เสร็จสิ้นกันไปแล้วสำหรับโปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลภายใต้ปฏิทิน ฟีฟ่า เดย์ ในช่วงเดือนกันยายน ที่เหล่าบรรดานักเตะที่ถูกเรียกตัวติดทีมชาติ ต้องเดินทางกลับไปรับใช้บ้านเกิดของตัวเอง และถือเป็นการพักหายใจหายคอ ในช่วงออกสตาร์ฤดูกาล 2024-25 สำหรับลีกลูกหนังอันดับ  1 ของโลก อย่างศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ โดยหลังจากที่รูดม่านเปิดฉากซีซั่นใหม่ได้ 3 เกม ผลปรากฏว่า แชมป์เก่าอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล เป็นเพียง 2 ทีมที่เก็บได้ 9 แต้มเต็ม แถม หงส์แดง ยังไม่เสียประตูเลยแม้แต่ประตูเดียว

ขณะที่ทีมยักษ์ใหญ่ทีมอื่นๆอย่าง อาร์เซน่อล รั้งอันดับ 4 จากการชนะ 2 เสมอ 1 ส่วน 2 ทีมจากกรุงลอนดอนอย่าง สเปอร์ส และ เชลซี รั้งอันดับ 10 และ 11 ตามลำดับจากการชนะ เสมอ และ แพ้ อย่างละเกม สำหรับทีมที่ได้รับการคาดหวังมากที่สุดทีมหนึ่งอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ถือเป็นทีมที่ทำผลงานน่าผิดหวัง จากการชนะ 1 แพ้ 2 เก็บได้เพียง 3 แต้ม รั้งอันดับ 14 ของตาราง 

ข่าวดี ผีแดง ตัวเจ็บคัมแบ็คกู้วิกฤต เทน ฮาก

อย่างไรก็ตามจากผลงานในช่วงพักเบรก ฟีฟ่า เดย์ สมาชิกของทัพ ปีศาจแดง ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น ไม่ว่าจะเป็น บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่แอสซิสต์ให้กับ ดิโอโก้ ดาโลต์ ซัดประตูแรกในเกมที่ โปรตุเกส ชนะ โครเอเชีย ไปได้ 2-1 ส่วนเกมที่ เนเธอร์แลนด์ เปิดบ้านอัด บอสเนีย 5-2 โจชัว เซิร์กซี ก็จัดการยิง 1 จ่าย 1 ขณะที่ มัทไธจ์ส เดอลิกต์ ลงตัวจริงด้วย เกมที่ อังกฤษ ชนะ ไอร์แลนด์ 2-0 ค็อบบี้ เมนู และ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ออกสตาร์ทตัวจริง ก่อนโดนเปลี่ยนตัวออกในช่วงครึ่งหลังทั้งคู่ โซนอเมริกาใต้ เกมที่ อาร์เจนตินา ชนะ ชิลี 3-0 อเลฮานโดร การ์นาโช่ จัด 1 แอสซิสต์ โซนแอฟริกา อาหมัด ดิยัลโล่ ลงตัวจริงพา ไอวอรี่ โคสต์ ชนะ แซมเบีย 2-0 ขณะที่ นูสแซร์ มาซราวี ลงตัวจริงพา โมร็อกโก ชนะ กาบ็อง 4-1

สำหรับผู้เล่นที่ไม่มีภารกิจกับทีมชาติ ก็ถือโอกาสได้พักเบรคช่วงสั้นๆ ก่อนที่จะกลับมาฝึกซ้อมกันอีกครั้ง ซึ่งช่วงเวลานี้เอง จะเป็นช่วงเวลาสำหรับนักเตะที่ได้รับบาดเจ็บ ได้มีเวลาเรียกความฟิตกัน และนับเป็นข่าวดีของกุนซือเก้าอี้ร้อนอย่าง เอริค เทน ฮาก ด้วย เพราะว่า 3 เกมก่อนหน้านี้ นักเตะตัวหลักยังกลับมาไม่ครบ ทั้ง ลุค ชอว์, ราสมุส ฮอยลุนด์, เลนี่ โยโร่ ซึ่งแฟนบอลบางส่วนก็มองโลกในแง่ดีกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เล่นดีขึ้นกว่าเดิม เพียงแต่ผลการแข่งขันไม่เป็นใจเท่านั้น โดยถึงตอนนี้มีนักเตะ 2 ราย ที่มีกำหนดหายเจ็บกลับมาช่วยทีมหลังโปรแกรมฟีฟ่าเดย์ นั่นก็คือ ลุค ชอว์ และ ราสมุส ฮอยลุนด์ 

อย่างไรก็ตามตำแหน่งที่น่าจับตามองที่สุดของ ผีแดง ณ ชั่วโมงก็เห็นจะเป็นบทบาทมิดฟิลด์ตัวรับที่ดูเหมือนว่า คาเซมิโร่ จะไม่สามารถแบกรับภาระอันหนักอึ้งไว้ได้แต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นมีความเป็นไปได้มากทีเดียวที่ บทบาทกองกลางตัวรับของ คาเซมิโร่ น่าจะจบลงเท่านี้ เพราะผลงานน่าผิดหวังสุดๆ ดังนั้นการเข้ามาของ มานูเอล อูการ์เต้ วัย 23 ปี จึงได้รับการคาดหมายว่าน่าจะเป็นกุญแจสำคัญและจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายในยุคของ เอริค เทน ฮาก ก็เป็นได้

จับตาแท็คติก เทน ฮาก กับการเข้ามาของ อูการ์เต้

มานูเอล อูการ์เต้ ลงสนามเป็นตัวจริงในเกมที่ อุรุกวัย เสมอกับ ปารากวัย 0-0 ก่อนโดนเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 79 โดยเจ้าตัวมีสถิติค่าเฉลี่ยที่โดดเด่นกว่าใครเพื่อนในแผงมิดฟิลด์ ทั้งสัมผัสบอล 85 ครั้ง ผ่านบอลสำเร็จ 87% ดวลภาคพื้นดินชนะ 9 จาก 12 ครั้ง ดวลลูกกลางอากาศชนะ 3 จาก 4 ครั้ง สร้างโอกาส 1 ครั้ง แถมไม่โดนคู่แข่งเลี้ยงบอลผ่านเลยแม้แต่หนเดียวในเกมดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวจะมีเวลาซ้อมกับทีมเพิ่มเติมอีกราวๆ 2-3 วัน หลังเดินทางกลับมาจากการรับใช้ชาติ และได้รับการคาดหมายว่าอาจจะได้ลงประเดิมสนามในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ ปีศาจแดง จะบุกไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน ในวันเสาร์ที่ 14 ก.ย. นี้

สแกนโปรไฟล์ มานูเอล อูการ์เต้

มานูเอล อูการ์เต้ เกิดที่เมืองมอนเตวิเดโอ เมืองหลวงของอุรุกวัย โดยเขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรในท้องถิ่นอย่าง ซิตี้ พาร์ค ก่อนที่จะมาอยู่กับชุดเยาวชนของสโมสร เฟนิกซ์ และถูกดันขึ้นชุดใหญ่ตั้งแต่อายุ 15 ปี โดยในช่วงแรกเขาเล่นเป็นกองหน้าให้กับทีม ก่อนจะเปลี่ยนมาเล่นตำแหน่งกองกลางในภายหลัง อูการ์เต้ เล่นให้กับ เฟนิกซ์ อยู่ด้วยกัน 4 ปี ก่อนเขาจะถูก ฟามาลิเกา สโมสรในโปรตุเกสเซ็นสัญญาไปร่วมทีมเมื่อปี 2020 และเพียงแค่เพียงครึ่งซีซั่น อูการ์เต้ ถูก สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยักษ์ใหญ่ของโปรตุเกส คว้าตัวไปร่วมทีมด้วยสัญญา 5 ปี ในยุคของกุนซือ รูเบน อโมริม

ช่วงแรกนั้น อูการ์เต้ มีสถานะเป็นตัวสำรองของ เจา ปาลินญา จนเมื่อ ปาลินญา มีปัญหาอาการบาดเจ็บ อูการ์เต้ ก็เริ่มได้รับโอกาสมากขึ้น และสุดท้ายเมื่อ ปาลินญา นั้นย้ายไปเล่นให้กับ ฟูแลม หลังจบฤดูกาลดังกล่าว ทำให้ อูการ์เต้ นั้นได้ยึดตำแหน่งตัวจริงทันทีในฤดูกาลต่อมา โดยผลงานมิดฟิลด์เลือดจอมโหด อยู่รับใช้ ลิสบอน เป็นจำนวน 2 ซีซั่น ลงสนามไป 85 เกมยิง 1 ประตูรวมทุกรายการ

ปี 2023 ปารีส แซงต์ แชร์กแมง จัดการทุ่มเงิน 60 ล้านยูโร เพื่อคว้าตัว อูการ์เต้ ไปเสริมทัพด้วยสัญญา 5 ปี โดยแม้ว่า อูการ์เต้ จะไม่ได้ลงเล่นให้กับ เปแอสเช เท่าที่ควร แต่แข้งอุรุกวัยรายนี้ก็มีส่วนร่วมในการคว้า 3 แชมป์ ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ลีกเอิง แชมป์กุปเดอฟร้องซ์ และแชมป์โทรเฟ่ เดส์ ช็องปิยงส์ กับสถิติการลงสนาม 37 เกมรวมทุกรายการ ในซีซั่นแรกและซีซั่นสุดท้ายของเขากับทัพ เปแอสเช

ผู้ปิดทองหลังพระแห่งถิ่น ปาร์ค เดส์ แพร็งค์

จากสถานการณ์ที่ เปแอสเช ไม่ได้ใช้งาน อูการ์เต้ เท่าที่ควร บวกกับทาง แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการกองกลางตัวรับเพิ่มอีกราย ทำให้ทุกอย่างนั้นลงตัวทันที ถึงแม้จะใช้เวลาคุยกันอยู่นานพอสมควร จนสุดท้ายปิดดีลกันได้ที่ค่าตัวราว 50 ล้านยูโร พร้อมแอดออนอีก 10 ล้านยูโร โดยที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ปล่อย สก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ ไปอยู่กับ นาโปลี เป็นการเปิดทาง

แม้ว่า อูการ์เต้ จะมีสไตล์การเล่นที่บู๊ ดุดัน กัดไม่ปล่อย เสียบเป็นเสียบ แต่ถือเป็นผู้เล่นที่มีประวัติอาการบาดเจ็บเพียงครั้งเดียว ตลอดอาชีพค้าแข้งอาชีพ ซึ่งเป็นอาการบาดเจ็บบริเวณแขนที่ทำให้ต้องพลาดลงเล่นไปเพียง 11 วันเท่านั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้ว

ขณะที่สถิติที่น่าสนใจของมิดฟิลด์รายใหญ่ของ ปีศาจแดง ในการรับใช้ ปารีส เมื่อฤดูกาลที่แล้ว มีสถิติ เข้าแท็คเกิลอยู่ที่ 4.6 ครั้งต่อเกม ซึ่งถือเป็นผู้เล่นที่แท็คเกิลมากที่สุดของศึกลีก เอิง เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา จากการเข้าแท็คเกิลทั้งสิ้น 98 ครั้ง ชนะไป 57 ครั้งคิดเป็น 58.16% เปรียบเทียบกันกับ คาเซมิโร่ แท็คเกิล 83 ชนะ 56 คิดเป็น 67.46% ดังนั้นความแตกต่างของ อูการ์เต้ กับ คาเซมิโร่ ต่างกันมากพอสมควร

เล่นแบบไหนถึงถูกใจ เอริค เทน ฮาก

ซึ่ง อูการ์เต้ เหมาะกับวิธีการเล่นรูปแบบใหม่ของ เทน ฮาก มากกว่า เนื่องจากพลังงานในการเล่นของ อูการ์เต้ สูงมาก มีสปีดต้นที่โดดเด่น จึงทำให้การไล่ล่าในแดนกลางน่าจะดูดีกว่าบทบาทที่ คาเซมิโร่ รับผิดชอบอยู่ในปัจจุบัน หากสังเกตุดีๆพื้นที่การเข้าสกัดของ อูการ์เต้ ส่วนใหญ่อยู่ที่แดนกลาง ขณะที่พื้นที่เข้าสกัดของ คาเซมิโร่ ส่วนใหญ่ อยู่ที่แดนหลัง

อูการ์เต้ สามารถฝากบอลให้กับนักเตะรอบด้านอย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ, ลุค ชอว์, บรูโน่ แฟร์นานเดส ,ค็อบบี้ เมนู, มาไธจ์น เดอลิกต์ รวมถึง ดีโอโก้ ดาโลต์ ทางขวา เพื่อให้นักเตะรอบๆตัวเหล่านี้เป็นคนขึ้นบอลเองได้ ดังนั้นบทบาทตัวตัดเกมและตัวเชื่อมเกม จึงน่าจะเป็นหน้าที่ของ อูการ์เต้ ที่น่าจะเบียด คาเซมิโร่ หลุดไปเป็นตัวสำรอง

สำหรับการเล่นให้กับทีมชาติอุรุกวัย อูการ์เต้ เริ่มติดทีมชุด U20 ในช่วงปี 2018-2020 ก่อนจะขึ้นมาเล่นให้กับ U23 ในปี 2020 และในปีถัดมา อูการ์เต้ ก็ได้โอกาสติดทีมชาติชุดใหญ่ทันที โดยเกมแรกของเขากับทีมชาติอุรกวัยชุดใหญ่คือเกมที่เอาชนะ โบลิเวีย ไปได้ 4-2 ในศึกฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก

แข้งใหม่ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด สู่ผู้กุมชะตา เอริค เทน ฮาก

ปี 2024 ถือเป็นช่วงพีคของ อูการ์เต้ ในการรับใช้บ้านเกิด เมื่อเจ้าตัวติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมของศึกโคปา อเมริกา 2024 หลังเป็นส่วนสำคัญในการพา ทีมชาติอุรุกวัย คว้าอันดับที่ 3 โดย อูการ์เต้ มีสถิติที่น่าสนในเอามากๆ เมื่อแท็คเกิลไป 25 ครั้ง สูงเป็นอันดับ 3 ของรายการนี้ น้อยกว่าอันดับ 1-2 เพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้น

สุดท้ายหากจะเอ่ยว่า มานูเอล อูการ์เต้ คือจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายในยุคของ เอริค เทน ฮาก ก็คงจะไม่ผิดแปลกอะไรนัก เพราะถึงตอนนี้บอร์ดบริหารชุดใหม่ของ ปีศาจแดง แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกเขาเอาจริงเอาจังแค่ไหน ถึงได้ตามใจให้งบ เทน ฮาก ช็อปปิ้งมากขนาดนี้ โดยช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา ยูไนเต็ด ใช้เงินไปถึง 216 ล้านปอนด์ ในการเสริมขุมกำลังทั้งกองหลัง กองกลาง และ กองหน้า 

และหากนับรวมงบประมาณทั้งหมดนับตั้งแต่ที่ เอริค เทน ฮาก เข้ามารับงานในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พวกเขาใช้เงินไปทั้งสิ้นถึง 709 ล้านยูโรในการซื้อนักเตะใหม่มาเสริมทีม ดังนั้นหากผลงานและทรงฟุตบอลของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังไม่ดี ยังไม่เตื้องขึ้น ก็อาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ในช่วงเปิดตลาดซื้อขายรอบสองช่วงปีใหม่นี้ แต่คราวนี้อาจไม่ได้เป็นการเสริมนักเตะใหม่เข้าใหม่ แต่อาจเป็นการเปลี่ยนแม่ทัพ ซึ่งนำไปสู่การโบกมือลาของ เอริค เทน ฮาก ก็เป็นได้

สำหรับโปรแกรมนัดต่อไปของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะบุกไปเยือน เซาธ์แฮมป์ตัน ในวันเสาร์ที่ 14 กันยายน นี้เวลา 18.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันจากต่างประเทศ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง บาเยิร์น มิวนิค