เว็บไซต์ sportbible.com ได้จัดอันดับเจ้าพ่อลูกนิ่งร่วมสมัยโดยเฉพาะการส่องฟรีคิกขึ้นมา ปรากฏว่าในบัญชีระดับโลก กอปรด้วย เดวิด เบ็คแฮม, ซินิซ่า มิไฮโลวิช, อันเดรียส์ ปีร์โล่ และ ลีโอเนล เมสซี่ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดยังมีสถานะเป็นรอง จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ อดีตจอมฉมังฟรีคิกของโอลิมปิก ลียง สถิติบอกว่า ตลอดช่วงเวลา 8 ปีที่ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ เล่นภายใต้สีเสื้อของ โอลิมปิก ลียง เขายิงให้สโมสรรวมทุกรายการไปถึง 100 ประตู จากการลงสนาม 343 นัด
อย่างไรก็ตาม กว่าที่ จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ จะกลายเป็นมือวางอันดับหนึ่งของการสังหารลูกนิ่งนอกกรอบเขตโทษ มันไม่ใช่ว่าเขามีพรสวรรค์นี้ติดตัวมาตั้งแต่เกิด แต่มันคือเรื่องของ “พรแสวง” ที่เจ้าตัวพยายามฝึกฝนมาตั้งแต่ช่วงที่เขาเริ่มชีวิตค้าแข้งที่บราซิล
ประสบความสำเร็จในบ้านเกิด
ในปี 2000 หลังจากประสบความสำเร็จในการมีส่วนช่วยพาสโมสรวาสโก ดากาม่า คว้าแชมป์ฟุตบอลลีกบราซิล รวมทั้งการเป็นแชมป์ฟุตบอลถ้วยโกปาแมร์ซู คัพ ขณะนั้น จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ ปรารถนาในการแสวงหาความท้าทายครั้งใหม่ด้วยการออกมาผจญภัยนอกประเทศบ้านเกิดไม่นานจากนั้น เขาก็ตัดสินใจเดินทางมายังประเทศฝรั่งเศส โดยการอำลาสโมสรที่เคยรับใช้มานาน 6 ปี
สร้างความรู้สึกเศร้าขึ้นในใจแฟนบอลวาสโก ดากาม่า ทันทีที่รู้ข่าวว่าทีมต้องสูญเสีย ‘เจ้าชายน้อยแห่งฆานัวริโอ’ (ชื่อสนามวาสโกฯ) เมื่อ จูนินโญ่ เดินทางมาถึงสโมสรโอลิมปิก ลียง เขาได้สร้างความประหลาดใจให้หลายคนในวงการฟุตบอลไม่น้อย เพราะขณะนั้น ลียง ยังเป็นทีมที่ไม่เคยประความสำเร็จในการเป็นแชมป์ลีก แต่ในขณะเดียวกับเวลานั้น ชื่อของ จูนินโญ่ กำลังถูกกล่าวถึงอย่างหนาหูและฝีเท้าของเขากำลังถูกจับตามองจากหลายทีมในยุโรป
สร้างชื่อที่ลียง
ทันทีที่ จูนินโญ่ ลงสนามซ้อมทีมวันแรก เขาทำให้ ฌอง มิเชล โอลาส ประธานสโมสรลียงวาภาพในจินตนาการเห็นทีมรักของเขาในระบบการเล่นที่มี จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ เป็นจุดศูนย์กลางของทีม หลังจากนั้นไม่นานนัก ภาพฝันของท่านประธานก็คล้ายถูกตวัดด้วยฝีแปรงให้กลายเป็นภาพความจริง เมื่อ จูนินโญ่ ลงสนามในตำแหน่งกองกลางให้ลียง พร้อมแสดงให้เห็นถึงไอเดียสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยม
มันคือความฉลาดในการส่งบอลอันนำไปสู่การทำประตูของทีมมากมาย รวมถึงอาวุธเด็ดที่ทำให้เขาเป็นนักเตะที่น่ากลัวเกรงของทีมคู่แข่ง นั่นคือเทคนิคการสังหารฟรีคิกที่ถูกเรียกว่า “นัคเคิลบอล”
นัคเคิลบอลที่ยากคาดเดา
เทคนิคการยิงฟรีคิกของเขาไม่ใช่การปั่นโค้งแบบที่ เดวิด เบ็คแฮม หรือ ลิโอเนล เมสซี่ ทำให้เห็นบ่อยครั้ง และไม่ใช่การอัดด้วยพลังบ้าคลั่งแบบที่เราคุ้นตากับลูกยิงของ โรแบร์โต้ คาร์ลอส เทคนิคที่ทำให้ฟรีคิกของ จูนินโญ่ มีประสิทธิภาพยิ่งกว่าทุกคน คือการวิ่งเป็นทางตรงเข้าหาลูกบอล ก่อนจะซัดด้วยเท้าขวาด้านในแบบเต็มแรงที่บริเวณใต้ลูก เพื่อให้ลูกบอลส่ายจนผู้รักษาประตูคาดเดาทิศทางได้ยาก
นั่นเองคือ “นัคเคิลบอล” ในแบบฉบับของเขา เมื่อทีมได้จังหวะเล่นลูกฟรีคิก จูนินโญ่ จะใช้เทคนิคในการยิงฟรีคิกของเขาส่งบอลเข้าไปยังเป้าหมายหรือมุมประตูที่เขาต้องการได้เสมอ คุณสมบัติพิเศษนี้เอง ทำให้เขาถูกยกให้กลายเป็นผู้ชำนาญเตะฟรีคิกที่แม้แต่นักเตะชื่อดังหลายคนในโลกฟุตบอลยุคนั้นต่างยกย่องและพยายามนำเทคนิคของเขามาฝึกฝน
แชมป์ลีกเอิง7สมัย
นอกจากการสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองจากลูกยิงฟรีคิกที่หวังผลได้สูง จูนินโญ่ ยังสลักชื่อไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ของสโมสรลียง ด้วยการลงสนามให้ทีมในฤดูกาลแรก รวม 21 เกม พร้อมกับมีส่วนช่วยพา ลียง คว้าแชมป์ ลีก เอิง เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์
ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา โอลิมปิก ลียง สามารถพลิกหน้าประวัติศาสตร์วงการฟุตบอลฝรั่งเศสด้วยการคว้าแชมป์ ลีก เอิง 7 สมัยติดต่อกัน
โดยในปี 2005 ลียง ภายใต้การคุมทีมของ เชราร์ด อุลลิเย่ร์ กุนซือชาวฝรั่งเศสได้มอบปลอกแขนกัปตันทีมแก่ จูนินโญ่ เนื่องจากความสามารถและอิทธิพลของเขาที่มีต่อรูปแบบการเล่นของทีม ก่อนที่ จูนินโญ่ จะประกาศอำลาทีมไปในปี 2009 ตลอดระยะเวลา 8 ปี จูนินโญ่ เล่นให้กับลียงทั้งหมด 248 เฉพาะในเกมลีก โดยทำประตูให้ทีม 75 ประตู และจากจำนวนประตูดังกล่าวนั้นมาจากการสังหารฟรีคิกมากถึง 43 ประตู
ต้นแบบยอดนักเตะ
อันเดรีย ปิร์โล่ อดีตกองกลางระดับตำนานของทีมชาติอิตาลี กล่าวไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขาหนึ่งหน้าเต็มโดยกล่าวถึง กองกลางจอมสังหารฟรีคิกแห่ง ลียง คนนี้ว่า
“ชายคนนั้นสร้างความอัศจรรย์กับลูกบอล เขาแทบจะไม่พลาดเลยจากที่ผมติดตามดูสถิติของเขา และหลังค้นพบเคล็ดลับการยิงฟรีคิกของเขากลายเป็นความหลงใหลสำหรับผม มันเป็นเรื่องของเทคนิคล้วน ๆ ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นเลย”
“ผมรับมือกับฟรีคิกของเขามาประมาณหนึ่งพันลูก หลังการฝึกซ้อม เขาจะให้ผมคอยรับลูกยิงฟรีคิกโดยแบ่งเป็นเซ็ตในการฝึก เซ็ตละ 30-40 ลูก และ 90% ลูกยิงเขาจะพุ่งไปตรงจุดที่เขาเล็งเสมอ ผมยังจำประตูแรกที่เขายิงได้จากฟรีคิก เขาวิ่งมาหาผมที่ข้างสนาม เรากอดและร้องเฮอย่างสุดกลั้น มันเหมือนรางวัลที่เราได้รับจากการทำงานหนักด้วยกันตลอดมา” เรมี่ แวร์กกูทร์ อดีตผู้รักษาประตูมือสองของลียง เล่าย้อนความจำถึงวันที่เขาเป็นคู่ฝึกซ้อมยิงฟรีคิกให้กับ ตำนานเทพจอมสังหารฟรีคิกเบอร์ต้นแห่งโลกฟุตบอล
เกียรติประวัติในอาชีพ
จูนินโญ่ แปร์นัมบูกาโน่ คว้าแชมป์ในระดับทีมชุดใหญ่รวมกันตลอดอาชีพค้าแข้งถึง 27 รายการ โดยนอกจากแชมป์ ลีก เอิง 7 สมัยกับ โอลิมปิก ลียง แล้ว ช่วงที่ยังเป็นดาวรุ่งเขาก็ประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการเล่นให้ วาสโก ดา กาม่า ที่บ้านเกิด โดยเคยพาทีมคว้าแชมป์ลีกบราซิลรวมถึง โกปา ลิเบร์ตาดอเรส มาแล้ว
ขณะที่ตอนที่ไปเล่นให้ อัล-การาฟา ระหว่างปี 2009-2011 หลังย้ายออกจากลียง เขาก็ได้แชมป์ทุกรายการในประเทศที่กาตาร์ โดยยิงฟรีคิกระหว่างการเล่นที่ตะวันออกกลางได้ถึง 9 ประตู และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีจากสมาคมฟุตบอลกาตาร์ได้ในปี 2010
จูนินโญ่ แขวนสตั๊ดกับ วาสโก ดา กาม่า ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาเคยสร้างชื่อก่อนไปเล่นที่ยุโรปในปี 2013 ด้วยวัย 38 ปี โดยซีซั่นสุดท้ายเขายังทำผลงานไว้ลายด้วยการยิง 2 ประตู แอสซิสต์อีก 7 ลูก
น่าเสียดายที่เขาไม่ได้แชมป์รายการใหญ่ๆ กับทีมชาติบราซิลอย่างฟุตบอลโลก 2002 และ โกปา อเมริกา 2004 จากการที่มีปัญหาบาดเจ็บหัวเข่าในช่วงใกล้ๆ จะประกาศรายชื่อก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ ความสำเร็จเดียวกับทีมชาติจึงเป็นถ้วย คอนเฟดเดอเรชั่นส์ คัพ ปี 2005 เท่านั้น ซึ่งทีมชุดนั้นเต็มไปด้วยดาวดังอย่าง โรนัลดินโญ่, กาก้า, อาเดรียโน่, โรบินโญ่ และ จิลแบร์โต้ ซิลวา ก่อนที่เจ้าตัวจะประกาศอำลาทีมแซมบ้าหลังจบฟุตบอลโลก 2006 ซึ่งบราซิลตกรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยน้ำมือของฝรั่งเศส