หากย้อนหลังกลับไปเมื่อ 22 ปีที่แล้ว หรือในปี 2002 เป็นครั้งในประวัติศาสตร์ที่ศึกฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ใช้เจ้าภาพจากทวีปเอเชีย อีกทั้งยังเป็นครั้งแรกที่ฟุตบอลโลกมีเจ้าภาพร่วมได้แก่ เกาหลีใต้ และ ญี่ปุ่น
ซึ่งเหตุผลที่สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ ฟีฟ่า เลือกทั้ง 2 ชาติเป็นเจ้าภาพร่วมกัน ก็เพราะว่าต้องการใช้กีฬาฟุตบอลเป็นสื่อกลางในการสานสัมพันธ์ที่ดีขึ้นกับทั้งสองชาติ หลังจากที่มีแบ็คกราวเรื่องการมุ้งการเมืองที่ไม่กินเส้นกันมาเป็นระยะเวลานาน
ด้วยเหตุดังกล่าวฟีฟ่า ก็เลยเลือกให้เป็นเจ้าภาพร่วมกันมันซะเลย รัฐบาลของทั้ง 2 ประเทศจะได้ประสานงานกัน เพื่อให้อีเว้นต์ระดับโลกออกมาดีที่สุด แถมยังเป็นหน้าเป็นตาให้กับทั้ง 2 ชาติ นอกจากนี้ในศึกฟุตบอลโลกครั้งต่อไปในปี 2026 ก็จะเป็นครั้งแรกเช่นกันที่จะมีเจ้าภาพถึง 3 ประเทศ ประกอบไปด้วย สหรัฐอเมริกา, แคนาดา และเม็กซิโก
ศึกฟุตบอลโลก 2002 จบลงพร้อมกับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของ ทีมชาติเกาหลีใต้ ที่คว้าอันดับที่ 4 มาครอง และนับเป็นผลงานที่ดีที่สุดของชาติจากเอเชีย ในฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามนอกจากความสำเร็จของเกาหลีใต้แล้ว เรื่องดราม่าที่ตามมาก็เห็นจะเป็นเล่ห์เหลี่ยมต่างๆจากชาติเจ้าภาพ โดยเฉพาะเกาหลีใต้ ที่เต็มไปด้วยข้อครหาต่างๆนานาที่เกิดขึ้น ในศึก เวิลด์คัพ ฉบับเอเชีย เมื่อ 22 ปีที่แล้ว
กุส ฮิดดิ้งค์ กุนซือในตำนานแห่งทัพ โสมขาว
ทัพโสมขาว ภายใต้การคุมของ กุส ฮิดดิ้งค์ บรมกุนซือชาวดัตช์ ที่เคยผ่านงานทั้งการคุมทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ระหว่างปี 1995-98 รวมไปถึงการคุม เรอัล มาดริด ในฤดูกาล 1998-99 ประเดิมทัวร์นาเมนต์ เวิลด์คัพ ฉบับเอเชียด้วย 3 แต้ม จากการเอาชนะ โปแลนด์ 2-0 ก่อนเสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1 ในเกมที่ 2
เท่ากับว่า ณ เวลานั้นพวกเขามีลุ้นผ่านรอบแบ่งกลุ่ม หากไม่แพ้โปรตุเกส ในเกมสุดท้าย ซึ่งทัพ ฝอยทอง ณ เวลานั้นเต็มไปด้วยผู้เล่นชั้นนำมากมายนำโดย หลุยส์ ฟิโก้ มานูเอล รุย คอสต้า เจา ปินโต้ นูโน่ โกเมซ ,เปาโล ซูซ่า ,วิคเตอร์ บาย่า
สุดท้ายเกมนี้ ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง เนื่องจาก โปรตุเกส โดนใบแดงถึง 2 ใบประกอบไปด้วย เจา ปินโต้ ที่รับใบเหลือง 2 ใบภายใน 22 นาที รวมไปถึง เบโต้ ที่โดนใบแดงตรงไล่ออกในนาทีที่ 70
จากสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ทัพ โสมขาว ไล่บดเอาชนะไป 1-0 จากประตูชัยของ ปาร์ค จี ซอง ส่ง เกาหลีใต้ เข้าสู่รอบน็อคเอ้าต์ในฐานะแชมป์กลุ่ม พร้อมกับเขี่ยโปรตุเกส ตกรอบแรกไปแบบช็อคโลก
รอบ 16 ทีมสุดท้าย เกาหลีใต้ โคจรมาพบกับของแข็งอย่าง ทีมชาติอิตาลี ภายใต้การคุมทีมของ โจวานนี ตราปัตโตนี่ โดยเกมดังกล่าวยังคงเป็นที่พูดถึงจวบจนปัจจุบัน ซึ่งเป็นเกมที่แฟนบอลอิตาเลียนน่าจะจำฝังใจไปตลอดกับการเชียร์ทีมรักของตัวเอง
โดยก่อนเกมแฟนบอลทั่วโลกยกเว้นชาวเกาหลีใต้เชื่อว่า อัซซูรี่ จะเก็บชัยชนะได้แบบไม่ยาก เพราะขุมกำลังของพวกเขา เต็มไปด้วยเหล่านักเตะซูเปอร์สตาร์ โดยเฉพาะจากศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ทั้ง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ,เปาโล มัลดินี่ ,จานลุยจิ บุฟฟ่อน และ ยอดกองหน้าอย่าง คริสเตียน วิเอรี่
รอยด่างพร้อยครั้งใหญ่ที่ เกาหลีใต้ ไม่ได้เป็นคนทำ
ตลอดทั้งเกมทีมมักกะโรนีมีโอกาสบุกและยิงเยอะมาก แต่ก็ทำเสียของไปซะทั้งหมด จบครึ่งแรก ทีมชาติอิตาลี ออกนำแค่ 1-0 จากลูกโหม่งของ คริสเตียน วิเอรี่ ตั้งแต่นาทีที่ 18
ส่วนเกมครึ่งหลังเข้าสู่ช่วงท้ายเกมนาทีที่ 88 เรื่องราวดราม่าเริ่มเกิดขึ้น เมื่อ เกาหลีใต้ ตีเสมอจาก โซล คี เฮือน จบ 90 นาที เสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาด้วยกฏ โกลเด้นโกล นั่นคือฝ่ายไหนใครยิงเข้าก่อน ก็จะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปทันที
และแล้วในช่วงต่อเวลา ก็เกิดเหตุการณ์ที่แฟนบอลอิตาเลียนลืมไม่ลง จากจังหวะที่แข้งตัวเทพอย่าง ฟรานเชสโก้ ต็อตติ โดนใบเหลืองแดงไล่ออกจากสนาม จากข้อหาพุ่งล้มเอาจุดโทษ ทั้งที่เมื่อชมจากภาพรีเพลย์ อิตาลี ต้องได้จุดโทษ แต่สุดท้าย ไบร่อน โมเรโน่ ผู้ตัดสินชาวเอกวาดอร์ กลับแจกใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดงให้กับ เจ้าชายหมาป่า ซะอย่างงั้น
จากการโดนไล่ออกของ ต็อตติ ทำเอาขุนพล อัซซูรี่ แทบจะสติแตก จนกระทั่งมาโดน เกาหลี ที่ตัวผู้เล่นเยอะกว่ายิงประตูในช่วงโกลเด้นโกลจาก อาห์น จุง ฮวาน พาทัพ โสมขาว พิชิตอดีตแชมป์โลก ผ่านเข้าสู่รอบก่อนรองชนะเลิศได้สำเร็จ แบบที่เรียกได้ว่ามีดราม่าตามมาเต็มไปหมด
อาห์น จุงฮวาน สัญลักษณ์ของ แพะรับบาป ในศึกเวิลด์คัพ
ประตูชัยของ อาห์น จุงฮวาน สร้างความคับแค้นใจให้คนอิตาลีทั้งประเทศ โดยเฉพาะ ลูเซียโน่ กาอุชชี่ ประธานสโมสร เปรูจา ว่าที่ต้นสังกัดใหม่ของ อาห์น ณ เวลานั้น ที่ฟิวส์ขาดจนถึงขนาดยกเลิกข้อเสนอการเซ็นสัญญากับกองหน้าเกาหลีใต้รายนี้ทันที พร้อมกับให้สัมภาษณ์ด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า
“อาห์น เป็นปรากฏการณ์เฉพาะตอนที่เจอกับ อิตาลี เท่านั้น ผมเป็นพวกรักชาติ และผมถือว่าการกระทำแบบนั้นเป็นการสบประมาทประเทศที่เคยเปิดประตูให้ อาห์น มาค้าแข้งเมื่อ 2 ปีก่อน และผมเองก็ไม่ได้อยากจ่ายค่าจ้างให้กับพวกที่เป็นบ่อนทำลายวงการฟุตบอลของอิตาลีด้วย”
ด้าน อาห์น จุง ฮวาน ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรจากการถูก เปรูจา ยกเลิกการเซ็นสัญญา เพราะเจ้าตัวได้กลายฮีโร่ของปวงชนชาวเกาหลีใต้ไปแล้ว ณ เวลานั้น โดย อาห์น ออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงโต้กลับใส่ เปรูจาว่า
“ผมจะไม่พูดเรื่องการย้ายไป เปรูจา อีก ผู้คนชอบถามอะไรแบบนี้ก็กับผม ทั้งๆที่พวกเขาควรจะแสดงความยินดีกับผมเรื่องประตูที่ยิงใส่ ทีมชาติอิตาลี มากกว่า”
เกาหลีใต้ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเจอกับ สเปน ที่เต็มไปด้วยเหล่าบรรดาซูเปอร์สตาร์มากมาย โดยเฉพาะกลุ่มนักเตะจาก เรอัล มาดริด ไม่ว่าจะเป็น ราอูล กอนซาเลซ, เฟร์นานโด เอียร์โร่, อิเกร์ การ์ซิยาส และ เฟร์นานโด มอร์ริเอนเตส ที่ร่วมกันคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กับทีมเรอัล มาดริด ในฤดูกาล 2002
อย่างไรก็ตามทัพ กระทิงดุ ต้องจอดป้ายด้วยน้ำมือของเจ้าภาพร่วมอย่างทัพ โสมขาว ซึ่งเกมนี้ก็ถูกพูดถึงไม่น้อยไปกว่าเกมที่เกาหลีใต้ เจอกับ อิตาลี เพราะหลายครั้งหลายทีที่แข้งจากแดนกิมจิเปิดปุ่มใส่ทัพกระทิงดุ แต่ผู้ตัดสินกลับไม่แยแส แถมยังมีจังหวะที่ สเปน ยิงนำไปก่อน แต่ก็โดนอิทธิฤทธิ์ของผู้ตัดสินที่ริบลูกโหม่งประตูของ รูเบน บาราฆา คืน ไม่กี่นาทีถัดมา เฟร์นานโด มอร์ริเอนเตส ยิงเข้าไปอีกครั้ง แต่กลับถูกตัดสินว่า บอลออกเส้นหลังไปแล้ว
สุดท้ายจบ 120 นาทีทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ ต้องหาผู้ชนะด้วยการดวลลูกโทษที่จุดโทษ ก่อนที่ลูกทีมของ กุส ฮิดดิ้ง จะกรุยทางผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และยังนับเป็นชาติเอเชียชาติแรก ที่เข้าสู่รอบตัดเชือกฟุตบอลโลก โดยแม้ว่า เกาหลีใต้ จะทำได้ดีที่สุดแค่อันดับที่ 4 ของทัวร์นาเม้นต์ จากการพ่าย เยอรมัน 0-1 ในรอบรองชนะเลิศ ก่อนจะแพ้ ตุรกี 2-3 ในนัดชิงอันดับ 3 แต่เรื่องราวต่างๆก่อนหน้านั้น ยังเป็นที่จดจำและยังถูกพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้
บอลจบคนไม่จบ กรรมตามสนองเชิ้ตดำเอกวาดอร์
เรื่องราวที่ดูจะคุกรุ่นและร้อนแรง หลังศึกฟุตบอลโลกครั้งนั้น เห็นจะเป็นประเด็นของผู้ตัดสินตัวแสบชาวเอกวาดอร์ อย่าง ไบร่อน โมเรโน่ ที่กลายเป็นตัวละครเอกของเรื่องจากเกมที่ เกาหลีใต้ เอาชนะ อิตาลี ซึ่งภายหลังจากที่ อัซซูรี่ ตกรอบ สหพันธ์ฟุตบอลแดนมะกะโรนี ยื่นคำร้องขอให้ ฟีฟ่า สอบสวนการทำหน้าที่ของ โมเรโน่ ว่ามีความไม่ชอบมาพากลอยู่หรือไม่
แต่สุดท้ายก็ไม่มีหลักฐานใด เรื่องจึงเงียบลงไปในที่สุด ส่วนตัวผู้ตัดสิน โมเรโน่ เอง ก็ไม่ได้สะทกสะท้านยังคงรับงานตัดสินต่อไป
อย่างไรก็ตามในเวลาต่อมา ดูเหมือนว่าเวรกรรมจะตามเล่นงาน โมเรโน่ เพราะเจ้าตัวถูกสหพันธ์ฟุตบอลเอกวาดอร์ สั่งถอนใบอนุญาตการเป็นผู้ตัดสินในปี 2003 จากข้อหาที่ โมเรโน่ ตัดสินเอนเอียงเข้าข้าง ลีกา เดอ กีโต้ ทีมในเมืองที่ตัวเองมีผลประโยชน์เรื่องการเมือง
เท่านั้นยังไม่พอชีวิตของ โมเรโน่ ต้องเจอกับคดีความก้อนโตในปี 2010 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพบ เฮโรอีน 6 กิโลกรัม ที่ตัวของอดีตเชิ้ตดำรายนี้ ส่งผลให้เจ้าตัวถูกสั่งจำคุกในเรือนจำ และพ้นโทษออกมาในธันวาคม ปี 2012
พลิกวิกฤตเป็นโอกาส เปิดตลาดแข้งแดนกิมจิ
ในขณะที่ เกาหลีใต้ แม้ว่าพวกเขาจะถูกคำครหาถาโถมเข้ามาใส่ แต่พวกเขาก็ยังคงภาคภูมิใจกับประวัติศาสตร์หน้าใหม่ แถมยังเป็นบันไดต่อยอดไปสู่การส่งนักเตะไปค้าแข้งยังลีกชั้นนำของยุโรป
หลังจบศึกเวิลด์คัพ ฉบับเอเชีย มีนักเตะจากทีมชาติเกาหลีใต้มากมาย ได้รับโอกาสย้ายไปค้าแข้งในยุโรป ไม่ว่าจะเป็น คิม นัมอิล และซอง จองกุ๊ก ที่ไปอยู่กับ เฟร์เยนูร์ด, อี ยองเปียว และ ปาร์ค จีซอง ที่ไปอยู่กับ กับพีเอสวี ไอน์ดโฮเฟ่น, ฮยอน ยองมิน ที่ไปอยู่กับ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก, อิล อึนยอง ที่ไปโลดแล่นกับแทรปซอนสปอร์, อี จุนซู ที่ไปอยู่กับ เรอัล โซเซียดัด รวมไปถึง ชา ดูรี ที่ไปอยู่กับ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน
ส่วนฟุตบอลในประเทศเกาหลีใต้ ได้รับอานิสงส์อย่างมาก จากฟุตบอลโลก 2002 ยอดคนดูลีกสูงสุดของเกาหลีใต้ อย่างเคลีก เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลานั้น
รวมไปถึงพัฒนาการด้านคุณภาพฟุตบอลของพวกเขาที่ผลิดอกออกผลชัดเจน จากการที่สโมสรจากเกาหลีใต้ คว้าแชมป์ เอเอฟซี แชมเปียนส์ ลีก ได้ถึง 5 สมัย และเป็นรองแชมป์อีก 2 ครั้ง
แรงบันดาลใจ จากรุ่นสู่รุ่น
ความสำเร็จของ ทีมชาติเกาหลีใต้ ในศึกฟุตบอลโลก 2002 นอกจากจะสร้างปรากฏการณ์ให้กับทัพ โสมขาว แล้วยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเหล่าแข้งเลือดใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยหนึ่งในนักเตะที่ใช้แรงบันดาล เป็นพลังส่งให้กลายเป็นยอดนักเตะก็คือ ซน ฮึงมิน กองหน้าจาก ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ที่ในช่วงของ เวิลด์คัพ 2002 ซน เพิ่งจะมีอายุเพียง 10 ปีเท่านั้น และสามารถพัฒนาตัวเองมาจนได้รับเลือกให้ไปฝึกฝีเท้ากับ ฮัมบูร์ก ที่ประเทศเยอรมันในเวลาต่อมา ก่อนกลายดาวยิงหมายเลข 1 ของ ไก่เดือยทอง อยู่ในเวลานี้
ซน ฮึงมิน ยอดนักเตะชาวเกาหลีใต้ กล่าวถึงความทรงจำ และอิทธิพลของฟุตบอลโลก 2002 ต่อตัวเขา
“ปาร์ค จีซอง คือไอดอลของผม เขาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ ผมมีความทรงจำที่ดีมากมายกับฟุตบอลโลก 2002 ผมดูผ่านทีวี ผมจำตอนที่เราชนะยิงจุดโทษสเปนได้ คนรอบตัวผมแทบบ้ากันเลยทีเดียว”
“ผมแทบจะเลือกเหตุการณ์ในความทรงจำไม่ได้ เพราะทุกอย่างมันสุดยอดไปหมด คนทั้งประเทศใส่เสื้อสีแดง ผมก็ใส่ แต่สำหรับผม การชนะอิตาลี และสเปน คือสิ่งที่ผมภูมิใจมาก ไม่ง่ายเลยที่จะชนะทีมเหล่านี้ แน่นอนว่าเราได้เปรียบที่เป็นเจ้าภาพ แต่ก็คงไม่มีใครกล้าบอกว่า พวกเราเล่นได้ไม่ดี”
ขณะที่ ฮวาง ฮีชาน กองหน้าจาก วูล์ฟแฮมป์ตัน ที่ก่อนศึกฟุตบอลโลก 2002 เขาเพิ่งจะอายุ 6 ขวบเท่านั้น ก็ออกมากล่าวในทำนองเดียวกับ ซน ฮึงมิน ว่า
“ผมเริ่มเล่นฟุตบอลหลังจากฟุตบอลโลกปี 2002 ผมรู้สึกว่าการเป็นนักเตะทีมชาติมีความสำคัญเพียงใด และผมกำลังเรียนรู้วิธีช่วยเหลือทีมอยู่”
สุดท้ายจากศึกฟุตบอลโลก 2002 วงการฟุตบอลเกาหลีใต้ น่าจะได้รับประโยชน์มากที่สุด และถึงตอนนี้พวกเขาเปลี่ยนตัวเองกลายเป็นสุดยอดทีมฟุตบอลของทวีปเอเชีย และกลายเป็นชาติขาประจำที่พร้อมจะชนะทุกทีม ในศึกฟุตบอลโลกในยุคปัจจุบัน
บอลจากอังกฤษ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค