กำเนิดสนุกเกอร์
ช่วงท้ายปีนี้ก็จะมีรายการสนุกเกอร์รายการใหญ่หลายรายการให้เราได้ติดตามชมและเชียร์กัน ซึ่งใครเป็นแฟนคลับนักสนุกเกอร์คนใด ก็สามารถติดตามเชียร์และชมกันได้เลย แต่ก่อนที่เราจะได้ไปชมการแข่งขันต่าง ๆ เราขอเล่าถึง กำเนิดกีฬาสนุกเกอร์ซะหน่อยดีกว่า จะได้รู้จักที่มาที่ไป เป็นความรู้ประดับบารมี !!!
1. ค.ศ. 1470 กีฬากลางแจ้ง สู้กีฬาในร่ม
กีฬาที่มีไม้คิวสำหรับตีลูกบอล และเล่นบนโต๊ะ ประเภทแรกบนโลกใบนี้ คือ บิลเลียด
กำเนิดบิลเลียดครั้งแรก ไม่สามารถบอกแน่ชัดได้ ว่าใครเป็นผู้คิดค้นเกม และนำมาเล่น เพราะดูเหมือนว่ามีประวัติการเล่นกันในทั่วยุโรป ตั้งแต่ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ สกอชแลนด์ แต่มีข้อสังเกตอย่างหนึ่งว่าการเล่นบิลเลียด บนโต๊ะของชาวยุโรปในยุคนั้น มีความคล้ายคลึงกันกับกีฬากลางแจ้งประเภทหนึ่งที่ชื่อว่า “กอล์ฟ”
(รูปการตีกอล์ฟยุคแรก ค.ศ.1297)
จึงมีสันนิษฐานว่า บิลเลียดเป็นการจำลองกีฬากลางแจ้ง อย่างเช่น กอล์ฟ มาเล่นในร่ม ที่ต้องเป็นเช่นนี้เพราะ ยุโรปมีสภาพอากาสไม่สู้ดี ปีทั้งปีไม่ฝนตก ก็หนาวติดลบ การเล่นกีฬากลางแจ้งจึงไม่ได้ทำได้บ่อยๆ ประกอบกับเวลาว่างที่มีเหลือเฟือ มันต้องหากิจกรรมทำ ก็แหม่อากาศข้างนอกมันหนาว ชีวิตต้องอยู่แต่ในบ้าน แล้วจะให้อยู่บ้านเฉยๆ มันคงน่าเบื่อแย่ ชาวยุโรปจึงต้องสรรค์หากิจกรรมในร่มทำกัน!
ลักษณะการเล่นบิลเลียตครั้งแรกจึงคลายกับการตีกอล์ฟ คือต้องมีองค์ประกอบหลัก 4 อย่างได้แก่ มีลูกบอล มีไม้ตี มีหลุม และสนาม
เมื่อกอล์ฟ ถูกจำลองลงมาเล่นในบ้าน จากสนามหญ้าสีเขียวสดใส ก็กลายมาเป็น “โต๊ะกินข้าว” ปูผ้าสักหลาดสีเขียวแทน เพื่อให้ได้บรรยากาศของซัมเมอร์ ได้อารมณ์ ความรู้สึกของแสงแดดกลางแจ้ง ที่ก็มีไม่มากนัก (ไม่เหมือนบ้านเรา มีเยอะจนเกรียม อิอิ) ส่วนหลุมกอล์ฟ ก็ปรับมาเป็น “ซอง” แทน เพราะจะขุดหลุมเจาะรูโต๊กินข้าวบ้านตัวเอง มันก็ยังไงๆอยู่ ชาวยุโรปเลยใช้วิธีทำเป็น “ซอง” มีช่องให้ลูกบอลกลิ้งเข้าไปได้ ส่วนไม้ตี ก็ใช้ไม้ตีกอล์ฟนั้นแหละ ลูกบอลก็ใช้ลูกทองเหลืองบ้าง หรืองาช้างบ้าง
2. ค.ศ.1870 พัฒนาบิลเลียต มาเป็นสนุกเกอร์
โดยทหารชาวอังกฤษ ที่ประจำการในอินเดีย ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 (ค.ศ.1870) ได้นำบิลเลียดมาประยุกต์ และพัฒนาเพื่อให้เกมสนุกขึ้น โดยเพิ่มลูกคิว(ขาว) และลูกแดง เข้ากับบิลเลียตที่มีเพียงลูกสี และพัฒนาเรือยมาจนกระทั่งปี ค.ศ.1884 เนวิลล์ ฟรานซิส ฟิตซ์เจอรัลด์ แชมเบอร์เลน ได้บัญญัติกติกาของสนุกเกอร์อย่างเป็นทางการขึ้น ทำให้กีฬาสนุกเกอร์มีมาตรฐานมากขึ้น
แล้วเด็กๆ รู้หรือปล่าวว่า จริงๆแล้วสนุ๊กเกอร์ นั้นมีความหมายว่าอะไร?
คำว่า “Snooker” หรือ “สนุกเกอร์” นั้นมีความหมายว่า Leave (someone) in a difficult position หรือแปลเป็นไทยได้ว่า
ทำให้ใครซักคน ตกอยู่ในสถานการณ์อันยากลำบาก
โอ้วคุณพระ! คำว่าสนุกเกอร์ นั้นคือสิ่งที่อธิบายถึงเกมการเล่นของสนุกเกอร์นั้นเอง เพราะในเกมการแข่งขันนั้นนักสนุกเกอร์ต้องแทงลูกคิว ให้โดนลูกแดงลงหลุม สลับกับลูกสี และลูกคิว , ลูกแดงนี้เองที่เป็นเครื่องมือในการต่อสู้ของนักสนุกเกอร์
https://www.youtube.com/watch?v=4SICUlXaHKI
คือ ในการแข่งขัน นักสนุกเกอร์จะใช้ทักษะในเล่น หรือที่เรียกว่า “วาง” โดยทำการวางลูกคิว ไปในตำแหน่งที่ยากต่อการเล่นของฝั่งตรงข้าม เช่น อยู่ในตำแหน่งขวางลูกแดง หรือลูกสี ทำให้คู่ต่อสู้ไม่สามารถทำแต้มได้ คู่ต่อสู้ก็มีหน้าที่ “แก้” เกมต่อไป ซึ่งมันร้ายกาจมากกกก แต่สนุกเกอร์มันสนุกตรงนี้แหละครับท่านผู้ชม!
3. พัฒนาการไม้คิว จากไม้ธรรมดา สู่ไม้ราคาแพง
เริ่มจากบิลเลียด ที่จำลองเอากอล์ฟมาเล่นบนโต๊ะอาหารในบ้าน ไม้คิวในยุคแรกจึงใช้ไม้ตีกอล์ฟ (บางครั้งก็ใช้ไม้คริกเก็ตที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกัน) และพัฒนารูปทรงมาเรื่อยๆ จนกระทั่งราวปี ค.ศ.1800 เริ่มมีการทำไม้คิวที่มีด้าม และปลายเรียวยาว เหมือนกับที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน
ศิลปะ และวัสดุที่ใช้ สามารถทำให้ไม้คิวมีมูลค่ามหาศาล และเป็นงานศิลปะสำหรับนักสะสมได้เลยทีเดียว
ปัจจุบันนิยมนำไม้แอช (ASH) มาทำตัวไม้คิว ไม้แอช เป็นไม้นำเขาจากต่างประเทศ มีความแห้ง เนื้ออ่อนขึ้นรูปง่าย และน้ำหนักเบา และเนื้อไม้แอชมีลวดลายที่สวยงาม ส่วนตัวด้ามนิยมทำจากไม้อีโบนี่ (Ebony)
4. พัฒนาการลูกสนุกเกอร์ จากงาช้าง สู่ลูกพลาสติก
เริ่มจากงาช้าง ส่วนปัจจุบันทำจากส่วนผสมของพลาสติก;
5. พัฒนาการโต๊ะสนุกเกอร์ จากโต๊ะอาหาร
เริ่มจากโต๊ะอาหาร ปูผ้า และพัฒนามาใช้ไม้สัก มีการแกะสลักสวยงาม ด้วยความที่บิลเลียดเคยเป็นกีฬาของคนชนชั้นสูง และโต๊ะอาหารก็เป็นเครื่องแสดงฐานะอย่างหนึ่ง จึงต้องใช้ของดีของแพง อย่างไม้สัก และมีการทำรูปทรง ลวดลายสลัก ที่ขาโต๊ะเพื่อความสวยงาม และโต๊ะอาหารนี้แหละ คือ โต๊ะบิลเลียต และสนุ๊กเกอร์ก็ไม่ได้เปลี่ยนศิลปะของโต๊ะ เพราะต้องการคงความความคลาสสิกนี้ไว้
แล้วสาวขาใหญ่ เกี่ยวอะไรกับ ขาโต๊ะสนุ๊ก?
ด้วยความที่ขาโต๊ะสนุ๊ก มีความ ใหญ่ เป็นเอกลักษณ์ และคงไม่มีกีฬาบนโต๊ะประเภทไหนทำขาโต๊ะให้ใหญ่เท่าสนุ๊กเกอร์อีกแล้ว สาวๆ ที่มีส่วนล่างใหญ่ถูกเปรียบเทียบกับ ขาโต๊ะสนุก แต่! ขาโต๊ะสนุกยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งดี เพราะมันแสดงถึงความรวย ของเจ้าของ และแสดงถึงรสนิยมด้านศิลปะ ขาสาวๆ ก็เช่นกัน สาวขาใหญ่ ก็สวยเซ็กซี่ได้ เรามีตัวอย่างให้ดู ….
เอาล่ะ ขอจบเรื่องกำเนิดสนุกเกอร์ ไว้ที่ความเซ็กซี่แบบขาใหญ่ๆ ขาโต๊ะสนุ๊ก ของน้องเจสสิก้า ณ ตรงนี้เลยแล้วกัน แต่ถ้าใครอยากติดตามการแข่งขัน พร้อมเดิมพันหนุกๆ ก็สมัครเลย 188BET สำหรับวันนี้แอดมินขอลาไปก่อน บัย…