เคยสงสัยมั้ยว่า? ทำไมคนถึงชอบกีฬาเทนนิส กีฬาที่ไม้แร็กเก็ตหวดลูกกันไปมา และมีตาข่ายกั้นกลาง ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสนใจ แต่ใครล่ะจะรู้ว่า มันเป็นที่นิยมจากอดีตจนถึงวันนี้มาอย่างยาวนานมาก
และหากพูดถึงกีฬาเทนนิส คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “เฟ็ดเอ็กซ์” หรือ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ยอดนักเทนนิสชาวสวิสเซอร์แลนด์ อดีตมือวางอันดับหนึ่งของโลก กับสมญานาม “ราชาคอร์ตหญ้า” อย่างแน่นอน
วันนี้เราจะไปทำความรู้จักเขากัน ว่าทำไมถึงได้กลายมาเป็นสุดยอดนักเทนนิสระดับโลกและอย่างยาวนานได้จนถึงปัจจุบันวันนี้ และที่สำคัญเลยคือ เหตุใดเขาจึงถูกยกย่องให้เป็น “ราชาคอร์ตหญ้า” เรามีคำตอบมาให้ทุกคนแล้ว ไปลุยโลดดดด !!!
เกือบเลือกหวดลูกบอล แทนการหวดลูกเทนนิส
เฟเดอเรอร์ เกิดที่เมืองบาเซิล ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เขาเริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่เมื่อสมัยยังเป็นเด็ก และตัวเขาเองถือว่าเป็นเด็กที่อารมณ์ร้อนอย่างมากเลยทีเดียว จนถึงขั้นเคยถูกไล่ออกจากสนามซ้อมมาก่อนด้วย
นั่นเลยทำให้เจ้าตัวเคยมีโมเมนต์ ที่อยากจะลองไปเป็นนักฟุตบอลแทนการเล่นเทนนิส จากการที่ติดตามและเชียร์ทีมในบ้านเกิดอย่าง เอฟซี บาเซิล อีกทั้งยังชื่นชอบทีมจาก กัลโช่ฯ อิตาลี อย่าง อาแอส โรม่า ด้วย แต่สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกเดินเส้นทางเป็นนักเทสนนิสอยู่ดี
จนปัจจุบัน เฟ็ดเอ็กซ์ มือวางอันดับ 3 ของโลกในวัย 37 ปี ประสบความสำเร็จจากการหวดลูกสักหลาดมาอย่างมากมาย เป็นที่รู้จักของคนทั่วโลกอย่างดี และแทบจะไม่มีใครกล้าปฏิเสธเลยว่า เขาคือหนึ่งในนักเทนนิสที่ดีที่สุดในโลก
สไตล์การเล่นแบบ “เฟ็ดเอ็กซ์”
เฟเดอเรอร์ เป็นที่เลื่องชื่อมาก สำหรับลีลาท่าทางในการเล่นเทนนิสอย่างสง่างาม ซึ่งผู้คนต่างยกให้เขานั้นเป็นดั่งศิลปินที่คอยวาดลวดลายอยู่บนคอร์ตเทนนิสเลยทีเดียว
ซึ่งถ้าใครติดตามนักเทนนิสรายนี้ จะเห็นได้ว่า เจ้าตัวจะมีลูกเก่งที่ใช้ประจำ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นท่าไม้ตายเลย นั่นก็คือ ลูกแบ็กแฮนด์มือเดียว ที่มีประสิทธิภาพ ทรงพลัง และแม่นยำ จนยากจะหาใครมาเลียนแบบได้
นอกจากนั้นเวลาแข่งขัน เขามักจะเล่นด้วยรอยยิ้ม และมีท่าการตีซึ่งทำให้แฟนๆ รวมถึงคู่แข่งแปลกใจอยู่เสมอ เช่น การตีลูกลอดขา เป็นต้น
https://www.youtube.com/watch?v=ScKohNh-1E8
สไตล์การเล่นของ เฟ็ดเอ็กซ์ เปลี่ยนแปลงมาเรื่อย ๆ ตามอายุขัย ลองนึกภาพเล่น ๆ หากจะให้เขาลองสไตล์แบบ นาดาล ที่เน้นการโต้ ตีหนัก ๆ ไล่ทุกลูก เชื่อว่าเขาอาจปิดฉากการเป็นนักหวดไปนานแล้วก็ได้
แต่เขากลับใช้สไตล์ เน้นเกมบุก ปิดแต้มให้เร็ว และไม่ฝืนร่างกายเล่นแต่ละช็อต ทุกอย่างปล่อยไปตามธรรมชาติ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งสำคัญ ที่ทำให้เขาสามารถยืนระยะการเป็นนักเทนนิสระดับโลกมาได้อย่างยาวนานด้วย
แต่ละคอร์ตมีความยากแตกต่างกัน
ปกติแล้วคอร์ตที่ใช้สำหรับการแข่งขันเทนนิสนั้นมี 3 คอร์ตด้วยกัน นั่นก็คือ…
1. คอร์ตดิน นั้นมีคุณลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากคอร์ตอื่น ๆ ตรงที่มีดินเป็นตัวโอบอุ้ม ทำให้เมื่อบอลตกกระทบแล้วจะกระดอนขึ้นสูง แต่จะมีความเร็วตกลง ดังนั้น นักเทนนิสที่ได้เปรียบในการเสิร์ฟที่รุนแรงหรือที่ตีแรงก็จะมีภาษีดีกว่านักเทนนิสที่เน้นเรื่องเทคนิคชั้นเชิง เพราะเกมจะมีจังหวะที่ช้าลงกว่าปกติ
2. คอร์ตหญ้า ซึ่งจะมีหญ้าปกคลุมพื้นผิวทำให้เวลาบอลตกกระทบกับผิวหญ้าบอลจะไม่เด้งขึ้นสูงนัก แต่จะแฉลบและพุ่งแรง เนื่องจากมีใบหญ้าเป็นตัวทำให้ลื่นและเปลี่ยนทิศทาง คอร์ตหญ้าเป็นที่ชื่นชอบของนักเทนนิสสายพาวเวอร์หรือพวกที่มีพลังในการเสิร์ฟและเคลื่อนไหวรวดเร็ว เพราะจะยิ่งเพิ่มความได้เปรียบขึ้นไปอีก
3. ฮาร์ดคอร์ต จะมีลักษณะกึ่ง ๆ ระหว่างคอร์ตดินและคอร์ตหญ้า โดยลูกจะวิ่งช้ากว่าคอร์ตหญ้า แต่ก็ยังเร็วกว่าคอร์ตดิน ฮาร์ดคอร์ต จะมีข้อเสียอีกก็คือ อาจทำให้นักกีฬาได้รับบาดเจ็บได้ง่าย เพราะพื้นผิวมีแรงเสียดทานสูง ไม่เหมือนสองคอร์ตก่อนหน้า นักเทนนิสจึงต้องระมัดระวังตัวให้สูงขึ้นกว่าเดิม
เอาล่ะหลังจากเรารู้จักคอร์ตแต่ละประเภทอย่างละเอียดแล้ว ไปดูกันว่าทำไม เฟเดอเรอร์ ถึงมีความถนัดและเชี่ยวชาญกับ คอร์ตหญ้า เป็นอย่างดี ? แล้วผลงานกับคอร์ตชนิดอื่นเขาเป็นอย่างไรบ้าง ?
“ราชาคอร์ตหญ้า” ชื่อนี้มีที่มา
การที่แต่ละคนจะได้สมญานามว่าเป็นราชาของเรื่องนั้น ๆ ก็ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะต้องมาจากการที่เขาหรือใครคนนั้นประสบความสำเร็จ กวาดแชมป์และรางวัลมาอย่างมากมาย จึงไม่น่าแปลกใจนัก หากแทน เฟเดอเรอร์ ด้วยฉายาว่า “ราชาคอร์ตหญ้า”
โดยจากสถิติตั้งแต่เริ่มเทิร์นโปรจนถึงตอนนี้ (วันที่ 19 มิ.ย 2019) เฟเดอเรอร์ เอาชนะเกมบนคอร์ตหญ้าไปถึง 176 ครั้งและแพ้ไปเพียง 26 ครั้งเท่านั้น (คิดเป็น 87.1%) และอีกหนึ่งสถิติที่โลกต้องจำ ก็คือการที่เขาชนะบนคอร์ตหญ้าได้ต่อเนื่องนานที่สุดถึง 65 ครั้ง
แต่ที่สำคัญที่ใครต่อใครต่างยกให้ เฟ็ดเอ็กซ์ เป็นยอดนักหวดบนคอร์ตหญ้า ก็เพราะว่าเขาเป็นเพียงคนเดียวที่คว้าแชมป์ในรายการคอร์ตหญ้ารวมแล้ว 18 รายการ (เป็นรายการใหญ่อย่าง วิมเบิลดัน ถึง 8 ครั้ง) ทิ้งห่างอันดับสองอย่าง บิล ไทเดน และ พีท แซมพราส ที่ได้ไปคนละ 10 รายการอยู่ไกลโข
บางคนอาจสงสัยว่า วิมเบิลดัน เป็นรายการที่ยิ่งใหญ่และสำคัญเพียงใด ต้องบอกเลยว่านี่คือรายการที่นักเทนนิสทั่วโลกต่างรอคอยจะได้เข้าร่วมแข่งขัน เพราะเป็นรายการที่เก่าแก่มีมนต์ขลังที่สุด และเงินรางวัลต่างล่อใจสุด ๆ ไงล่ะ
เส้นทางสู่แชมป์ วิมเบิลดัน สมัยที่ 9
วิมเบิลดัน ถือเป็นแกรนด์สแลมบนคอร์ตหญ้าแห่งเดียว ที่เริ่มจัดมาอย่างยาวนานตั้งแต่ปี 1877 โดยเป็นรายการที่แฟนเทนนิสและนักเทนนิสทั่วโลกให้ความสนใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังมีธรรมเนียมปฏิบัติที่น่าสนใจอย่างมาก นั่นคือการใส่ชุดสีขาวล้วนแข่ง ทั้งชายและหญิง
สำหรับรายการ วิมเบิลดัน ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรายการที่ผู้คนต่างอยากจะเห็น ราชาคอร์ตหญ้า อย่าง เฟเดอเรอร์ คว้าแชมป์เป็นสมัยที่ 9 ให้ได้อีกครั้ง เพราะถือว่าเป็นโอกาสที่เจ้าตัวจะได้ลงเล่นในคอร์ตที่ถนัดที่สุด
แต่ก็ต้องบอกว่าไม่ง่ายเลยซะทีเดียว เพราะมือ 1 ของโลกคนปัจจุบันอย่าง โนวัค ยอโควิช ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์ในรายการนี้ไปเมื่อปีที่แล้ว ยังคงเป็นก้างชิ้นโตขวางคออยู่ รวมถึงคู่ปรับตลอดกาลอย่าง นาดาล ก็ด้วย
เอาเป็นว่าเรามาคอยดูกันว่า เต็งสองที่บ่อนเมืองนอกต่างยกให้เป็น เฟเดอเรอร์ จะฝ่าด่านและเป็นแชมป์สมัยที่ 9 ได้หรือไม่ ???
ทายแชมป์เทนนิส วิมเบิลดัน 2019
อัพเดทเกี่ยวกับ Wimbledon ในปี 2019
ปี 2019 จะเป็นครั้งแรกที่ วิมเบิลดัน นำเอากฎไทเบรค (Tie Break) มาใช้ในเซตตัดสินหรือเซตที่ 5 (ในรายการวิมเบิลดันจะเล่นกัน 3 ใน 5) โดยกฏไทเบรค (Tie Break) ของรายการนี้ไม่ใช่เมื่อเสมอกัน 5-5 เกมเหมือนรายการทั่วไป แต่จะเกิดขึ้นหลังจากที่เสมอกัน 12-12 เกมในเซตสุดท้าย
ซึ่งที่ต้องนำกฏไทเบรคกลับมาใช้นั้น ก็เพื่อเป็นการรักษาสภาพร่างกายของนักกีฬาไม่ให้เหนื่อยจนเกินไป รวมถึงไม่ให้การแข่งขันเกมนั้น ๆ ยืดเยื้อนานเกินไปด้วย เพราะก่อนหน้าผู้ชนะ จะต้องนำ 2 เกมเท่านั้น
นั่นหมายความว่าเราจะไม่ได้เห็นแมตซ์ที่ยาวนานเป็นประวัติศาสตร์ อย่างที่ จอห์น อิสเนอร์ เอาชนะ นิโกลาส์ มาอูต์ ลงเล่นกันอีกแล้ว ทั้งคู่สู้กันแบบมหากาพย์กินเวลายาวนานถึง 11 ชั่วโมง 5 นาที ก่อนที่จะจบลงด้วยสกอร์ 6-4, 3-6, 6-7(7), 7-6(3) และ 70-68 เป็นทางด้าน จอห์น อิสเนอร์ ที่เอาชนะไปได้