เรียกได้ว่าเป็นข่าวใหญ่ของวงการฟุตบอลในรอบสัปดาห์เลยทีเดียว จากการที่พลพรรค ห้างขายยา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น การันตีการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา อย่างเป็นการเรียบร้อยแล้ว หลังเปิดบ้านถล่ม แวร์เดอร์ เบรเมน 5-0 เมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา
โดยการคว้าแชมป์ของ เลเวอร์คูเซ่น นับเป็นสมัยแรกในประวัติศาสตร์ 120 ปี นับตั้งแต่ก่อตั้งสโมสร แถมพวกเขายังอยู่ในเส้นทางลุ้นแชมป์ไร้พ่าย หลังจากไม่แพ้ใครติดต่อกันมาแล้ว 43 เกมรวมทุกรายการ
ก่อนหน้านี้ผลงานที่ดีที่สุดของ เลเวอร์คูเซ่น คือการคว้ารองแชมป์บุนเดสลีกา 5 สมัยประกอบไปด้วยฤดูกาล 1996–97, 1998–99, 1999–2000, 2001–02 และ 2010–11
จนในที่สุดทัพ ห้างขายยา ในยุคของ ชาบี อลอนโซ่ ก็ล้างอาถรรพ์คว้าแชมป์บุนเดสลีกา ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร พร้อมกับหยุดสถิติคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ติดต่อกันของ บาเยิร์น มิวนิค ไว้ที่ 11 สมัย
ความสำเร็จของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทำให้แฟนๆ ห้างขายยา ต่างชื่นชมกับความสำเร็จที่เกิดขึ้นอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะตัวกุนซืออย่าง ชาบี อลอนโซ่ จนถึงขนาดที่ เหล่าบรรดาแฟนบอลพากันตัดสินใจเปลี่ยนชื่อถนนที่มุ่งหน้าสู่สนาม ไบ อารีน่า เป็นถนน ชาบี อลอนโซ่ กันเลยทีเดียว โดยใช้ชื่อถนนว่า “Xabi-AlonsoAllee”
ไทม์ไลน์ อลอนโซ่ เดอะ คิง คนใหม่แห่งถิ่น ไบ อารีน่า
ชาบี อลอนโซ่ เข้ามาคุม เลเวอร์คูเซ่น เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ปี 2022 หลังจาก เคราร์โด้ เซโอเน่ กุนซือคนก่อนชาวสวิส แยกทางกับทีม โดยตอนที่ อลอนโซ่ เข้ามารับตำแหน่ง พลพรรค ห้างขายยา รั้งอันดับที่ 17 ของตารางคะแนน
ก่อนที่ อลอนโซ่ จะประเดิมการคุม เลเวอร์คูเซ่น ได้น่าประทับใจด้วยการพาทีมเปิดบ้านทุบ ชาลเก้ 04 ไปด้วยสกอร์ 4-0 แต่เกมลีก 3 นัดต่อมา เลเวอร์คูเซ่น หาชัยชนะไม่เจอเลย อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นทีมของ อลอนโซ่ ก็กลับเข้าสู่ฟอร์มเก่ง เก็บชัยชนะในลีกได้ 5 เกมติดต่อกัน
ฤดูกาลแรกของ อลอนโซ่ พาทัพ ห้างขายยา จบอันดับ 6 พร้อมกับคว้าโควตาไปเล่นฟุตบอลยุโรปรายการ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก และเมื่อเข้าสู่ฤดูกาล 2023-24 อลอนโซ่ ก็ยกระดับของ เลเวอร์คูเซ่น ได้อย่างน่าสนใจ การันตีการคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ในขณะที่เหลืออีกถึง 5 เกมของฤดูกาล แถมยังสะกดคำว่าแพ้ไม่เป็นแม้แต่เกมเดียวในซีซั่นนี้ โดยหนสุดท้ายที่ เลเวอร์คูเซ่น เดินออกจากสนามในฐานะผู้แพ้คือการบุกไปแพ้ โบคุ่ม 0-3 ในนัดปิดท้ายฤดูกาล 2022-23
อลอนโซ่ เคยยอมรับว่าคนที่มีอิทธิพลต่อการเป็นกุนซือของตัวเอง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ ราฟา เบนิเตซ ซึ่งทั้ง 2 ก็ล้วนเป็นกุนซือที่มีสไตล์การเล่นที่ชัดเจน และ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ก็เป็นเช่นนั้น เป็นทีมที่มีสไตล์บอลชัดเจนมากขึ้น นับตั้งแต่ที่ ชาบี อลอนโซ่ เข้ามาคุมทีม
ฟุตบอลทีมเวิร์ค ลายเซ็น อลอนโซ่
จากผลงานไร้พ่ายของ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น สะท้อนให้เห็นถึงความชัวร์ในแนวรับของทัพ ห้างขายยยา ที่เสียไปเพียง 19 ประตู จาก 29 เกมของศึกบุนเดสลีกา และหากนับรวมทุกรายการพวกเขาเสียไปเพียง 31 ประตูเท่านั้นในฤดูกาลนี้ โดยหัวใจสำคัญก็น่าจะเป็นระบบเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ 3 คน
นอกจากเหล่าปราการหลังร่างยักษ์ที่เป็นตัวยืนพื้นอย่าง โจนาธาน ทาห์ รวมถึง เอ็ดมอน แท็บโซบา แล้ว พวกเขายังมียังมี โจซิป สตานิซิช กองหลังชาวโครแอตของ ห้างขายยา ที่กลายเป็นคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์ ที่คว้าแชมป์บุนเดสลีกา 2 ปีซ้อนกับ 2 สโมสร หลังจากที่ซีซั่นที่แล้วคว้าแชมป์กับ บาเยิร์น มิวนิค ก่อนจะหอบถาดแชมป์บุนเดสลีกามาให้ เลเวอร์คูเซ่น ในปีนี้
โดยนักเตะคนแรกที่ทำได้คือ เอากุสต์ ชตาเร็ค กองกลางชาวออสเตรียนที่ได้แชมป์ปี 1968 กับ เนิร์นแบร์ก และอีกปีกับบาเยิร์น มิวนิค
ขณะเดียวกันอีกหนึ่งอาวุธลับภายใต้ความสำเร็จของ อลอนโซ่ ก็น่าจะเป็นวิงแบ็คจอมถล่มประตูทั้งซ้ายและขวา ไม่ว่าจะเป็น เฌเรมี ฟริมปง ดาวเตะเลือดดัตช์ที่ครองสัมปทานทางฝั่งขวา และทำผลงานยอดเยี่ยมสุดๆด้วยการทำไปแล้ว 12 ประตูกับอีก 11 แอสซิสต์จากการลงสนาม 38 เกมรวมทุกรายการ
ส่วนฝั่งซ้ายก็ร้ายกาจไม่แพ้กัน นั่นก็คือ อเล็กซ์ กริมัลโด วิงแบ็คซ้ายชาวสเปนที่จัดไป 11 ประตูและ 16 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 42 เกมรวมทุกรายการ ซึ่งเมื่อเหล่าบรรดาแนวรุกผลิตสกอร์ไม่ได้ วิงแบ็คทั้งคู่ของ ห้างขายยา ก็จะรับหน้าที่ดังกล่าวแทน
แดนกลางในทีมของ ชาบี อลอนโซ่ เพิ่มความดุดันขึ้นมาทันตาเห็น เมื่อได้พลังงานของ กรานิต ชาก้า เข้ามาเป็นผู้นำแดนกลาง และตอนนี้ฝันของ ชาก้า ก็เป็นจริงแล้วจากการคว้าแชมป์ลีกได้เป็นครั้งแรกในชีวิตการค้าแข้ง
นอกจากนี้ยังมี โรเบิร์ต อันดริช และ ฟลอเรียน เวียร์ทซ์ ,อาเซเกล ปาลาซิออส และ นาธาน เธลลา เป็นสนับสนุนชั้นดี โดยทั้งหมดที่กล่าวมานี้ สามารถยิงประตูในลีกได้ครบทุกคน ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็น เลเวอร์คูเซน เล่นด้วยความสมดุลเอามากในมือของ อลอนโซ่
หันมามองแนวรุกของ เลเวอร์คูเซ่น กันบ้าง ซึ่งการเข้ามาของ วิคเตอร์ โบนิเฟเซ โอโค กองหน้าวัย 23 สัญชาติไนจีเรีย ที่ย้ายมาจาก อูนิยง แซงต์-ชิลลัวส์ ในเบลเยียม ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญของทัพ ห้างขายยา เนื่องจากกองหน้าความเร็วสูงรายนี้ ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการกระหน่ำไปถึง 18 ประตู 10 แอสซิสต์ จากการลงสนาม 27 เกมรวมทุกรายการ กับขวบปีแรกในลีกแดนไส้กรอก
โดยนอกจาก โบนิเฟเซ แล้ว เลเวอร์คูเซ่น ก็ยังมีกองหน้าอย่าง ปาทริค ชีค ที่ยิงไปแล้ว 11 ประตู 3 แอสซิสต์ รวมทุกรายการในซีซั่นนี้ โดยจากสถิติการยิงประตูจะเห็นได้ว่าระบบของ อลอนโซ่ ไม่ได้เน้นการใช้หัวหอกไว้เพื่อจบสกอร์เป็นจ็อบหลัก แต่พวกเขาเลือกที่จะใช้กองหน้าคู่ และระบบกองหลัง 3 ตัวเป็นหลัก โดยความอันตรายที่มองได้ด้วยตาเปล่าของพวกเขาก็คือพื้นที่ริมเส้น
และการพุ่งเข้ากรอบเขตโทษของผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ โดยเฉพาะการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวของ ฟลอเรียน เวิร์ตซ มิดฟิลด์วันเดอร์คิดเนื้อหอมวัย 20 ปีที่ยิงไป 17 ประตู 18 แอสซิสต์ ในตำแหน่งมิดฟิลด์
อลอนโซ่ มาปีเดียวเสียวทั้งบุนเดสฯ
จากการการันตีแชมป์ครั้งนี้ เลเวอร์คูเซ่น จารึกสถิติใหม่ขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะเป็นการไม่แพ้ใคร 29 เกมแรกของซีซั่น ทำลายสถิติเดิมของ บาเยิร์น ที่ทำไว้ 28 นัด ในซีซั่น 2013-14 นอกจากนี้ในอดีตที่ผ่านมาศึกบุนเดสลีกาไม่เคยมีแชมป์ไร้พ่ายมาก่อน จะมีก็แค่ บาเยิร์น มิวนิค ที่พ่ายแพ้น้อยที่สุดต่อฤดูกาลด้วยจำนวน 1 เกม เป็นจำนวน 2 ฤดูกาล ซึ่งที่น่าสนใจก็คือ 2 ซีซั่นที่ เสือใต้ แพ้อย่างละนัด ทีมที่ทำลายความฝันแชมป์ไร้พ่ายของ บาเยิร์น ก็คือแชมป์ฤดูกาลล่าสุดอย่าง ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น
หลังจากพา ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น คว้าแชมป์ลีกเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร และนับเป็นทีมที่ 13 ที่ได้สัมผัสกับถาดแชมป์ บุนเดสลีกา ชาบี อลอนโซ่ เปิดใจถึงความสำเร็จอันคาดไม่ถึงของตัวเองว่า
“นี่เป็นช่วงเวลาที่สุดแสนพิเศษมากๆ สำหรับสโมสรแห่งนี้ การคว้าแชมป์บุนเดสลีกาสมัยแรกในหน้าประวัติศาสตร์ 120 ปีของสโมสรคุณต้องมีความสุขกับสิ่งนี้ มันเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุด นักตะทุกคนยอดเยี่ยมมากๆ ผมภูมิใจกับทุกๆคน แน่นอนว่าคุณต้องอยากเฉลิมฉลองร่วมกับแฟนบอล และครอบครัวของคุณ มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสทำงานให้กับสโมสรแห่งนี้”
สำหรับ เลเวอร์คูเซ่น ยังมีโปรแกรมลุ้นทริปเปิ้ลแชมป์ นอกจากถ้วยบุนเดสลีกา ที่ได้ไปแล้ว พวกเขายังเหลือการลุ้นแชมป์ในรายการ เดเอฟเบ โพคาล ที่ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ ไกเซอร์สเลาเทิร์น ในวันที่ 26 พฤษภาคมนี้ ส่วนในรายการ ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก พวกเขาก็กุมความได้เปรียบในรอบ 8 ทีมสุดท้ายเกมแรก หลังจากบุกไปพิชิตถึงอังกฤษ 2-0
5 เกมสุดท้าย ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์แชมป์ไร้พ่าย
โดยเวลานี้ เลเวอร์คูเซ่น โกยแต้มไปแล้ว 79 แต้ม นำหน้า บาเยิร์น มิวนิค อันดับ 2 อยู่ 16 แต้ม และเหลือโปรแกรมเตะเพียง 5 นัด ซึ่งโปรแกรม 5 เกมที่ของ ห้างขายยา ประกอบไปด้วยการบุกไปเยือน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เปิดรับมือ สตุ๊ตการ์ท บุกไปเยือน แฟร้งเฟิร์ต และ โบคุ่ม ก่อนจะมาเล่นนัดส่งท้ายฤดูกาลด้วยการเปิดรัง ไบ อารีน่า รับการมาเยือนของ เอาก์บวร์ก ในวันที่ 18 พฤษภาคมนี้
ดังนั้นเมื่อมองจากโปรแกรมการแข่งขันที่เหลืออยู่แล้ว มีโอกาสไม่น้อยที่ ชาบี อลอนโซ่ จะสร้างอีกหนึ่งตำนานด้วยการกลายเป็นกุนซือแรก ที่พาทีมคว้าแชมป์บุนเดสลีกา ได้ในเวอร์ชั่นไร้พ่าย ขณะเดียวกันหากกุนซือมาดเท่สามารถพาทีม ชนะ หรือ เสมอ ได้ในเกมนัดต่อไป เลเวอร์คูเซ่น ก็จะขึ้นแท่นเป็นทีมที่ครองสถิติไร้พ่ายยาวนานที่สุดในฤดูกาลเดียว ในศตวรรษที่ 21 แทนที่ ยูเวนตุส เจ้าของสถิติเดิมจากอิตาลีทันที โดยทัพ ม้าลาย ทำสถิติไม่แพ้ใครติดต่อกันยาวนานที่สุดด้วยจำนวน 43 เกมรวมทุกรายการ ในช่วงระหว่างปี 2011-12
อย่างไรก็ตาม บาเยิร์น มิวนิค ยังคงเป็นสโมสรจากเยอรมันทีมล่าสุดที่เคยครองสถิติไร้พ่ายยาวนานสุด 32 เกม รวมทุกรายการ ในช่วงระหว่างปี 2019-20 ในยุคกุนซือ ฮันส์ซี ฟลิค และถ้าหากนับเฉพาะในบุนเดสลีกา บาเยิร์น ก็ยังครองสถิติไร้พ่ายสูงสุด 53 นัด ในช่วงระหว่างปี 2012-14 ส่วนอันดับ 2 คือ ฮัมบูร์ก ที่ครองสถิติไร้พ่าย 36 เกม ช่วงปี 1982-83 ตามด้วยอันดับ 3 โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ที่ทำไว้ 31 นัด ในช่วงระหว่างปี 2011-12
เบื้องหลังความสำเร็จ ทีมงานสต๊าฟฟ์ทัพ ห้างขายยา
สำหรับเบื้องหลังความสำเร็จของ ชาบี อลอนโซ่ ที่เจ้าตัวออกมายกเครดิตให้ทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชทุกคน ไล่ตั้งแต่ทีมแพทย์ ตลอดจนกุนซือคนก่อนๆ ที่ช่วยกันสร้างทีมขึ้นมาและทำงานกันอย่างหนัก จนประสบความสำเร็จร่วมกันกับฤดูกาลประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยผู้ช่วยที่รับบทมือซ้ายและมือขวาของ อลอนโซ ถือว่ามีโปรไฟล์ที่น่าสนใจ เพราะว่าเคยผ่านงานกับทั้ง เรอัล มาดริด รวมไปถึง บาร์เซโลน่า 2 ทีมยักษ์ใหญ่แห่งเวทีลา ลีกา สเปน มาแล้ว
เซบาสเตียน ปราริลล่า มือขวาชาวอาร์เจนไตน์วัย 46 ปี ที่ร่วมหัวจมท้ายกับ อลอนโซ่ มาตั้งแต่สมัยที่คุมทีม เรอัล มาดริด กาสตินญ่า รวมไปถึงช่วงที่ อลอนโซ่ คุมทัพ เรอัล โซเซียดาด ซึ่งเป็นสโมสรแรกในการคุมทีมของก อลอนโซ่ ด้วย ซึ่งทั้ง อลอนโซ่ และ ปาริลล่า พากันมารับงานที่เยอรมัน พร้อมกับ อัลเบอร์โต้ เอ็นซินาส ผู้ช่วยชาวสเปนวัย 42 ปี ที่เคยผ่านประสบการณ์เป็นผู้ช่วยโค้ชกับ บาร์เซโลน่า U19 และ บาร์เซโลน่า เบ มาแล้ว
ในขณะที่อีกหนึ่งบุคคลเบื้องหลังที่น่าสนใจและสำคัญไม่แพ้สต๊าฟฟ์รายอื่นๆนั่นก็คือ มาร์เซล ดอม ลูกชายของ คริสตอฟ เดาม์ อดีตตำนานแข้งทีมชาติเยอรมัน ที่เป็นหนึ่งในผู้ช่วยของ อลอนโซ่ ในบทบาทของนักวิเคราะห์เกมให้กับทัพ ห้างขายยา
บอลจากอังกฤษ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค
