เรียกได้ว่าออกทะเลไปไกลเข้าไปทุกทีแล้ว สำหรับผลงานของ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังคงอยู่ในช่วงฟอร์มตก หลังจากที่บุกไปแพ้ ไบร์ทตัน 1-2 ทั้งที่เป็นฝ่ายออกนำไปก่อน ในศึกพรีเมียร์ ลีก เมื่อวันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาโดยดังกล่าวแม้ว่า ซิตี้ จะบุกนำก่อนจากประตูของ เออร์ลิง ฮาลันด์ แต่ครึ่งหลัง ไบรท์ตัน มายิงคืน 2 ประตูจาก 2 ตัวสำรองอย่าง เจา เปโดร และประตูชัยจาก แมตต์ โอไรลีย์
จากการพ่ายแพ้ในเกมล่าสุดส่งผลให้ เรือใบสีฟ้า แพ้เป็นนัดที่ 2 ในลีกฤดูกาลนี้ ยังมีอยู่ 23 แต้ม รั้งเป็นรองจ่าฝูง มีตแม้หลังทีมจ่าฝูงอย่าง หงส์แดง ลิเวอร์พูล อยู่ 5 แต้มหลังผ่าน 11 เกมแรกของฤดูกาล 2023-24 โดยความพ่ายแพ้ดังกล่าว นับเป็นครั้งแรกในชีวิตการเป็นกุนซือที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุมทีมแพ้ 4 เกมติดต่อกัน โดย 4 เกมที่แพ้ประกอบไปด้วย แพ้ ท็อตแนม ฮอทสเปอร์ 1-2 ตกรอบ คาราบาว คัพ ต่อด้วยการแพ้ บอร์นมัธ ด้วยสกอร์เดียวกัน
หลังจากนั้นก็บุกไปแพ้ สปอร์ติ้ง ลิสบอน 1-4 ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ก่อนจะมาแพ้ ไบรท์ตัน ในเกมล่าสุด สำหรับผลงานอันไม่น่าจดจำในชีวิตการคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ช่วงที่หนักหนาสาหัสมากที่สุดก็น่าจะเป็นช่วงที่นั่งเก้าอี้เทรนเนอร์ บาเยิร์น มิวนิค เมื่อ 9 ปีก่อน โดยคุมทีม แพ้ 4 จาก 5 เกมกับทัพ เสือใต้ เมื่อปี 2015 นอกจากนี้ยังนับเป็นผลงานที่แย่ที่สุดของ เรือใบสีฟ้า นับตั้งแต่ปี 2006 ในสมัยที่ สจ๊วร์ต เพียร์ซ คุมทีม
แพ้ 4 เกมติด ครั้งแรกในชีวิตของ เป๊ป
ขณะเดียวกันหลายๆคนยังตั้งข้อสังเกตว่าเป็นเพราะการขาดหายไปของ โรดรี้ มิดฟิลด์ชาวสเปน เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์หนล่าสุด จึงทำให้ ซิตี้ ผลงานไม่เป็นดั่งที่หวังในฤดูกาลนี้ โดยจากสถิติระบุว่าเมื่อใดก็ตามที่ แมน ซิตี้ มี โรดรี้ อยู่ในสนาม พวกเขาไม่เคยพบกับความพ่ายแพ้ในลีกเลยแม้แต่เกมเดียว แต่สำหรับซีซั่นนี้ ซิตี้ ไร้ โรดรี้ มาแล้ว 13 เกม และแพ้ไปแล้วถึง 5 เกมด้วยกัน
หลังจบเกม กวาร์ดิโอล่า ออกมาให้สัมภาษณ์ในเชิงลดกระแส เกี่ยวกับผลงานของทีมที่แพ้มา 4 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการว่า
“ชีวิตคนเราย่อมมีครั้งแรกเสมอ ความพ่ายแพ้เป็นเรื่องปกติ นี่คือความท้าทายของผม ผมชอบความท้าทาย ผมจะไม่ยอมท้อถอย ผมต้องการทำมันมากกว่าที่เคย เมื่อนักเตะของผมกลับมาจากอาการบาดเจ็บ ผมไม่สงสัยเลยว่าเราจะกลับมาฟอร์มดีอีกครั้ง”
“นั่นคือสิ่งที่หลายคนต้องการ แต่เรายังไม่จบแค่นี้ เป็นเรื่องปกติเพราะเราชนะมาเยอะ มันเกิดขึ้นได้ ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ คว้าแชมเปี้ยนส์ลีก และ พรีเมียร์ลีก แต่หลังจากนั้นเจอปัญหาที่ เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ได้รับบาดเจ็บและต้องหล่นไปเล่นยูโรป้า ลีก”
แข้งบัลลงดอร์หายไป สาเหตุ เรือใบ ออกทะเล
โดยช่วงนี้เวลานี้ ต้องยอมรับว่าเป็นช่วงเวลาที่เหล่าบรรดาบิ๊กทีม อยากให้คงอยู่ต่อไปให้นานที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพราะนานๆทีเราจะได้เห็นทัพ เรือใบสีฟ้า ฟอร์มออกทะเลไปไกลขนาดนี้ และหากจะมาวิเคราะห์ถึงปัญหา ว่ามันเกิดอะไรขึ้นในรั้ว เอติฮัต สเตเดียม สิ่งแรกที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนด้วยตาเปล่า และถือเป็นสิ่งที่สะท้อนมาจากบทสัมภาษณ์ของ เป๊ป จากเกมล่าสุด นั่นคือเองปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นเกมหลักภายในทีม
โดยเฉพาะอาการบาดเจ็บบริเวณหัวเข่าของ โรดรี้ กองกลางเจ้าของรางวัลบัลลงดอร์ 2024 ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญของทัพ เรือใบสีฟ้า มาตลอดหลายฤดูกาลที่ผ่านมา โดยการหายไปขอ โรดรี้ ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวง และนับเป็นจัดเริ่มต้นผลงานอันน่าผิดหวังของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล
นอกจาก โรดรี้ แล้ว เควิน เดอ บรอยน์ ถือเป็นอีกหนึ่งแกนหลักที่โดนปัญหาอาการบาดเจ็บเล่นงาน โดยสภาพร่างกายของมิดฟิลด์เบลเยี่ยม ต้องยอมรับว่าไม่เหมือนเดิม และเพิ่งจะลงสนามในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาลนี้ไปเพียง 5 เกมเท่านั้น
ขณะเดียวกันยังมีปัญหาของเหล่าบรรดากองหลังที่สลับกันเจ็บ ไม่ว่าจะเป็น จอห์น สโตนส์, ไคล์ วอล์กเกอร์, นาธาน อาเก รวมถึง มานูเอล อาคันจิ ซึ่งส่งผลโดยตรงกับฟุตบอลบิ้วอัพจากหน้าปากประตู แต่ส่งเอฟเฟคกับผลงานของ เรือใบสีฟ้า อย่างชัดเจน
ซึ่งปัญหาอาการบาดเจ็บของผู้เล่นแกนหลัก มันสะท้อนไปยังการเสริมทัพในช่วงเปิดตลาดซัมเมอร์ที่ผ่านมา ที่มีสื่อหลายๆสำนักมองว่า เรือใบสีฟ้า เดินเกมผิดพลาด ด้วยการเสริมผู้เล่นใหม่เข้ามาสู่ทีมชุดใหญ่เพียง 2 รายคือ ซาวินโญ แนวรุกบราซิเลียนจาก ทรัวส์ ในฝรั่งเศส และ อิลคาย กุนโดกัน ที่ดึงตัวกลับมาจาก บาร์เซโลนา แต่ก็คัมแบ็คกลับในสภาพที่ไม่เหมือนเดิม
ปล่อย อัลวาเรซ ,เป๊ป ปรับแท็คติก
เท่านั้นยังไม่พอเมื่อ ซิตี้ ยังตัดสินใจปล่อยตัวสำรองชั้นดีอย่าง ฆูเลียน อัลวาเรซ ไปให้กับ แอตเลติโก มาดริด และกลายเป็นความเสียหายที่ปรากฏต่อทีมขณะนี้ เนื่องจากเหลือกองหน้าตัวจบสกอร์ที่ึพึ่งพาได้อย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ เพียงคนเดียวเท่านั้น โดยสถิติการทำประตูของ ซิตี้ ในซีซั่นนี้ มีค่าเฉลี่ยลดลงจาก 2.53 ประตูต่อเกมเป็น 2 ประตูต่อเกม
และหากลงลึกมากันที่การวางแท็คติกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ยังคงยึดแผนการเล่น 4-2-3-1 โดยมีอินเวิร์ทฟูลแบ๊กเข้ามาช่วยเสริมเกมรุก ซึ่งมันก็ไม่แปลกที่เริ่มจะถูกจับทางได้ แต่จากอาการบาดเจ็บของแกนหลักในทีม ทำให้ เป๊ป ต้องปรับระบบมาเล่นแบบ 4-1-4-1 แต่ก็ดูเหมือนว่าลูกทีมยังต้องใช้เวลาการปรับจูนอีกสักระยะ
ขณะที่อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ผลงานดร็อปลงไป นั่นก็คือฟอร์มส่วนตัวของผู้เล่นแต่ละคน ที่ถึงตอนนี้ยังไม่มีที่โดดเด่นจนสปอร์ตไลท์ต้องฉายแสง แม้กระทั่งดาวซัลโวจอมถล่มประตูอย่าง เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่มีโอกาสจบสกอร์น้อยลงจาก 38% เป็น 29.8% ต่อเกม นอกจากนี้ยังมีสถิติการทิ้งโอกาสทองในการยิงประตูมากที่สุดของพรีเมียร์ลีก เวลานี้ด้วย
ส่วน ฟิล โฟเดน ที่แม้ว่าจะยังคงเป็นตัวอันตรายสำหรับคู่แข่งทุกทีม แต่สำหรับซีซั่นนี้ โฟเด้น ผลิตสกอร์ให้ เรือใบสีฟ้า ไปเพียง 3 ประตูกับ 2 แอสซิสต์จากการลงเล่น 13 นัดทุกรายการเท่านั้น ขณะที่ แบร์นาโด ซิลวา, เจเรมี โดกู, ซาวินโญ และ มาเตโอ โควาซิช แม้ว่าจะมีมาตรฐานที่สูง แต่ก็ยังคงขาดความสม่ำเสมอ จากแท็คติกการเล่นที่เปลี่ยนไป จากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
4 เกมหลังปฏิทินฟีฟ่า ชี้ชะตา เรือใบ ลุ้นแชมป์
แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะอยู่ในช่วงเวลาที่วิกฤต กับการแพ้ 4 เกมติดต่อกันรวมทุกรายการ อย่างไรก็ตามหากมองไปที่สถิติโดยรวมของ เรือใบสีฟ้า ยังถือว่าเป็นอะไรที่น่าเกรงขามเสมอ โดย ณ เวลานี้พวกเขายิงในลีกไปแล้ว 22 ประตูเป็นรองเพียง สเปอร์ส เพียงทีมเดียวและประตูเดียวเท่านั้น
ถึงตรงนี้ยี่ห้อของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อาจจะทำให้เหล่า ซิตี้เซ่น มีความหวังและอุ่นใจขึ้นกับสถานการณ์ของทีม เพราะหากเมื่อใดก็ตามที่เหล่าผู้เล่นที่ได้รับบาดเจ็บกลับมา ผลงานของ เรือใบสีฟ้า ก็น่าจะกลับมาร้อนแรงเหมือนเดิม
ดังนั้นช่วงพักเบรกทีมชาติหนนี้ ก็น่าจะเป็นช่วงที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และชาวคณะได้พักหายใจหายคอกัน ก่อนจะกลับมาเผชิญกับบทพิสูจน์สำคัญ 4 เกมต่อไป ที่เรียกได้ว่าเจอกับของแข็งทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการเปิดรัง เอติฮัต สเตเดียม รับการมาเยือนของ ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ส คืนวันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน
ต่อด้วยการเปิดบ้านเจอกับ เฟเยนูร์ด ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก วันที่ 26 พฤศจิกายน ก่อนจะกลับมาบุก ลิเวอร์พูล ในเกมลีก วันที่ 1 ธันวาคม และยังต้องเปิดบ้านรับมือทีมจอมเซอร์ไพร์สอย่าง น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ ในวันที่ 4 ธันวาคม
ทั้งนี้หาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า สามารถกลับมาทำผลงานได้เข้าฝักอีกครั้ง รวมทั้งหากเอาชนะ หงส์แดง พวกเขาก็น่าจะกลับเข้าสู่ความมั่นใจอีกครั้ง พร้อมทั้งประกาศให้คู่ต่อกรทุกทีมรู้ว่า เรือใบสีฟ้า กลับมาแล้ว กลับมาเพื่อไล่ล่าแชมป์ทุกรายการ ในฤดูกาลนี้
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันจากต่างประเทศ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง บาเยิร์น มิวนิค