เรียกได้ว่ายังคงเข้มข้นและบีบคั้นมากขึ้นเรื่อยๆสำหรับสถานการณ์การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในฤดูกาลนี้ หลังจากที่ผลการแข่งขันศึกบิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ออกมาด้วยการที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำแค่ได้เปิดรัง เอติฮัต สเตเดี้ยม เสมอกับทีมลุ้นแชมป์ด้วยกันอย่าง อาร์เซน่อล 0-0 ปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา
หงส์แดง แย่งจ่าฝูงคืนจาก ปืนใหญ่
สถานการณ์ในอันดับตารางคะแนน ในช่วง 9 เกมสุดท้ายของฤดูกาล กลายเป็น หงส์แดง ลิเวอร์พูล ที่กลับมายึดตำแหน่งจ่าฝูงของตารางคะแนนอีกครั้งจากการเปิดรัง แอนฟิลด์ เอาชนะ ไบรท์ตัน 2-1 ในสัปดาห์เดียวกัน
1.ลิเวอร์พูล 67 คะแนน
2.อาร์เซนอล 65 คะแนน
3.แมนฯ ซิตี้ 64 คะแนน
จากผลเสมอแบบไร้สกอร์ในเกมระหว่าง เริอใบสีฟ่า กับทัพ ปืนใหญ่ แม้ว่าในเรื่องของสถานการณ์อาจจะยังดูลำบาก แต่ดูเหมือนว่าเรื่องสภาพจิตใจในทีมของ มิเกล อาร์เตต้า พวกเขารู้สึกได้อะไรกลับมานอกจาก 1 แต้มอันล้ำค่าอย่างแน่นอน
1 แต้มอันล้ำค่า ที่ได้มาไม่ใช่เพราะโชคช่วย
ทัพ ปืนใหญ่ คือทีมที่ 3 ที่เก็บคลีนชีทได้ทั้ง 2 นัดในฤดูกาลเดียวกัน ในการดวลกับ แมน ซิตี้ ของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า โดยก่อนหน้านี้มีเพียงแค่ แมน ยูไนเต็ดในฤดูกาล 2020/21 และ คริสตัล พาเลซในฤดูกาล 2021/22 ที่ทำได้แบบเดียวกัน
และหากมาดูพัฒนาการของ มิเกล อาร์เตต้า ในการประลองฝีมือกับอดีตลูกพี่อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถึงว่าน่าสนใจไม่น้อย เพราะหากย้อนไปดูสถิติการเจอกันเมื่อฤดูกาลที่แล้ว อาร์เซนอล แพ้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบไปกลับ เกมเหย้า แพ้คา เอมิเรตส์ สเตเดียม ไป 1-3 ก่อนจะบุกไปแพ้ที่ เอติฮัต สเตเดี้ยม ด้วยสกอร์ 1-4
แต่ให้หลังเพียงแค่ 1 ปี ในศึกพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2023/24 หรือว่าในซีซั่นนี้ อาร์เตต้า หาญกล้าพา อาร์เซน่อล เก็บแต้มได้จากทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้ถึง 4 แต้ม จากการเปิดรังเอาชนะไป 1-0 ก่อนจะไปบุกไปยันเสมอในเกมล่าสุดแบบบัวไม่ช้ำน้ำไม่ขุ้น 0-0 โดยหลังจากพา เดอะ กันเนอร์ส บุกไปแย่งแต้มจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มิเกล อาร์เตต้า ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า ณ ชั่วโมงนี้ เลเวลของ ปืนใหญ่ กับ เรือใบสีฟ้า แทบอยู่ในระดับเดียวกันไปแล้ว
“มันเป็นเกมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการไล่ล่าอย่างที่คุณสามารถจินตนาการได้ เราได้ยกนะดับไปอีกขั้นในเกมนี้ ผู้เล่น ซิตี้ มีความสามารถในการเปลี่ยนแผนการเล่นในหลายช่วงเวลา พวกเขาแข็งแกร่งมาก แต่ผมคิดว่าผู้เล่น อาร์เซนอล ก็รับมือกับเรื่องเหล่านี้ได้ดีมากเช่นกัน”
“ผมคิดว่าเรามีสถานการณ์ที่ดี มีความดุดันในหลายจังหวะ เรามีการพาบอลไปในจุดที่ยอดเยี่ยม วิธีที่เราสู้แบบตัวต่อตัวและแบบทีมนั้นเป็นปรากฎการณ์ของเรา ผมันเป็นบททดสอบที่ยากลำบากสำหรับเราในวันนี้ เราต้องการจะชนะ แต่เมื่อคุณไม่สามารถชนะได้ คุณก็ต้องไม่แพ้”
ทางฝั่งของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กุนซือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เริ่มออกมาโยนความกดดันให้กับสองคู่แข่งแย่งแชมป์ลีก โดยให้สัมภาษณ์หลังจากทำได้แค่เสมอกับ อาร์เซนอล ว่า
“ผมรู้ว่าทีมของผมเป็นยังไง ผมภูมิใจมาก อาร์เซน่อล ตั้งโซนลึกได้ดีจริงๆ เป็นการยากที่จะผ่านในพื้นที่แคบเข้าไป การบล็อกต่ำนั้นยากจริงๆ ความตั้งใจของเราอยู่ที่นั่น พวกเขาตั้งรับได้ดีมากในแนวรับต่ำโดยมีนักเตะล้อมรอบ ฮาลันด์ มันมีวิธีที่แตกต่างกันออกไป พวกเขาทำได้ดีกับการผ่านบอลและหลังการบล็อก ไม่สำคัญว่าคุณจะตั้งรับด้วยผู้เล่นกี่คน เป้าหมายหลักคือไม่เสียประตู ผมควบคุมแค่ทีมของตัวเองและที่เหลือผมไม่รู้”
“ตอนนี้ ลิเวอร์พูล อันดับที่ 1 พวกเขาอยู่อันดับต้นๆ ของลีก ดังนั้นมันจึงเป็นอย่างนั้น ยังมีอีก 9 เกมที่ต้องไป ดังนั้นเราจะทำ ดูว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วน อาร์เซน่อล คือทีมเต็งอันดับสอง เราเป็นอันดับสาม ใครก็ตามที่อยู่อันดับต้นๆ ก็เป็นทีมเต็ง มันอยู่ในมือของเรา ตอนนี้มันไม่ใช่แล้ว”
มิเกล อาร์เตต้า ผู้เข้ามายกระดับทัพ ปืนใหญ่
จากผลการแข่งขัน 0-0 ส่งผลให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสมอด้วยสกอร์ 0-0 เป็นครั้งแรกในรอบ 75 เกม ส่วน อาร์เซน่อล เสมอแบบไร้สกอร์ เป็นครั้งแรกในรอบ 45 เกม ส่วนครั้งสุดท้ายที่ อาร์เซนอล บุกแบ่งแต้ม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้ถึง เอติฮัต สเตเดี้ยม ต้องย้อนไปถึง 8 ปีที่แล้ว ในยุคที่ อาร์เซน เวนเกอร์ พาทัพ ปืนใหญ่ มาแบ่งแต้ม เรือใบสีฟ้า ของ มานูเอล เปเยกรินี่ ในปี 2016
เท่านั้นยังไม่พอเมื่อ อาร์เซนอล ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตต้า ยังเป็นทีมเดียวในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ ที่ยังไม่เคยเสียน้ำตาจากการเสียประตูในช่วงนาทีบาป หรือว่าช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งหลังเลยแม้แต่ประตูเดียว ถึงตอนนี้เข้าสู่ช่วง 9 เกมสุดท้ายของฤดูกาล โดยมี 3 ทีมที่ยังคงขับเคี่ยวแย่งแชมป์กันอย่างถึงพริกถึงขิง ซึ่งแต่ละทีมก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป
สรุปสถานการณ์ลุ้นแชมป์ หลังผ่าน 29 เกมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สถานการณ์ ณ เวลานี้ ลิเวอร์พูล กลับมากุมความได้เปรียบอีกครั้ง โดยโปรแกรม 9 เกมที่เหลือของ ลิเวอร์พูล พวกเขาจะได้เล่นใน แอนฟิลด์ 4 เกมและต้องออกไปเยือน 5 เกม และยังต้องเจอกับทีมที่ลุ้นไปเล่นฟุตบอลยุโรปในฤดูกาลหน้าด้วย ซึ่งโปรแกรมนัดต่อไปของ ลิเวอร์พูล ถือว่าสำคัญมากๆ
เพราะพวกเขาจะต้องบุกไปเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกครั้ง หลังจากโดนเขี่ยตกรอบในศึกแดงเดือดเวอร์ชั่น เอฟเอ คัพ ไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน ส่วนที่เหลือที่น่าสนใจก็จะมีเกมที่ต้องดวลกับกลุ่มทีมลุ้นพื้นยุโรป ทั้งการ เปิดบ้านเจอ สเปอร์ส และบุกไปเยือน แอสตัน วิลลา ขณะที่โปรแกรมฟุตบอลยุโรป ทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ จะเจอกับ อตาลันต้า ในรายการ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก รอบ 8 ทีมสุดท้าย
ขณะที่ ปืนใหญ่ ที่ได้แต้มอันล้ำค่าจาก เอติฮัต สเตเดียม แถมยังกลายเป็นทีมที่มีลูกได้-เสียดีที่สุด ยิงประตูมากที่สุดถึง 70 ประตู และเสียประตูน้อยสุดที่เพียง 24 ประตูเท่านั้น ขณะที่อีกหนึ่งตัวแปรแรกคือโปรแกรมในช่วงโค้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ อาร์เซน่อล มีโปรแกรมหนักรออยู่อีกหลายเกม ทั้งการเปิดบ้านรับมือ แอสตัน วิลล่า รวมไปถึงบุกไปเยือนทีมคู่อริอย่าง ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ นอกจากนี้ยังมีเกมนัดตกค้างที่จะต้องบุกไปทำศึก ลอนดอน ดาร์บี้ กับ เชลซี ด้วย ส่วนอีกหนึ่งตัวแปรสำคัญของ ปืนใหญ่
นั่นก็คือการลุยศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก ที่พวกเขามีโปรแกรมนัดสำคัญกับทีมที่พวกเขาแพ้ทางมาก่อนหน้านี้อย่าง บาเยิร์น มิวนิค ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย
สำหรับอันดับ 3 ที่พร้อมจะโผล่มาครองจ่าฝูงได้ทุกเมื่ออย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ที่น่าจะมีแปรสำคัญคล้ายๆกับ ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อล เพราะนอกจากที่พวกเขาจะต้องเจอกับ 2 ทีมที่กำลังขับเคี่ยวแย่งชิงพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลหน้า ทั้งการเปิดรัง เอติฮัต สเตเดียม รับการมาเยือนของ แอสตัน วิลล่า รวมไปถึงเกมที่ต้องออกไปเยือน สเปอร์ส
ขณะที่สถานการณ์ในฟุตบอลยุโรป ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก จะต้องเจอศึกหนักด้วยการปะทะกับ เรอัล มาดริด ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ดังนั้นเทียบกันแล้ว ยังไม่มีทีมใดที่ได้เปรียบมากนักในช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค