อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล และ “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นเป็นสองสโมสรคู่อริที่ยิ่งใหญ่สุดของโลก เพราะทุกครั้งที่มีเกม “แดงเดือด” เปิดฉากขึ้น คนทั้งโลกจะต้องนั่งอยู่หน้าจอทีวีพร้อมกันเพื่อชมเกมอย่างไม่ให้พลาดเลยแม้สักวินาที
ทางด้านแฟนบอลของทั้งสองฝ่ายนั้นก็ใช่ย่อย เพราะหาเรื่องมาบลัฟ มาพูดจาแซวกันแรงบ้างเบาบ้างตามประสา แม้บางครั้งพวกเขาจะไม่ได้แข่งกันก็ตาม เรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่จะไม่มีวันเกิดขึ้นกับทีมไหน ๆ อีกแล้ว
แต่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อนว่า แล้วทำไมสองสโมสรนี้ถึงต้องเกลียดชังกันสุดขั้วเหมือนมีเรื่องมีราวกันมาตั้งแต่ชาติปางก่อน เราจึงได้รวบรวมเหตุผลต่าง ๆ นานา มาให้ได้ชมกันแล้วในตอนนี้
และถ้าหากเพื่อน ๆ มีเหตุผลของตัวเองที่ต่างไปจากนี้ ก็สามารถคอมเม้นต์หรือแชร์ไปให้เพื่อนของตัวเองได้เห็นด้วย ก็ไม่ว่ากันนะจ๊ะ….
1. ปัญหาจากเศรษฐกิจระหว่างเมือง
หากนับกันตามปีของประวัติศาสตร์ เรียกได้ว่านี่น่าจะเป็นเหตุผลแรกสุดที่ทำให้พวกเขาเกลียดกันมาเป็นเรื่องเป็นราวได้เลยทีเดียว
ในยุคนั้นทั้งสองเมืองมีความเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจสูงพอ ๆ กัน โดยเฉพาะทางด้านอุตสหกรรมการทอฝ้าย แต่การที่ แมนเชสเตอร์ จะนำเข้าฝ้ายดิบต้องใช้เรือล่องผ่านมาทางน้ำเมอร์ซีย์เท่านั้น ทำให้ต้องเสียค่าธรรมเนียมการผ่านเมืองให้กับ ลิเวอร์พูล ในราคามหาศาล แมนเชสเตอร์
แต่หลังจากถูกเอารัดเอาเปรียบ ในเรื่องของค่าผ่านทางมานาน สภาพเมือง ก็ได้ตัดสินใจขุดลอกคลองขนาดใหญ่ให้เรือขนฝ้ายดิบเดินทางมายังเมืองแมนได้โดยตรง ซึ่งเรื่องนี้ส่งผลให้มีคนจาก ลิเวอร์พูล ตกงานกันมากมาย และก็เป็นชนวนแรกเริ่มของความเป็นอริกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
2. ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่และมากพอ ๆ กัน
สำหรับ ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้นเรียกได้ว่าไม่มีทีมไหนบนเกาะอังกฤษจะยิ่งใหญ่ได้เท่านี้มาก่อนแล้ว โดยเฉพาะในยุค 80 ฝั่งหงส์แดง เรียกได้ว่าไร้เทียมทานสุด ๆ และคว้าแชมป์ลีกไปได้มากมายในแบบที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เทียบไม่ติ
แต่หลังจากเปลี่ยนยุคมาเข้าสู่ชื่อ พรีเมียร์ลีก เต็ม ๆ ทุกอย่างก็เปลี่ยนผันไป ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมโคตรแข็งที่คว้าแชมป์มาได้เยอะมากแบบถล่มทลาย โดยเฉพาะในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จนกระทั่งคว้าแชมป์ลีกมาครองได้เยอะกว่า ลิเวอร์พูล ไปเรียบร้อยแล้ว
3. “บังเอิญสีแดง”
บางทีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความ “บังเอิญ” เราก็ไม่ได้อยากจะพูดให้มันเกี่ยวข้องไปกับอะไรที่อยู่เหนือธรรมชาติสักเท่าไหร่นัก เพราะทุกอย่างล้วนมีที่มาที่ไป
แต่ใครจะไปคิดว่า สองทีมที่นักเตะและแฟนบอลเกลียดชังกันมากที่สุดในโลกอย่าง ลิเวอร์พูล กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นกลับ เลือกใช้ชุดแข่งสีแดงเหมือนกันมานานมากจนนับนิ้วไม่พอเลยด้วยซ้ำ”
อย่างไรก็ตาม ความบังเอิญที่เกิดขึ้นมาทั้งหลายเหล่านี้แหละ ช่วยสร้างเสริมเติมเต็ม ความยิ่งใหญ่ของ “ศึกแดงเดือด” ให้มากขึ้นกว่าปกติ จนกลายเป็นแมตช์สุดคลาสสิกที่คนทั้งโลกต้องจับตามอง
4. นักเตะเกลียดกันทุกยุคทุกสมัย
นับตั้งแต่ที่บรรดานักเตะทั้งสองทีมเริ่มรู้สึกได้ว่า การที่พวกเขาต้องมาเผชิญหน้ากันนั้นมีศักดิ์ศรีคอยค้ำคออยู่หนักมา โดยเฉพาะ แกรี เนวิลล์ ชายผู้ประกาศตนมาตลอดเวลาว่า ข้าเกลียดทุกอย่างที่เป็น ลิเวอร์พูล
หรือทางฝั่ง เจอร์ราร์ด นั้นก็ยืนยันว่าเกลียดนักเตะทางฝั่ง ยูไนเต็ด อย่าง ริโอ เฟอร์ดินาน และ แกรี เนวิลล์ นั่นแหละ เรียกได้ว่าแทบไม่อยากจะเผาผีกัน ก่อนจะดีกันหมดหลังแขวนสตั๊ด
แต่นอกจากที่กล่าวมาก็มีการเข้าปะทะกันโหด ๆ สบถด่ากันรุนแรง เกิดขึ้นระหวางเกมของทั้งสองทีมอยู่ตลอดเวลา ทำให้ดีกรีความเกลียดชังนั้นยิ่งเพิ่มสูงขึ้น สุดท้ายก็กลายเป็นอีกหนึ่งวัฒนธรรมลูกหนังที่น่าสนใจมากทีเดียว
5. คำพูดของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
สำหรับ เซอร์ อเล็กซ์ สุดยอดบรมกุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นถือเป็นคนที่อยู่กับเกมแดงเดือดมายาวนานที่สุดแล้วก็ว่าได้ อีกทั้งยังเคยนำลูกทีมทำศึกอันยิ่งใหญ่นี้มามากมายจนนับนิ้วแทบไม่หมด
และป๋ากี้คนนี้นี่แหละที่เป็นหนึ่งในผู้จุดประกายความดุเดือดเลือดพล่านของเกมแดงเดือดให้ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่เข้าสู่ ยุค’90 เป็นต้นมา
“บอกตรง ๆ เลยนะ ไม่แปลกใจที่คนทั้งโลกจะรอดูเกมแดงเดือดระหว่ง ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล มันคือการชิงชัยกันระหว่าง 2 สโมสรที่ประสบความสำเร็จมากสุดบนเกาะอังกฤษ” เซอร์อเล็กซ์ กล่าว
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บอกว่า “ไม่แปลกที่คนจะรอดู การแข่งขันของทีมสโมสรที่มีประวัติประสบความสำเร็จมากที่สุดสองทีม”
รับเลย 300 บาท แค่คำถามว่า ทำไม ลิเวอร์พูล – แมนยู ถึงเป็นคู่อริกัน ??? (คลิกที่ภาพได้เลย)