วันนี้เราจะมาพูดถึง “โอกาส” และ “ความเป็นไปได้” ของ ทีมชาติไทย กับการแข่งขันกีฬา “ซีเกมส์ 2021” ที่ประเทศเวียดนามรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพกันหน่อยว่า ช้างศึก ชุดอายุไม่เกิน 23 ปีของเราจะคัมแบ็กเอาเหรียญทองกลับมาคล้องคอไว้ได้อีกครั้งหรือไม่ …

แต่ก่อนจะไปถึงการมองภาพรวมการแข่งขันในรอบต่างๆ เรามาทำความเข้าใจกับ ทีมชาติไทย ในชุดนี้กันก่อนเพราะมีอะไรหลายๆ อย่างเปลี่ยนไป ทั้งการใช้โควต้าผู้เล่นอายุเกิน 3 ราย ซึ่งประกอบไปด้วย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ในตำแหน่งผู้รักษาประตู, วีระเทพ ป้อมพันธ์ ในตำแหน่งกองกลาง และ วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ ในตำแหน่งตัวรุก ซึ่งก็ถือว่าตัวดีกรีทีมชาติไทยชุดใหญ่ทุกคน รวมไปถึงการเปลี่ยนแปลงกุนซือจาก “โค้ชโย่ง” วรวุฒิ ศรีมะฆะ มาเป็น “มาโน่ โพลกิ้ง” อันนี้เราไม่ขอไปก้าวล่วงว่าเปลี่ยนทำไม เพราะอะไร เนื่องจากสุดท้ายแล้วผลงานจะเป็นคำตอบเองว่าเปลี่ยนแล้ว “ดี” หรือ “ไม่ดี”

ตัดจบเรื่องการทำเข้าความใจทีมชาติไทย มาต่อที่ใจความสำคัญของการลุ้นเหรีญทองของทีมชุดนี้ดีกว่า ว่าดีพอหรือจะไปได้ไกลสักแค่ไหน ในศึกซีเกมส์ครั้งนี้

อย่างแรกไปดู “คู่แข่ง” ในรอบแรกของเราก่อนเลย โดยทีมชาติไทย อยู่สาย B ร่วมกับ มาเลเซีย, กัมพูชา, สิงคโปร์ และ ลาว โดยโปรแกรมแข่งขันตามวันเวลาดังนี้

วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม 2565
19.00 น. ไทย พบ มาเลเซีย

วันจันทร์ที่ 9 พฤษภาคม 2565
19.00 น. ไทย พบ สิงคโปร์

วันเสาร์ที่ 14 พฤษภาคม 2565
19.00 น. ไทย พบ กัมพูชา

วันจันทร์ที่ 16 พฤษภาคม 2565
19.00 น. ไทย พบ ลาว

ทั้งนี้เงื่อนไขการเข้ารอบ ซีเกมส์ ครั้งนี้ยังเหมือนเดิมคือนำ อันดับ 1 และ 2 ผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป พร้อมกับไปไขว้เจอแชมป์กับรองแชมป์ของกลุ่ม A

ขยับมาดูโปรแกรมและวันแข่งขัน ถือว่ากราฟคู่แข่งของ ช้างศึก ยู 23 หนักมาเลยในช่วง 2 เกมแรกทั้งการพบกับ มาเลเซีย ที่เริ่มดีขึ้นมาในช่วงหลัง และ สิงคโปร์ ที่มี อิคซาน และ อิรฟาน 2 แข้งตัวหลัก บีจี ไปลุยด้วย ดังนั้นจบ 2 เกมแรกน่าจะชี้วัดได้เลยว่าเราหวังได้ไกลแค่ไหน ซึ่งส่วนตัวเชื่อว่าถ้าเราไม่เพลี่ยงพล้ำไปเองใน 2 เกมแรก การขึ้นไปถึงจบแชมป์กลุ่มหลังหมด 4 เกมก็มีสิทธิ์ หรืออย่างแย่ที่สุดรอบแรกของเราในทีมชุดนี้คืออันดับที่ 2 เพราะฉะนั้นตรงนี้พูดได้เลยว่าเราน่าจะผ่านรอบแรกไปได้

ตามคาดการณ์คู่แข่งของเราในรอบรองฯ คงหนีไม่พ้น เวียดนาม และ อินโดนีเซีย ซึ่งอยู่ที่เราด้วยว่าจะจบอันดับเท่าไหร่ในรอบแบ่งกลุ่มในการเจอ 2 ทีมนี้ แต่ถ้าเรามองไปถึงแชมป์และเหรียญทอง ต่อให้เจอกับใคร เมื่อไหร่ รอบไหน เราก็ต้องชนะ ดังนั้นต่อให้หลุดมาเจอกับ เวียดนาม ในรอบรองฯ เราก็ต้องผ่านให้ได้

สลับมาดูเรื่องตัวผู้เล่นในทีมชุดนี้ รายชื่อ 20 คนสุดท้ายยืนยันอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว ซึ่งประกอบด้วย

ผู้รักษาประตู
กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์
ศุภณัฐ ทรวดทรง

กองหลัง
โจนาธาร เข็มดี
อนุศักดิ์ ใจเพชร
ธีรภัทร เลาหบุตร
ชนภัช บัวพันธ์
นาคิน วิเศษชาติ
จตุรพัช สัทธรรม

กองกลาง
วีระเทพ ป้อมพันธุ์
วรชิต กนิตศรีบำเพ็ญ
วิลเลี่ยม แกเบรียล เวเดอร์เฌอ
เบนจามิน เดวิส
อิรฟาน ดอเลาะ
ชยพิพัฒน์ สุพรรณเภสัช
เอกนิษฐ์ ปัญญา สโมสร
นรากร นุ่มจันทร์สกุล

กองหน้า
พาตริก กุสตาฟสัน
ธีรศักดิ์ เผยพิมาย
กรวิชญ์ ทะสา
จักรกริช พาละพล

เมื่อนำมารวมกับ 3 แข้งอายุเกินที่บอกไว้ในข้างต้น ถือว่าไม่ขี้เหร่ และจัดว่าใช้ได้ประมาณนึงเลย แม้จะไม่ใช่ชุดที่ดีที่สุดของเรา แต่ก็เป็นชุดที่พร้อมที่สุดในการเล่นซีเกมส์ที่มาแบบงงๆ ในช่วงกลางปีแบบนี้

ดังนั้นเมื่อนำ การเลือกผู้เล่น, การเปลี่ยนโค้ชก่อนแข่ง และ การปรับโปรแกรมไทยลีก มารวมกับคู่แข่งในรอบแรกที่ไม่ยากจนเกินต้าน ทำให้ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าอย่างน้อยที่สุด “รอบชิงชนะเลิศ” คือสิ่งที่ทีมชุดนี้ต้องไปให้ถึงให้ได้

คำถามสุดท้าย ถ้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศได้แล้ว…แล้วเราจะไปถึงเหรียญทองได้มั้ย ??

ในฐานะคนที่เห็นการแข่งขันซีเกมส์มาหลายสมัย และเคยไปดูด้วยตาตัวเองกับแชมป์ 3 สมัยติด ตั้งแต่ โค้ชซิโก้, โค้ชโชค และ โค้ชโย่ง มั่นใจว่าทีมชุดนี้ไม่ขี้เหร่และไม่เป็นรองทั้ง 3 ชุดที่ว่ามา

ในเมื่อไม่เป็นรองและคาดว่าดีพอจะเข้าถึงรอบชิงฯ ได้ ดังนั้น “แชมป์” และ “เหรียญทอง” ในซีเกมส์ 2021 ครั้งนี้ จึงเป็นคำตอบสุดท้ายของ ทีมฟุตบอลชาย อายุไม่เกิน 23 ปี ที่นำทัพโดย มาดามแป้ง ในฐานะผู้จัดการทีม และกุนซือใหญ่คนใหม่อย่าง มาโน่ โพลกิ้ง

ร่วมเชียร์ทีมชาติไทยเป็นเจ้าเหรียญทองซีเกมส์ 2021

ทายทีมชาติไทยเป็นเจ้าเหรียญทอง ราคา 8.0
(ทาย 100 ชนะได้ 800 บาท)
*ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา