ใกล้เข้ามาแล้วสำหรับศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024-25 ที่กำลังจะเปิดฉากประเดิมเกมแรกในสัปดาห์หน้า โดยเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีเกมการกุศลอย่าง คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ในเวอร์ชั่น แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่ถือเป็นการชิมลางก่อนซีซั่นใหม่จะเริ่มขึ้น ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฐานะแชมป์พรีเมียร์ลีก ต้องดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะแชมป์ เอฟเอ คัพ

ปีศาจแดง แพ้แต่ได้ใจแฟน

โดยผลการแข่งขันอย่างที่หลายคนทราบกันไปแล้วว่าเป็น เรือใบสีฟ้า ที่ได้ครองโล่ห์การกุศลด้วยการชนะจุดโทษ ปีศาจแดง 7-5 หลังจากที่เสมอกันในเวลา 90 นาที 0-0 อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากผลการแข่งขันของทัพ ปีศาจแดง ที่แม้ว่าจะพ่ายแพ่ต่ออริร่วมเมืองอย่าง เรือใบสีฟ้า

แต่ดูเหมือนว่าเหล่าบรรดาสาวก เร้ด เดวิลส์ น่าจะพอใจกับทรงฟุตบอลของ เอริค เทน ฮาก มากขึ้น หลังจากที่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหารที่มีกลุ่มทุน อินิออส เข้ามารับบาทบริหารงานอย่างเต็มตัว

นอกจากนี้ยังมีการเปลี่ยนแปลงในทีมงานสต๊าฟฟ์โค้ชของ ยูไนเต็ด ด้วย โดยเฉพาะการได้ รุด ฟาน นิสเติลรอย เข้ามารับบทผู้ช่วยของกุนซือชาวดัตช์เมื่อช่วงซัมเมอร์สดๆร้อนๆ ที่ผ่านมา

โดยในศึกการกุศล เอริค เทน ฮาก จัดทัพลงสนาม โดยใส่ชื่อของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ปราการหลังที่มีข่าวเรื่องอาการบาดเจ็บออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริง จับคู่กับ จอนนี่ อีแวน์ และให้ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ยืนเป็นแบ็คซ้าย แดนกลางนำโดย คาเซมิโร่ ที่ประสานงานกับ ค็อบบี้ ไมนู โดยมี และ เมสัน เมาท์ พร้อมกับดัน บรูโน่ แฟร์นานเดส รับบท False 9 ขนาบข้างด้วย มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อาหมัด ดิยัลโล่

ขณะที่ โจชัว เซิร์กซี่ นักเตะใหม่เป็นตัวสำรองเช่นเดียวกับ เจดอน ซานโช่ นอกจากนี้  ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าทีมชาติ เดนมาร์ก ที่เดี้ยงในเกมกระชับมิตรอีกรายต้องพักหกสัปดาห์จากปัญหากล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง

บอลเพรสซิ่งเวอร์ชั่นใหม่ของ เทน ฮาก

สำหรับสิ่งที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นก็คือแนวทางและวิธีการเล่นที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะยามไม่มีบอลและเวลาเพรสซิ่งใส่คู่ต่อสู้ ดูมีระบบระเบียบแบบแผนที่ดีขึ้น ดูเร็วเร่งเร้ามากขึ้น สามารถกำหนดทิศทางในการเพรสซิ่งใส่คู่ต่อสู้ได้ สามารถพาให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาอยู่ในอยู่ในการควบคุมของตัวเองในยามที่ไม่มีบอล

แม้ว่าทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะยังไม่ใช่ทีมที่พร้อมร้อยเปอร์เซนต์ในเกมดังกล่าวก็ตาม โดยยังไม่มีทั้ง โรดรี้ ,เควิน เดอ บรอยน์ ,ฟิล โฟเด้น และอีกหลายๆคน แต่โดยรวมก็ถือว่า ปีศาจแดง มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ขณะที่ผู้ที่ทำผลงานโดดเด่นของ ปีศาจแดง ก็คงจะหนีไม่พ้น บรูโน่ แฟร์นานเดส ที่รับบท False 9 เหมือนกับช่วงอุ่นเครื่องที่ใช้งาน เจดอน ซานโช่ นั่นคือวิธีการเริ่มต้นเพรสซิ่งไปพร้อมๆกันทั้งทีม โดยที่ไม่มีใครหลุดระบบระเบียบในการเพรสซิ่งใส่คู่แข่ง

แถมล่าสุดยังมีข่าวดีรับฤดูกาลใหม่ให้แฟนๆได้ปลาบปลื้มนั่นก็คือการขยายสัญญากับ บรูโน่ แฟร์นานเดส ออกไปจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2027 พ่วงออปชั่นในการขยายเพิ่มอีก 1 ปี จนถึงปี 2028 จากเดิมที่สัญญาฉบับปัจจุบันจะหมดลงในปี 2026 โดยที่ค่าเหนื่อยของ บรูโน่ ในสัญญาฉบับใหม่ จะได้รับตัวเลขที่สูงที่สุดในทีม

มาซราวี และ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ ความหวังใหม่แนวรับ

ส่วนเรื่องของเกมรับ อาจมองไม่เห็นอะไรมากนัก เนื่องจากไม่ใช่ชุดตัวจริงเป็นการจัดทีมตามสถานการณ์แก้ขัดก่อนเกมเท่านั้น นอกจากนี้เมื่อคืนที่ผ่านมายังปรากฏชื่อของ มาริโอ เฮอร์โมโซ่ แนวรับฟรีเอเยนต์ ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับ แมนฯ ยูไนเต็ด อีกครั้ง โดยที่ ยูไนเต็ด ไม่ได้ให้ความสนใจเองตั้งแต่แรก

โดย ฟาบริซิโอ โรมาโน่ สายข่าวคนดังเปิดเผยว่า มีการติดต่อพูดคุยกันจริง ขณะที่ตัวนักเตะก็พร้อมที่จะเปิดรับข้อเสนอจากหลายๆสโมสร โดยแหล่งข่าวจากสเปน ระบุเพิ่มเติมว่า หนึ่งในปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของนักเตะนั่นก็คือ โอกาสและเวลาในการลงสนาม ซึ่งนั่นทำให้ดีลนี้อาจไม่เกิดขึ้น เพราะ แมนฯ ยู กำลังจะได้ตัว 2 แนวรับจาก บาเยิร์น มิวนิค ทั้ง นุสแซร์ มาซราวี และ มัทไธจ์ส เดอ ลิกต์ มาร่วมทีม

อีกหนึ่งผู้เล่นที่น่าจะมีฟอร์มการเล่นเข้ากรรมการจากเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ นั่นก็คือ คาเซมิโร่ ที่ดูเหมือนว่าสภาพร่างกายของเขาจะฟิตเปรี๊ยะมากขึ้น รูปร่างดีขึ้น เพรียวขึ้น ดังนั้นเมื่อเข้าสู่ฤดูกาลปกติ ก็อาจจะได้ลุ้นกันยาวๆ แถมยังอาจเป็นซีซั่นสุดท้ายของเจ้าตัวในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แล้วด้วย ดังนั้นมีเท่าไหร่ก็ต้องใส่ออกมาให้หมดสำหรับมิดฟิลด์บราซิเลียนอย่าง คาเซมิโร่

อาหมัด ดิยัลโล่ ได้เวลาปล่อยของ

สำหรับผู้ที่เล่นแนวรุกที่ถือว่าฟอร์มเข้าร่องเข้ารอย และน่าจะยึดตำแหน่งปีกขวาตัวจริงฤดูกาลนี้ก็คือ อาหมัด ดิยัลโล่ ที่เหล่าบรรดาแฟนผีน่าจะเทคะแนนกันเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าตัวคือปีกขวาตัวจริงในฤดูกาลใหม่ จากผลงานช่วงพรี-ซีซั่น ที่อเมริกา ดิยัลโล่ ไม่ใช่ปีกสายที่จะเลี้ยงยิกๆ

แต่เขาจะเลี้ยงในพื้นที่ แล้วก็เลี้ยงในช่วงเวลาที่ใช่ ที่เป็นประโยชน์ ดังนั้นเราจะไม่ได้เห็นการเลี้ยงแบบพน่ำเพรื่อ เลี้ยงแบบจุกจิกจุกจิก เล่นมากจังหวะยามบอลอยู่กลางสนาม หรือบอลอยู่ในพื้นที่ที่เลี้ยงไม่ได้จังหวะเลี้ยงไม่ได้ ดิยัลลโล่ จะไม่เลี้ยง แถมยังมีจังหวะการเชื่อม มีจังหวะการให้บอลเร็วให้เห็นบ่อยๆด้วย

ผลงานของ ดิยัลโล่ ในช่วงปรี-ซีซี่น มันต่างกับที่ อันโตนี่ ทำไว้ในซีซั่นที่แล้วราวฟ้ากับเหว สำหรับ ดิยัลโล่ สังเกตุได้ว่าพอจะเข้ากรอบเขตโทษมักจะจี้เข้าใส่ และจากสถิติบ่งชี้ว่า ดิยัลโล่ มีตัวเลขการเอาชนะตัวต่อตัวที่สูง อาจจะมีเสียบ้าง แต่ก็เสียกันได้เป็นธรรมดา ลองนึกภาพหาก อาหมัด จี้เพื่อเปิดพื้นที่ โดยมี ดาโลต์ คอยโอเวอร์แล็บ ถ้าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมากขึ้น มันจะเป็นมันจะเป็นฤดูกาลที่น่าดูมากสำหรับแฟน ปีศาจแดง

แรชฟอร์ด ต้องปรับตัว ไม่งั้นหลุดสำรอง

สำหรับตัวความหวังอีกหนึ่งคนอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด จากเกมกับ ซิตี้ เจ้าตัวดูมุ่งมั่นมากขึ้น ไม่ซึมเหมือนซีซั่นที่แล้ว เห็นได้ชัดว่า แรชฟอร์ด พยายามปรับปรุงตัว พยายามยกระดับตัวเอง พาตัวเองกลับมาในจุดที่ควรอยู่อีกครั้ง อย่างไรก็ตามหากกาลเวลาผ่านไป แรชฟอร์ด ยังคงยึดวิธีการเล่นแบบเดิม อาจจะเหนื่อยในซีซั่นนี้

เพราะถ้าเกิดว่าเป็น เทน ฮาก เจอสูตรสำเร็จในทำนองที่ว่า อาหมัด ดิยัลโล่ เล่นขวา การ์นาโช่ เล่นซ้าย แรชฟอร์ด อาจถึงขั้นหลุดไปเป็นตัวสำรองเลยทีเดียว ดังนั้น แรชฟอร์ด ต้องยกระดับตัวเองขึ้นมา ต้องเป็นแนวรุกประเภทโป้งปิดบัญชี ยิงแล้วหาย เป็น แรชฟอร์ด ที่ไม่มากจังหวะ ไม่จำเป็นต้องครองบอลไว้ที่ตัวนานๆ ไม่ต้อง 3, 4 ,5 จังหวะเอาแค่ 1, 2 จังหวะ จับแล้วก็จ่ายน่าจะดีกว่า

ขณะที่ ซูเปอร์ซับ อย่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองและสามารถสร้างความแตกต่างได้ แถมยังเกือบเป็นฮีโร่ของทีมด้วยการยิงประตูขึ้นนำ ซิตี้ ซึ่งประตูดังกล่าว ทำให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะอายุน้อยที่สุดที่ยิงได้ในเกม คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ด้วยวัย 20 ปี 40 วันต่อจาก เชส ฟาเบรกาส อดีตแข้งของ อาร์เซน่อล ที่ยิงในเกมการกุศลเมื่อปี 2005 ด้วยวัย 18 ปี 95 วัน

บททดสอบสำคัญเปิดสนามพรีเมียร์ลีก รับมือ ฟูแล่ม

จะว่าไป แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่เป็นรอง แมนฯ ซิตี้ มากนัก แม้ต่างฝ่ายจะยังไม่ใช่ทีมชุดที่ดีที่สุดโดยเฉพาะ เรือใบสีฟ้า โดยเกมในครึ่งแรกจากสถิติเผยว่า ซิตี้ ครองบอลเหนือกว่าเล็กน้อยที่ตัวเลข 55.1% ต่อ 44.9% และมีโอกาสยิงมากกว่า 4 ต่อ 3 ครั้ง

ขณะที่สถิติหลังจบเกม แมนฯ ซิตี้ เหนือกว่าเล็กน้อยเท่านั้นจากการครองบอล 55.9% ต่อ 44.1% และได้ยิงมากกว่า 9 ต่อ 8 ครั้ง แต่เป็นรอง ผีแดง ในการยิงบอลเข้ากรอบ 1 ต่อ 2 ครั้งด้วยกัน

สำหรับโปรแกรมนัดเปิดสนามศึกพรีเมียร์ลีก 2024-25 ของ ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือการเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ เจ้าสัวน้อย ฟูแล่ม คืนวันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม เวลา 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค