เรียกได้ว่าครบทุกรสชาติจริงๆ สำหรับศึกแดงเดือด หนล่าสุดในเวอร์ชั่น เอฟเอ คัพ ที่ทัพ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยสกอร์มโหฬารถึง 4-3
ศึกแดงเดือดอันสุดระทึกในรอบหลายปี
เรียกได้ว่าครบทุกรสชาติจริงๆ สำหรับศึกแดงเดือด หนล่าสุดในเวอร์ชั่น เอฟเอ คัพ ที่ทัพ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ ลิเวอร์พูล ในช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยสกอร์มโหฬารถึง 4-3 ซึ่งเกมนี้มีหลายเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึง
แถมยังทำให้สถานการณ์และอุณหภูมิเก้าอี้กุนซือของ เอริค เทน ฮาก เย็นลงด้วย และหากในฤดูกาลนี้ ปีศาจแดง มีแชมป์ติดมือและทำให้ เทน ฮาก ได้อยู่ในตำแหน่งต่อไป เกมแดงเดือด ในศึก เอฟเอ คัพ เกมนี้จะถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของ เทน ฮาก เกี่ยวกับอนาคตของเขาเอง
ก่อนเกมความกดดันถูกโยนเข้าหาฝั่งของ ยูไนเต็ด เนื่องจากถ้วย เอฟเอ คัพ เป็นเพียงถ้วยเดียวที่พวกเขาเหลือลุ้นอยู่ในฤดูกาลนี้ ซึ่งหากว่าพลาดท่าแพ้ตกรอบ ก็จะทำให้พวกเขาจบฤดูกาลแบบมือเปล่าอย่างเป็นทางการทันที แถมด้วยฟอร์มของ ลิเวอร์พูล ณ ปัจจุบัน ถือว่าข่ม แมนฯ ยูไนเต็ด อยู่พอสมควร จากการมีลุ้นกวาด 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาต้องการเหมาหมดทุกรายการ เพื่อส่งท้ายให้กับการคุมทีมฤดูกาลสุดท้ายของ เจอร์เก้น คล็อปป์
เอริค เทน ฮาก จัดผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จะดีได้ลงสนาม โดยข่าวดีคือได้ ราสมุส ฮอยลุนด์ กลับมาประจำการในตำแหน่งศูนย์หน้าตัวเป้า และได้ อารอน วานบิสซาก้า กลับมาประจำการในตำแหน่งฟูลแบ็ค โดยเกมนี้รับหน้าที่เป็นแบ็คซ้าย ลงมาปิดเกมริมเส้นของ โม ซาลาห์ เป็นหลัก
ข่าวดีเพิ่มเติมคือการได้ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ รวมถึง เมสัน เมาท์ หายเจ็บกลับมามีชื่อเป็นตัวสำรอง ซึ่ง ถือว่าขุมกำลังดูมีความพร้อมมากขึ้นกว่าหลายเกมก่อนหน้านี้ ขาดก็เพียงแต่ คาเซมิโร่ ที่ได้รับบาดเจ็บจนถอนตัวจากทีมชาติบราซิล และ จอนนี่ อีแวนส์ ที่ได้รับบาดเจ็บจากตอนซ้อมเช่นกัน
ลับลวงพราง เทน ฮาก ปล่อยแผนลับดับ หงส์แดง
และอย่างที่ทราบกันว่าตลอด 90 นาที ทั้งคู่ใส่กันแบบเมามันแล้วเสมอกันไป 2-2 ก่อนที่จุดไคลแม็กซ์ในช่วงต่อเวลาพิเศษจะมาถึง เมื่อ เทน ฮาก ตัดสินใจทุ่มหมดหน้าตัก แก้เกมแบบไม่มีอะไรจะเสีย ส่ง เมสัน เมาท์ ลงมาแทน วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ในช่วงครึ่งหลังของการต่อเวลา พร้อมกับปรับทัพ ด้วยแผนการเล่นสุดแยบยล ในขณะที่สกอร์กำลังตามหลัง หงส์แดง 2-3
โดยในช่วงท้ายเราได้เห็นแท็คติกของ เทน ฮาก ที่ ปรับเอา อันโตนี่ มายืนแบ็คซ้าย และถอยเอา บรูโน่ แฟร์นานเดส มายืนเป็นเซ็นเตอร์ คู่กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ แต่เมื่อเป็นฝ่ายรุก ก็จะดัน แม็กไกวร์ ก็จะขึ้นไปเป็นกองหน้าอีกหนึ่งคน ทำให้แนวรับจะเหลือแค่ ดาโลต์ กับ บรูโน่ เพียงแค่ 2 คนเท่านั้น
การปรับทัพแดรกลางของ เทน ฮาก จะมี คริสเตียน เอริคเซ่น , เมสัน เมาท์ คอยปักหลักอยู่แดนกลาง ส่วนผู้เล่นคนอื่นๆ ก็จะเทขึ้นไปอยู่ในกรอบเขตโทษลุ้นทำประตูกันหมด จนท้ายที่สุดพวกเขาก็โหมบุกหนักจนมาได้ประตูตามตีเสมอจาก มาร์คัส แรชฟอร์ด ทำให้ ลิเวอร์พูล ต้องเปิดเกมบุกเข้าใส่อีกครั้ง
เลยเป็นที่มาของประตูชัยที่มาจากจังหวะสวนกลับและกลายเป็น อาหมัด ดิยัลโล ที่รับบทซูเปอร์ซับด้วยการซัดประตูชัยในช่วงท้ายเกม พา ปีศาจแดง พลิกนรกเอาชนะ ลิเวอร์พูล ไปแบบสุดมัน
ต้องยอมรับว่า อาหมัด ดิยัลโล่ ถือเป็นอีกหนึ่งคนที่ลงมาแล้วช่วยทีมได้ค่อนข้างเยอะ ทั้งเกมรุก และเกมรับ โดยฉพาะช็อตที่ไปฉกบอลจากเท้าของ ดาร์วิน นูนเญซ ก่อนที่จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ทีมได้ประตูตีเสมอ 3-3 รวมถึงจังหวะที่หลุดไปสังหารประตูชัย ก็มาจากความเฉียบคมของเจ้าตัว ที่ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือ
น่าคิดว่า หลังจากนี้เจ้าตัวจะได้รับโอกาสกับทีมมากขึ้นหรือไม่ กับการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการอย่างยิ่งใหญ่ต่อหน้าแฟนบอลในโรงละครแห่งความฝัน ในฐานะคนยิงประตูชัยใส่ ลิเวอร์พูล ในศึกแดงเดือดที่จะอยู่ในความทรงจำของแฟนบอล ปีศาจแดง ไปอีกนานอย่างแน่นอน
“พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าที่จะชนะเกมนี้” เอริค เทน ฮาก
หลังจบเกม แดงเดือด เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา เอริค เทน ฮาก ให้สัมภาษณ์ชื่นชมผลงานและหัวจิตหัวใจของลูกทีมว่า “ผมคิดว่า 35 นาทีแรก เป็นช่วงเวลาที่เราทำได้ดีที่สุดในฤดูกาลนี้ เรามาดีจริงๆ เราเล่นเป็นทีม แต่หลังจากนั้นก็มีช่องว่างระหว่างไลน์ จากนั้นพวกเขาก็จัดการคุณ แต่หลังจากช่วงพักครึ่ง เราต้องมีการเปลี่ยนแปลง เราต้องกล้าเสี่ยงมากกว่าเดิม และนักเตะของเราก็ยอดเยี่ยมมากทั้ง จิตใจ และ ทัศนคติ”
“พวกเขามีความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าที่จะชนะเกมนี้ เราทำเต็มที่ และเราก็ทำได้ ผมบอกมาหลายสัปดาห์แล้วว่าเรามีทีมสำหรับอนาคตที่ดีมาก ผู้เล่นที่กำลังก้าวหน้าไปมากอย่าง ดาโลต์, ค็อบบี้, การ์นาโช่ พวกเขาต่างยอดเยี่ยมกันมากๆ ผมแฮปปี้มาก ทั้งๆที่เรามีอาการบาดเจ็บ เราเจอกับปัญหามาโดยตลอด เมื่อวานเราเสียจอนนี่ อีแวนส์ ไปในนาทีสุดท้ายของการซ้อม และเราต้องปรับตัว ส่วน อาหมัด เขาไม่ได้ซ้อมมาหลายสัปดาห์ก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้เขาพร้อมแล้ว และผมคิดว่าเขาเล่นได้เยี่ยมมากๆ”
ดิยัลโล เซฟสถิติ 103 ปี ไร้พ่าย หงส์แดง ในบ้านรายการ เอฟเอ คัพ
ซึ่งจากประตูชัยของ อาหมัด ดิยัลโล ที่ยิงใส่ ลิเวอร์พูล ทำให้พลพรรค ปีศาจแดง ยังคงสถิติ เนเวอร์ดาย ไร้พ่ายมาแล้วถึง 103 ปีในรายการ เอฟเอ ยามเจอกับ หงส์แดง ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยครั้งสุดท้ายที่ทีมจากเมอร์ซีไซด์บุกมายัดเยียดความปราชัยให้ ยูไนเต็ด ในรายการ เอฟเอ คัพ ต้องย้อนกลับไปเมื่อปี 1921 เลยทีเดียว
อาหมัด ดิยัลโล่ ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อหลังคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ว่า
“นี่คือประตูที่ดีที่สุดในอาชีพของผม ผมไม่เคยเชื่อเลยนะว่ามันจะเกิดขึ้นได้ แต่วันนี้ผมเชื่อแล้ว การมาอยู่ที่นี่มันเหมือนกับการได้โลดแล่นท่ามกลางความฝันในทุกๆโมเมนต์จริงๆ มันไม่ง่ายเลยในระหว่างการถือศีลอดอยู่ แต่คุณจะต้องเชื่อมั่นในตัวเอง ผมถือศีลอดเพื่อพระเจ้า”
“ผมสู้เพื่อทีมในยามที่ได้โอกาสลงสนาม เพราะงั้นขอบคุณพระเจ้าสำหรับช่วงเวลานี้ เราคู่ควรกับชัยชนะในวันนี้ หนึ่งในเกมที่ดีที่สุดของซีซั่น และผมก็ลืมไปว่าโดนใบเหลืองไปแล้ว”
“ยูไนเต็ด เต็มไปด้วยคุณภาพ กล้าเสี่ยง” เจอร์เกน คล็อปป์
ทางฝั่งของ ลิเวอร์พูล ที่มีโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าในการยิงฝังเจ้าบ้าน อย่างไรก็ตาม “ฟุตบอลมันก็เป็นแบบนี้” เมื่อพวกเขาเขวี้ยงโอกาศทั้งหมดทิ้งไปสุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับคู่อริตลอดกาลอย่างน่าเจ็บใจแถมยังเป็นการยุติโครงการล่า 4 แชมป์ในฤดูกาลนี้ด้วย
หลังจบเกมที่ โอลด์ แทร็ฟอร์ด เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือของ หงส์แดง ก็ยอมรับว่าลูกทีมไม่เฉียบขาดและไม่ดีพอ หลังจากยุติโครงการเหมา 4 แชมป์ในซีซั่นนี้ว่า
“เราเล่นได้อย่างสุดยอด ตอนที่สกอร์นำ 2-1 เรามีโอกาสมากมายซึ่งเราต้องปิดเกมให้เด็ดขาด และที่เหลือก็คือประวัติศาสตร์ เราเกือบได้เข้ารอบในเวลาปกติ และเกือบที่จะเข้ารอบอีกครั้งในช่วงต่อเวลาพิเศษ สุดท้ายเราแพ้ในเกมนี้ ขอแสดงความยินดีกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศ”
“มันเป็นงานที่ยากมาก เพราะ ยูไนเต็ด เต็มไปด้วยคุณภาพ กล้าเสี่ยง ต้องให้ความเคารพในเรื่องนี้ มีหลายครั้งที่เราได้ดวลกันแนวรับแบบตัวต่อตัว เราน่าจะทำได้ดีกว่านี้ แต่นั่นคือปัญหา”
“ยิ่งเกมต้องเล่นนานเท่าไหร่ การตัดสินใจก็อาจจะไม่ค่อยดี นี่คือสิ่งที่ผมอยากพูด ที่สำคัญพวกเขากล้าเสี่ยง ส่วนเราไม่ได้ใช้โอกาสที่มีจัดการพวกเขา”
โม ซาลาห์ ราชาแห่งยิง ปีศาจแดง
และแม้ว่าจะต้องยุติเส้นทางในรายการ เอฟเอ คัพ ไว้เพียงแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่สำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ กองหน้าซูเปอร์สตาร์ของ ลิเวอร์พูล ก็สร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยมีนักเตะคนไหนเคยทำได้มาก่อน นั่นคือการยิงประตูใส่ ยูไนเต็ด ไปแล้วถึง 13 ลูกรวมทุกรายการ ที่สำคัญ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่ ซาลาห์ ยิงประตูใส่มากที่สุด นับตั้งแต่ย้ายจาก โรม่า มาเล่นในถิ่น แอนฟิลด์ เมื่อปี 2017
เท่านั้นยังไม่พอเมื่อ ซาลาห์ ยังกลายเป็นนักเตะคนแรกในหน้าประวัติศาสตร์ ที่สามารถยิงใส่ ปีศาจแดง 5 เกมติดต่อกันในการเยือนโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะสร้างสถิติที่น่าเหลือเชื่อ แต่ก็ไม่เพียงพอที่จะช่วยให้ ลิเวอร์พูล สร้างประวัติศาสตร์ลุ้น 4 แชมป์ในซีซั่นนี้
เทียบสถิติการดวลกัน เทน ฮาก เหนือ คล็อปป์
ซึ่งหากย้อนไปดูสถิติการพบกันของ แมนยู และ ลิเวอร์พูล 5 เกมหลังสุด ปรากฏว่า แมน ยูมีสถิติที่เหนือกว่าลิเวอร์พูล โดยเอาชนะ 3 เสมอ 1 แพ้ 1 นอกจากนี้หากย้อนกลับไปดูสถิติในศึก แดงเดือด ในยุคของ เอริค เทน ฮาก ผลปรากฏว่ามีเพียงเกมเดียวเท่านั้นจากทั้งหมด 4 เกม (ไม่รวมอุนเครื่องที่ ราชมังฯ) ที่ทีมของเขาพลาดพลั้งให้กับ ลิเวอร์พูล เพียงแค่เกมเดียว ในเกมที่บุกไปแพ้เละถึง แอนฟิลด์ 0-7 เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
แต่หากมองภาพรวมอีก 3 เกมที่เหลือ เป็นการเปิดบ้านเอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1 ในเดือนสิงหาคมปี 2022 รวมไปถึงเกมที่บุกไปเสมอในถิ่น แอนฟิลด์ แบบไร้สกอร์ ซึ่งเกมนั้น แมนยู สามารถจัดระเบียบเกมรับสู้กับ ลิเวอร์พูล ที่กำลังฟอร์มร้อนแรง
และจบเกมโดยที่ไม่เสียประตูได้อย่างเหลือเชื่อ ก่อนจะมาสร้างปรากฏการณ์คว่ำ ลิเวอร์พูล ในช่วงต่อเวลาพิเศษผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศรายการ เอฟเอ คัพ โดยจะเข้าไปพบกับทีมม้ามืดอย่าง โคเวนทรี ที่เอาชนะ วูล์ฟแฮมป์ตัน มาได้ในช่วงนัดกี่บาป
นับตั้งแต่ที่ เอริค เทน ฮาก เข้ามารับงานในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2022 และจนถึงตอนนี้ คุมทัพ ปีศาจแดง ลงสนาม ไปแล้วทั้งสิ้น 102 เกม ชนะ 62 เสมอ 12 เกมและแพ้ 28 เกม คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ชัยชนะอยู่ที่ 60.78 เปอร์เซนต์ แถมยังคว้าแชมป์คาราบาว คัพ ได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่คุมทีม
ดังนั้นจึงสังเกตุได้ว่าบางทีฟุตบอลของ เทน ฮาก อาจจะเหมาะกับฟุตบอลลักษณะทัวร์นาเมนต์มากกว่าบอลลีกหรือไม่ เพราะด้วยสภาพทีมที่แทบจะคาดเดาสถานการณ์อาการบาดเจ็บของผู้เล่นไม่ได้ จึงทำให้จำเป็นต้องขายผ้าเอาหน้ารอด เอาตัวรอดไปแบบเกมต่อเกม การวางแทคติกก็แบบนับต่อนัด ไม่ต้องมองการณ์ไกลอะไรให้วุ่นวาย ซึ่งหากมาดูสถิติในรายการ เอฟเอ คัพ ของ เทน ฮาก เจ้าตัวคุมทีมไปทั้งสิ้น 10 เกม ชนะถึง 9 เกม
และแพ้เพียงเกมเดียวนั่นก็คือการคว้ารองแชมป์ ด้วยการแพ้ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในรอบชิงชนะที่เลิศที่ เวมบลี่ย์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
ภารกิจสุดท้าย หากทำไม่ได้ เทน ฮาก อาจต้องลา ปีศาจแดง
ตอนนี้แม้ว่า ปีศาจแดง จะรั้งอันดับ 6 ในตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก โดยมีแต้มห่างจากโซนอันดับ 4 พื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก ที่ แอสตัน วิลล่า ยึดครองอยู่ 9 แต้ม อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่า โมเมนตั้ม จะไหลมาเข้าทาง แมนฯยู เพราะว่าโปรแกรมก่อนพักเบรกทีมชาติ สเปอร์ส ก็ดันบุกไปแพ้ ฟูแล่ม 0-3 ทำให้ช่องว่างระหว่าง แมนยู กับ สเปอร์ส ยังคงอยู่ที่ 6 คะแนนเท่าเดิม โดยที่ทั้งคู่มีโปรแกรมตกค้างที่ต้องเตะอีกทีมละ 1 เกมด้วยกัน ดังนั้นโอกาสในการคว้าอันดับของ ปีศาจแดง ยังคงเปิดกว้าง ในช่วงโปรแกรม 10 สุดท้ายของฤดูกาล
สำหรับเกม แดงเดือด นัดต่อไปจะไปล้างตากันใน เวอร์ชั่น พรีเมียร์ลีก ในวันที่ 7 เมษายนนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเกมสำคัญของทั้งคู่ เนื่องด้วยสถานการณ์การขับเคี่ยวลุ้นแชมป์ลีกของ ลิเวอร์พูล ที่มีคะแนนเบียดอยู่กับทั้ง อาร์เซนอล และ แมนฯ ซิตี้
สุดท้ายแล้วสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ฤดูกาลนี้ สำหรับพวกเขายังไม่จบลงง่ายๆ โดยเหลือเพียง เอฟเอ คัพ เพียงรายการเดียว ที่จะต้องทุ่มสุดตัว ดังนั้นไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ พร้อมกับคว้าตั๋วไปเล่น UCL ในฤดูกาลหน้า คือเป้าหมายที่ เอริค เทน ฮาก จะต้องทำให้ได้จึงจะเป็นการการันตีอนาคตการคุมทีมของตัวเอง
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค