ในวัย 13 ปี ขณะเล่นฟุตบอลให้กับทีมเยาวชนท้องถิ่นโลดิจานี่ เด็กน้อยผู้มีนามว่า ฟรานเชสโก้ ต็อตติ เริ่มแสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัวเอง ถึงแม้เขาจะเป็นเด็กตัวเล็ก แต่กลับมีความรวดเร็ว คล่องแคล่ว และมักอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการยิงประตูเสมอ
เพชรเม็ดงามที่ถูกพบ
เวลาผ่านไปไม่นาน ชื่อของเด็กน้อยคนนี้เริ่มก็ถูกร่ำลือไปทั่วกรุงโรม ทำให้เวลานั้นทั้ง เอซี มิลาน, ยูเวนตุส รวมทั้งลาซิโอ ต่างหมายมั่นที่จะคว้าตัวนักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลคนนี้ไปร่วมทีม และสโมสร โลดิจานี่ ก็ได้ให้สัญญากับลาซิโอไว้แล้วด้วยว่า เขาจะมอบสมบัติล้ำค่าชิ้นนี้แก่ทีม “อินทรีฟ้าขาว” แห่งกรุงโรม
แต่เรื่องราวและอนาคตของเจ้าหนู ต็อตติ มันจบลงตรงที่ คุณแม่ของเขารวมถึงสมาชิกในครอบครัวคือสาวก “จัลโล่รอซซี่” มาหลายทศวรรษแล้ว ดังนั้นเจ้าหนูต็อตติ จึง ได้กลายมาเป็นนักเตะเยาวชนของสโมสรโรม่าตั้งแต่อายุได้ 13 ปี จากการผลักดันของคุณแม่
และเพียงเดือนเดียวที่มาถึงโรม่า ต็อตติ ได้ลงสนามให้ทีมรุ่นอายุ 15 ปี ทั้งที่เขาอายุเพียง 13 ปี อีก 2วัน จนถัดมา ด้วยวัย 15 ปี เขาก็กระโดดข้ามรุ่นไปเล่นให้ทีมชุด 17 ปี จนมีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกมาครอง
“เขาเตะตาผมทันที คุณไม่มีทางเห็นเด็กอายุเท่านี้ทำในสิ่งพิเศษแบบนี้ได้ตั้งแต่การซ้อมครั้งแรกหรอก” เอซิโอ เซลล่า โค้ชทีม ยู 17 โรม่า กล่าว แต่ ต็อตติ มีโอกาสได้เล่นกับชุด ยู 17 เพียงเดือนเดียวเท่านั้น เนื่องจากพออายุ 16 ปี เขาถูกดันขึ้นไปเล่นชุด ยู 20 และหลังจากลงสนามให้ทีมไปได้เพียง 10 นาที ลูซาโน่ สปิโนซี่ โค้ชของทีมได้ยกหูโทรศัพท์ต่อสายตรงไปยัง จอร์โจ้ เปริเน็ตติ ผู้อำนวยการกีฬาของโรม่า เพื่อจะบอกว่า “อย่าปล่อยเจ้าหนูคนนี้ออกจากสโมสรเด็ดขาด ฝีเท้าเขาโดดเด่นกว่าใครเท่าที่ผมเคยเห็นมา!!”
ในเดือนมีนาคม ปี 1993 ขณะลงเล่นในเกมชุด ยู 20 ปี พบกับ อัสโคลี่ เจ้าหนูวัย 16 ที่เพิ่งยิงไป 2 ประตู ถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงพักครึ่ง เพราะโค้ชทีมเยาวชนได้รับแจ้งจากทีมชุดใหญ่โรม่าว่าต้องการตัวเด็กคนนี้ร่วมเดินทางออกไปเยือน เบรสชา ในศึกกัลโช่ เซเรีย อา ที่จะถึงนี้
ก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ด้วยวัยเยาว์
“ส่งไอ้หนูคนนั้นลงไปเล่นดูสิครับ” ซินิซ่า มิไฮโลวิช เอ่ยปากแนะนำ วูยาดิน บอสคอฟ เทรนเนอร์โรม่า ให้ส่งนักเตะดาวรุ่งคนหนึ่งที่นั่งมองพวกนักเตะรุ่นพี่อยู่ที่ม้านั่งข้างสนามด้วยความตื่นเต้น ขณะที่ โรม่า นำ เบรสชา อยู่ 2-0 และเป็นช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกม
มีนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่ได้ขึ้นมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ แต่ ต็อตติ นั้นไม่เหมือนใคร เพราะมีเด็กอยู่ไม่กี่คนที่สามารถเล่นงานรุ่นพี่ด้วยการแตะบอลลอดหว่าขาในการฝึกซ้อม นักเตะทุกคนในทีมชุดใหญ่ของโรม่า จึงคาดหวังว่าหนุ่มน้อยผู้มีหัวใจกร้าวแกร่งคนนี้จะมีโอกาสถูกส่งลงสนามในเร็ววัน“ออกไปวอร์มสิ” บอสคอฟ หันไปสั่งนักเตะอายุน้อยที่สุดในทีมคนนั้น
ส่วนเขาแทบไม่ได้ยินคำสั่งของโค้ช เพราะหูตากำลังพร่าพรายกับบรรยากาศของเกมระดับ กัลโช่ เซเรีย อา ก่อนลุกขึ้นไปวอร์มไม่กี่นาที ก็ได้กลับมายืนอยู่ข้างสนามเพื่อรอการเปลี่ยนตัว
บอสคอฟ เปลี่ยนเด็กวัย 16 ปี ลงสนามไปแทน รุจเจโร่ ริชชิเตลลี่ กองหน้าทีมชาติอิตาลีและเป็นหนึ่งนักเตะในตำนานของสโมสรโรม่า ก่อนออกจากสนามศูนย์หน้าฉายา “ริชชี่โกล” เตือนสติรุ่นน้องคนนี้ว่า ให้ลงไปเล่นฟุตบอลด้วยความใจเย็น และสนุกกับมันให้มากที่สุด
หนุ่มน้อยลงไปสัมผัสบอลแค่ 2-3 ครั้ง ก่อนผู้ตัดสินจะเป่านกหวีดหมดเวลา แต่มันเป็นเกมหนึ่งที่ทำให้เขามีความสุขสุด ๆ และหลังจากเกมวันนั้นก็ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้ว่า หนุ่มน้อยนักเตะคนนี้จะลงเล่นให้กับ ‘หมาป่า’ โรม่า เกินกว่า 750 เกม จนวันสุดท้ายที่เขาอำลาถิ่น สตาดิโอ โอลิมปิโก้
หลังเกมประเดิมลงสนามในกัลโช่ เซเรีย อา ต็อตติ สอดแทรกเข้าไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับทีมชุดใหญ่ของโรม่า ภายใต้การคุมทีมของกุนซือคนใหม่ คาร์โล มัซโซเน่
มัซโซเน่ กุนซือผู้จับ อันเดรีย ปิร์โล่ มายืนในตำแหน่งจอมทัพแนวลึก จนกลายเป็นการค้นพบกองกลางฝีเท้าระดับโลก เขาเอ่ยปากเตือนสต๊าฟโค้ชทุกคนในทีมโรม่าว่า พวกเขาจะเสียใจแน่ หากยังหลุดปากไปบอกใครต่อใครว่าเด็กคนนี้เก่งแค่ไหน“ผมยอมรับว่า ผมปกป้อง ต็อตติ และพรสวรรค์ของเขาด้วยความหึงหวง ผมเกือบไม่อยากให้เขาถูกค้นพบเพราะว่า ในวัย 17 ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโรม คุณสามารถเสียผู้เสียคนได้”
ประตูแรกและการฉลองแสนธรรมดา
หลังจบเกมกับ ซามพ์โดเรีย ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1994 ต็อตติลงสนามเป็นตัวจริงให้โรม่าเป็นเกมแรก และเขาคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ได้ทันที กุนซือโรม่ารีบเดินเข้าไปไล่ให้ ต็อตติ ไปอาบน้ำ และเขาจะเป็นคนให้สัมภาษณ์กับนักข่าวแทน นั่นคือการแสดงออกถึงความหวงแหนและปกป้องนักเตะดาวรุ่งคนนี้ราวกับเป็นลูกชายของตน
6 เดือน หลังจากนั้น ประตูแรกของต็อตติก็เดินทางมาถึง ในเกมเปิดฤดูกาล 1994/95 กับ ฟอจจาเขาฉลองประตูแรกที่ยิงให้โรม่า ด้วยการออกไปกินไอศกรีมกับพี่ชาย พร้อมกับทวงสัญญาจากลุงที่ว่าจะซื้อจักรยานเสือภูเขาให้ หากเขาสามารถยิงประตูแรกได้สำเร็จ
โรม่า ผ่านสามฤดูกาลถัดมาแบบมือเปล่า มัซโซเน่ ถูกเด้งพ้นจากเก้าอี้กุนซือ ในช่วงซัมเมอร์ปี 1996 และผู้ที่เข้ามาแทนคือ คาร์ลอส เบียงคี่ กุนซือชาวอาร์เจนตินา
ภายใต้การทำงานของกุนซือคนใหม่ ต็อตติ กลายเป็นเพียงตัวสำรองของทีม โดนดรอปอยู่ที่ข้างสนามบ่อยครั้ง อีกทั้งยังถูกปฏิเสธไม่ให้รับเสื้อเบอร์ 10 ต่อจาก จูเซ็ปเป้ จานนินี่ ตำนานนักเตะของโรม่า ที่ย้ายออกไปเล่นกับ สตวร์ม กราซ ในออสเตรีย
นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้เส้นทาง ‘เจ้าชายหมาป่า’ คนนี้เกือบปิดตำนานด้วยการย้ายไปเล่นให้ทีม ซามพ์โดเรีย ในเดือนมกราคม ปี 1997 และยังมี สเปอร์ส สโมสรจากอังกฤษแสดงความสนใจอยากได้ ต็อตติ ไปร่วมทีมเช่นกัน
แต่สุดท้ายด้วยสายเลือดแห่งชาวโรมัน เขาตัดสินใจอยู่กับ โรม่า ต่อไป ในสถานการณ์ของทีมที่ต้องหล่นไปอยู่ในโซนท้ายตาราง พอถึงเดือนเมษายน คาร์ลอส เบียงคี่ ก็ถูกอัปเปหิออกจากสโมสร
กัปตันผู้ทีอายุน้อย
ซเดเน็ก ซีแมน คือผู้ที่เข้ามารับงานต่อจากเบียงคี่ ชายผู้มักคีบมวนบุหรี่ไว้ที่หว่างนิ้วและเป็นกุนซือผู้พิสมัยเกมรุก ได้จัดการมอบเสื้อหมายเลข 10 ให้แก่ ต็อตติ พร้อมแถมปลอกแขนกัปตันทีมให้กับนักเตะอายุเพียง 22 ปีคนนี้ไปด้วย นั่นเท่ากับว่า ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ได้กลายเป็นกัปตันทีมที่มีอายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ กัลโช่ เซเรีย อา
แต่ในความเป็นจริงแล้วตำแหน่งกัปตันทีมนี้ไม่ได้เกิดจากการแต่งตั้งเพียงตัวกุนซือ แต่มันผ่านการลงคะแนนจากนักเตะในทีม ซึ่ง อัลดาเอียร์ ได้รับเสียงโหวตมากสุด แต่ซ็นเตอร์ฮาล์ฟชาวบราซิลไม่ต้องการแบกรับความรับผิดชอบในเวลานั้น
และสุดท้ายตำแหน่งผู้นำของทีมจึงตกอยู่กับนักเตะดาวรุ่งผู้นิ่งเกินอายุ และมีความเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบเมื่ออยู่ในสนาม
สคูเด็ตโต้ที่รอคอย
ต็อตติ ไม่ได้ทำให้ทุกคนต้องผิดหวัง เขายิง 30 ประตู และทำ 26 แอสซิสต์ ภายใน 2 ฤดูกาลที่ ซีแมน คุม โรม่า และทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 และ 5 ในเวลาต่อมา
ต็อตติ ใช้เวลา 2 ปี แสดงให้ทุกคนได้เห็นถึงคลาสฟุตบอลชั้นเลิศในตัวของเขา การเอ็นเตอร์เทรนแฟนบอลด้วยทักษะและเทคนิคการส่งบอลและทำประตูอย่างที่จะหาใครลอกเลียนแบบ เขาคือแบบฉบับความคลาสสิกของนักเตะหมายเลข 10 อย่างแท้จริง
เขาสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในแนวรุก 3 ตัว หรือถอยลงมาต่ำในตำแหน่งเพลย์เมกเกอร์ เพื่อคอยสนับสนุน วินเชนโซ่ มอนเตลล่า และ มาร์โก เดลเว็คคิโอ
จนในปี 2001 การรอคอยความสำเร็จอันยาวนาน 18 ปี ของโรม่า ก็ได้สิ้นสุดลง ฟาบิโอ คาเปลโล่ กุนซือ ชาวอิตาลี สามารถพา ‘หมาป่าแห่งโรม’ เถลิงบัลลังก์แชมป์สคูเด็ตโต้ ฤดูกาล 2000/01 ซึ่ง ต็อตติ, มอนเตลล่า และ บาติสตูต้า ช่วยกันซัดรวม 47 ประตู จาก 68 ประตูที่โรม่าทำได้ทั้งหมดใน เซเรีย อา
“เขารู้ทุกอย่าง และเป็นคู่หูกองหน้าที่ดีที่สุดที่ผมเคยเล่นด้วย เขาคิดเร็วและรู้ว่ากองหน้าต้องการอะไร เพราะเขาเป็นกองหน้าเหมือนกัน นั่นเป็นข้อได้เปรียบ ผลคือเขาทำให้ผมต้องปวดหัวเข่าเลยล่ะ!” บาติโกล กล่าวถึง ต็อตติ หลังปีแห่งความสำเร็จที่โรม่า
ต็อตติ ยิงได้ 13 ประตู ในฤดูกาลนั้น พร้อมกับรางวัลนักฟุตบอลแห่งปี แต่ความสัมพันธ์ระหว่าง คาเปลโล่ กับ ต็อตติ ก็มาถึงจุดแตกหัก เมื่อทั้งคู่ต่างแย่งกันเป็นคนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ฤดูกาล 2000/01 การเปิดศึกวิวาทะกันหลายคราว และการหักหน้ากันนำมาสู่การแตกหักจากความเป็นคนหัวดื้อของทั้งคู่
อย่างไรก็ตาม หลายคนอาจมองว่าช่วงเวลาเบ่งบานของ ต็อตติ นั่นคือฤดูกาลที่เจ้าตัวสามารถคว้าแชมป์ลีกมาครอบครอง แต่จะกล่าวให้จริงแล้ว ช่วงเวลาที่ ต็อตติ เปล่งประกายในฝีเท้าที่สุดนั่นคือการลงเล่นให้โรม่า ในยุคกุนซือ ลูเชียโน่ สปัลเล็ตติ กับบาทบาท “ฟอลส์ นายน์” ก่อนเกมกับ ซามพ์โดเรีย ในเดือน ธันวาคม ปี 2005 เมื่อ คาสซาโน่, มอนเตลล่า และซาบานี่ นงด้า ต่างนัดกันเจ็บ ต็อตติ ถูกส่งไปยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า
แต่ความหมายของการเล่นตำแหน่งนี้ในแบบฉบับของต็อตติ นั้นคือการปรับเปลี่ยนด้วยจินตนาการทางลูกหนังของเขา จนเป็นที่มาของระบบการเล่น 4-6-0
ต็อตติ มักวิ่งป่วนไปทั่วพื้นที่ในแผงหน้า หรือบางครั้งถอยต่ำฉีกตัวประกบลงมารับบอลถึงกลางสนาม ต่ำกว่าบรรดากองกลางของทีมด้วยซ้ำ ผลคือ โรม่า สามารถเก็บชัยชนะได้ 11 นัดติด มากสุดในสถิติชนะติดกันของ เซเรีย อา ในเวลานั้น
“การให้บอลไว้กับต็อตติ เหมือนการฝากเงินไว้กับธนาคาร” สปัลเล็ตติ กุนซือโรม่า กล่าว
ตลอดเวลา 4 ฤดูกาล ภายใต้การคุมทีมของ สปัลเล็ตติ โรม่า คว้าแชมป์ โคปา อิตาเลีย 2 สมัย และเป็นรองแชมป์กัลโช่ 3 ครั้ง
สถิติกับกับทีมชาติและสโมสร
ต็อตติ ติดทีมชาติอิตาลี ในศึกฟุตบอลโลก ปี 2006 ในสภาพไม่ฟิตสมบูรณ์เต็มร้อย แต่สุดท้ายเขาก็เป็นส่วนหนึ่งของอิตาลีในการคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกสมัยที่4 มาครองอย่างยิ่งใหญ่ ผลงานการซัดรวม 32 ประตู ตลอด 50 เกม ในฤดูกาล 2006/07 ส่งให้ ต็อตติ คว้ารางวัล โกลเด้น บูต
แม้การออกไปพ่ายให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ถึง 1-7 ในเกมถ้วยยุโรป แต่ชัยชนะ 2-1 ในเกมแรก นั้นอิทธิพลจากการเล่นตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้าของ ต็อตติ ก็ได้แผ่คุกคามไปยัง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้ทดลองสลับสับเปลี่ยน โรนัลโด้, รูนี่ย์ และเตเวซในการประสานงานเกมรุกแบบยืดหยุ่นกว่าที่เคย
ต็อตติ เป็นเข้าของสถิติการทำประตูสูงสุดในเกมดาร์บี้แมตช์ระหว่าง โรม่า และ ลาซิโอ แฟนบอล ‘อินทรีฟ้า-ขาว’ ต่างเกลียดเขาแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธความรักชื่นชมในตัวนักเตะจากโรมคนนี้ ที่คอยสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเมืองแห่งนี้กับแฟนบอล
ต็อตติ แขวนสตั๊ดในวัย 41 ปี กับสโมสรแห่งเดียวตลอดอาชีพการค้าแข้ง ก่อนหน้านั้นเขาเคยยอมรับว่า ไม่มีทางที่เขาจะเตะฟุตบอลไปจนถึงอายุ 40
ใครบางคนกล่าวว่า มันเปรียบดั่งโศกนาฏกรรมในวันที่เขาหันหลังให้สนามฟุตบอล และอีกหลายคนยืนยันว่า ต็อตติ ยังสามารถเล่นได้อีกเป็นพันเกม โดยที่เขาไม่ต้องวิ่งในสนามด้วยซ้ำ สำหรับชาวโรมันแล้ว ฟรานเชสโก้ ต็อตติ คือนักรบในสนามลูกหนังของแท้ และในเหล่าแฟนบอลจากทุกมุมโลก เขาคือนักเตะเบอร์ 10 ผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ในฝีเท้าตลอดกาล
ครั้งหนึ่ง ต็อตติ เคยถูกถามว่า ระหว่างจูบแรกกับประตูแรกในเซเรีย อา ตอนนั้นเข้มข้นกว่ากันในความรู้สึกคุณ เขาตอบว่า “คุณมีจูบแรกเพราะเห็นผู้คนจูบกัน คุณไม่ได้ถ่ายทอดความรักนั้นออกมา แต่กับการยิงประตูแรกได้ต่างหากคือสิ่งที่คุณใฝ่ฝันถึง”
“เจ้าชายหมาป่า” ฟรานเชสโก้ ต็อตติ