เขียนจัดมาให้ดูกันทั้งหมด 5 คน และหากผู้อ่านนึกออกมว่ายังมีตัวท็อป ๆ คนไหนโดนดองเค็มอยู่บ้าง ก็แนะนำกันมาได้เลยไม่ต้องเกรงใจ !! 1. ฮาเมส โรดริเกซ – บาเยิร์น มิวนิค ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่ารายแรกของลิสต์เราในวันนี้เป็นถึงดาวเตะที่เมื่อ 2-3 ปีก่อนถูกยกย่องว่าคือหนึ่งในตัวรุกระดับโลกมาแล้วอย่าง ฮาเมส โรดริเกซ นั่นเอง สตาร์ชาวโคลอมเบีย ...

สำหรับการเล่นฟุตบอลนั้น แน่นอนว่ามีเทคนิคอะไรต่าง ๆ มากมายหลากหลายสิ่ง และการเลี้ยงบอลเองก็เป็นหนึ่งอย่างที่สำคัญ เพราะนักเตะทุกคนต้องทำให้ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ถึงกระนั้นก็มีผู้เล่นบางส่วนที่ติดใจทักษะนี้กันมากจนมักจะเลี้ยงเยอะเกินไป ไม่ค่อยส่งให้เพื่อนเล่นต่อกันสักเท่าไหร่นัก ลุยไปจนยิงประตูได้บ้าง ลุยไปจนโดนแย่ง ออกเส้นข้าง ออกเส้นหลังบ้าง ก็ว่ากันไปตามแต่จังหวะของแต่ละคน อย่างไรก็ตาม เรามาดูกันว่ามีใครบ้างที่ เพื่อนฝูงนั้นยอมรับแล้วว่าพี่น่ะเลี้ยงเก่ง แต่ถ่ายบอลออกมาให้คนอื่นบ้างก็ได้ จนถูกเรียกว่าเป็น “พ่อเลี้ยงแห่งวงการลูกหนัง” ไปโดยปริยาย

สำหรับเกมฟุตบอลแล้ว ตำแหน่งที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ ก็คือศูนย์หน้า ซึ่งยุคนี้ส่วนมากจะไม่ค่อยมีการยืนคู่เป็นกองหน้าคู่กับเขาเท่าไหร่นัก ทำให้มนต์เสน่ห์ ในจุดนี้ถูกลดน้อยลงไปนิดหน่อย แต่เพื่อไม่ให้เป็นการลืมกัน เราจึงหยิบเอาสุดยอด คู่หู คู่ประสานในแดนหน้าที่ดีสุด บนเวทีพรีเมียร์ลีก มาให้ชมกัน ส่วนจะมีคู่ไหนบ้างนั้น เชิญทัศนา!! 1. แอนดี้ โคล – ดไวท์ ยอร์ค สำหรับคู่หู โคล-ยอร์ค ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเด็ต นั้นต้องบอกว่าเป็นการเป็นการเล่นร่วมกันในแดนหน้าที่อันตรายสุดในประวัติศาสตร์ลูกหนังพรีเมียร์ลีกเลยก็ได้ เพราะหลังจากที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดึงเอา ดไวท์ ยอร์ค เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของแนวรุกผีแดง ก็ทำให้กองหน้าที่แฟนบอลฝ่ายตรงข้ามล้อกันตลอดว่าเป็น ...

 นัดที่ 3 ของเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม โดยทาง 188BET จะมาพรีวิวคู่ของทีมที่ยังคงสถิติชนะรวดมา 2 นัดนั้นก็คือ เรอัล มาดริด ที่จะเปิดรังเบอร์นาบิวที่สเปนต้อนรับการมาเยือนของ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์

อย่างที่ทราบกันดี ระหว่างสโมสรฟุตบอล ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้น พวกเขาคือคู่อริที่ไม่สามารถยอมกันได้เลยในทุก ๆ หรือเรียกว่า “เกลียด” กันมากมาตั้งแต่ในยุคอดีต น่าจะเหมาะสมมากกว่า ฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างของพวกเขา จึงเหมือนกับเส้นขนานที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกันด้วยดีได้เป็นอันขาด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีนักฟุตบอลที่เคยค้าแข้งให้กับทั้งคู่อยู่เช่นกัน ส่วนจะมีใครบ้างนั้นไปดูกัน

ศึกเอล กลาซิโก้ รอบ 2 ของฤดูกาล และนัดที่ 2 ในรอบ 3 วันสำหรับ เวที สแปนิช ซุปเปอร์ คัพ ซึ่งเอาทีมแชมป์ลีกมาเจอกับแชมป์บอลถ้วยในประเทศ โดยนัดแรกทีมชุดขาวบุกไปสอยยานร่วงถึง คัมป์ นู ด้วยสกอร์ 3-1

แชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่อย่าง เรอัล มาดริด จะลงฟาดแข้งเพื่อชิงความป็นเต้ยในยุโรปกับแชมป์ยุโรปถ้วยเล็กอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกฟุตบอลถ้วย ยูฟ่า ซุปเปอร์ คัพ