กีฬาฟุตบอล

ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

cover 1812 - ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

เรียกได้ว่าเกือบหลับ แต่กลับมาได้ของจริง สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ รูเบน อโมริม ที่ปฏิบัติการณ์โกงความตาย พลิกแซงกลับมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 ในช่วงนาทีบาปของศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

โดย 11 ตัวจริงของ อโมริม ในเกมนี้ปรากฏว่า เมสัน เมาท์ กับ แฮร์รี่ แม็กไกวร์ ได้ออกสตาร์ตเป็นตัวจริง ขณะที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ไม่มีชื่อแม้กระทั่งตัวสำรอง เกมครึ่งแรกแม้ว่า เรือใบสีฟ้า จะออกนำไปก่อน 1-0 ตั้งแต่นาทีที่ 36 จากลูกโหม่งของ ยอสโก กวาร์ดิโอล แต่พอกลับมาเล่นในครึ่งหลัง ช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกม ปีศาจแดง มาได้ 2 ประตูรวดจากจุดโทษของ บรูโน่ แฟร์นานเดส นาทีที่ 88 และประตูชัยจาก อาหมัด ดิยัลโล่ ในนาทีที่ 90

แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่ปีนี้เปลี่ยนเป็น สีแดง

image 22 - ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

จบเกม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกมาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-1 เก็บเพิ่มเป็น 22 คะแนน ขึ้นมาอยู่อันดับ 13 ของตาราง ส่วน แมนฯ ซิตี้ มี 27 คะแนน อยู่อันดับที่ 5 ของตาราง โดยชัยชนะของ แมนฯ ยู ในเกมนี้ ส่งผลให้พวกเขาหยุดสถิติแพ้ในลีก ติดต่อกันไว้ที่ 2 เกม หลังจากที่แพ้ทั้ง อาร์เซน่อล และ ฟอเรสต์ มาก่อนหน้านี้

นอกจากนี้ แมนฯ ยู ยังเป็นครั้งแรกที่พวกเขาพลิกแซงกลับมาเอาชนะคู่แข่งในฐานะทีมเยือน นับตั้งแต่เกมชนะ กับ แอสตัน วิลล่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2021 หรือเป็นจำนวนถึง 17 เกม ที่ ปีศาจแดง โดนนำไปก่อน และไม่สามารถยิงแซงได้ในการเล่นเป็นทีมเยือน เท่านั้นยังไม่พอเมื่อสถิติของ รูเบน อโมริม ยามดวลกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เจ้าตัวเอาชนะได้ 2 ครั้งซ้อน ทั้งในฐานะกุนซือ สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยสสลีก และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกแมนเชสเตอร์ดาร์บี้หนแรกของตัวเอง โดยคุมทีมยิงไป 6 ประตู และ เสีย 2 ประตูในการพบกับทัพ เรือใบสีฟ้า

คนแรกต่อจาก เฟอร์กี้ อโมริม ประเดิมชัยศึกผ่าเมือง

image 23 - ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

หลังจบเกม รูเบน อโมริม ที่ประเดิม แมนเชสเตอร์ดาร์บี้ หนแรกด้วยชัยชนะ และยังเป็นคนแรกที่ทำได้ต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กล่าวถึงผลงานอันยอดเยี่ยมของลูกทีมว่า

“แน่นอนว่ายังมีหลายอย่างที่เราต้องแก้ไขปรับปรุง แต่การเก็บ 3 แต้มได้ในเกมนี้มีความหมายอย่างมากกับแฟนบอล บางทีบทสนทนาอาจจะต่างออกไปถ้าสุดท้ายเรายิงไม่ได้ แต่ฟอร์มการเล่นไม่ได้ต่างกันเลยทั้ง 85 นาทีแรกหรือหลังจากนั้น ต้องยอมรับว่าแมน ซิตี้ คุมเกมได้ดีกว่า แต่ก็คิดว่าเราสมควรเป็นผู้ชนะ”

“จริงๆ ก่อนหน้าได้ 2 ประตูท้ายเกม เราก็มีจังหวะหวาดเสียวมาแล้ว และพยายามปรับเกมด้วยการเพิ่มความเร็ว และสร้างโอกาสให้มากขึ้น เรารับมือกับเกมบุกของฝ่ายตรงข้ามได้ดี และไม่ท้อถอย เมื่อยิงประตูแรกได้ก็ยังไม่ผ่อนเกม ยังกระหายที่จะทำประตูเพิ่ม ต้องแสดงความยินดีกับลูกทีมทุกคนจริงๆ”

สำหรับระบบ 3-4-2-1 ที่ รูเบน อโมริม ติดตั้งให้กับทัพ ปีศาจแดง ดูเหมือนว่าการเคลื่อนที่ของนักเตะเป็นไปอย่างมีระบบ มีการช่วงไล่บีบในแดนตัวเอง และรับลึกในบางจังหวะ โดยปกติการดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โอกาสที่ ยูไนเต็ด จะพาบอลไปถึงพื้นที่สุดท้ายในแต่ละเกมมีน้อยมาก อาศัยการฉาบฉวยเอาชนะมาได้มากกว่า

แต่เกมนี้ ปีศาจแดง มีเวลาครองบอล เป็นคนกำหนดความเร็วเกมในหลายช่วงเวลามีการไล่เพรสซิ่งสูงใส่ผู้เล่น แมน ซิตี้ ทำให้หลายจังหวะต้องเตะทิ้ง ไม่สามารถตั้งเกมออกมาจากแดนตัวเองได้ง่ายๆ ซึ่งทั้งหมดนี้เกิดจากการเข้าใจของผู้เล่น ที่เริ่มจะคุ้นชินกับระบบและการเคลื่อนที่มากขึ้น แถมคู่แข่งอย่าง ซิตี้ ก็อยู่ในช่วงที่ฟอร์มออกทะเลไปไกลเหลือเกิน

อาหมัด ดิยัลโล่ ว่าที่ลูกรัก รูเบน อโมริม

image 24 - ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

ขณะที่ผู้เล่น 1 รายที่ทำผลงานได้โดดเด่นเหลือเกินในยุคของ รูเบน อโมริม และได้รับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในศึกแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ นั่นก็คือ อาหมัด ดิยัลโล่ ปีกไอวอรี่โคสต์ของทัพ ปีศาจแดง ที่ร่ายมนต์เรียก 1 จุดโทษ แถมยังยิงประตูชัยพา แมนฯ ยู บุกเอาชนะ ซิตี้ ได้สำเร็จ โดยสถิติของ อาหมัด ดิยัลโล่ ในเกมกับ แมนฯ ซิตี้ มีดังนี้

ความแม่นยำในการจ่ายบอลอยู่ที่ 94% ,ชนะการดวลตัวต่อตัว 7 จาก 10 ครั้ง ,เลี้ยงบอลผ่านสำเร็จ 5 จาก 8 ครั้ง แถมยังเป็นคนเรียกจุดโทษจนทำให้ทีมไล่ตีเสมอได้สำเร็จ ขณะที่โอกาสยิงทั้งหมด 4 ครั้ง เปลี่ยนเป็น 1 ประตูชัยให้กับทีมของ รูเบน อโมริม ได้แบบสุดระทึก

โดยนับตั้งแต่ที่ รูเบน อโมริม เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม อาหมัด มีส่วนร่วมกับประตูไปถึง 7 ครั้ง มากกว่านักเตะคนอื่นๆ ในทัพ ปีศาจแดง จากผลงาน 1 ประตู 5 แอสซิสต์ และเรียกจุดโทษไปอีก 1 ครั้งจากเกมล่าสุด โดยกุนซือชาวโปรตุกีส เอ่ยปากชม อาหมัด ดิยัลโล่ ว่าที่ลูกรักคนใหม่ในยุคของตัวเองว่า

“อาหมัด เล่นได้หลายตำแหน่ง และก็ยังเป็นคนถ่อมตัวมากๆ เราต้องดูแลประคบประหงมอามาดอย่างระวังที่สุด เพราะบางครั้งสโมสรเราให้สิทธิพิเศษกับนักเตะอายุน้อย กับอามาดเราต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป เอริค เทน ฮาก และ รุด ฟาน นิสเตลรอย ฝึกฝนเขามาได้ดีเยี่ยม เราจะสานต่องานตรงนี้ สำคัญมากๆ เมื่อนักเตะทุกคนเข้ากับระบบการเล่นของผม ถ้าพวกเขาต้องการเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของระบบ ถ้าพวกเขามีพรสวรรค์ ทุกคนก็สามารถเล่นในระบบนี้ได้”

บอลจบคนไม่จบ ฮอยลุนด์ แซะ วอล์คเกอร์ หลังหวิดฟาดปาก

image 25 - ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

ขณะที่อีกหนึ่งผู้เล่นที่แม้ว่าจะไม่มีชื่อบนสกอร์บอร์ด แต่ก็ถือว่าทำผลงานร้อนแรงไม่แพ้ อาหมัด ดิยัลโล่ นั่นก็คือ ราสมุส ฮอยลุนด์ กองหน้าชาวเดนมาร์กที่ปั่นป่วน ปั่นประสาทแนวรับของ เรือใบสีฟ้า ได้แทบจะตลอดเวลาที่อยู่ในสนาม 78 นาที โดยสถิติของ ราสมุส ฮอยลุนด์ ในยุคของ เอริค เทน ฮาก ต่อเนื่องมาจนถึงยุคขัดตาทัพของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ฮอยลุนด์ ลงสนาม 16 เกม ยิงไปเพียง 2 ประตู 0 แอสซิสต์ รวมทุกรายการ แต่หลังจากที่เข้าสู่ยุคของ รูเบน อโมริม ฮอยลุนด์ กระหน่ำไปแล้ว 5 ประตู 1 แอสซิสต์ จากการลงสนามเพียง 5 เกม

นอกจากนี้ในศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่ผ่านมา ฮอยลุนด์ ยังสร้างคอนเทนต์หลังจบเกมด้วยการโพสต์เย้ย ไคล์ วอล์คเกอร์ กัปตันทีมของ เรือใบสีฟ้า หลังจากที่ทั้งคู่หวิดจะฟาดปากกันในระหว่างเกม โดยเริ่มจากการปะทะคารม ต่อด้วยการใช้ศีรษะดันกันไปดันกันมา แต่กัปตันทีม แมนฯซิตี้ กลับแกล้งล้มลงไป หวังจะให้ ฮอยลุนด์ ถูกไล่ออก แต่สุดท้ายผู้ตัดสินไม่หลงกล แจกใบเหลืองให้กับทั้งคู่

สำหรับโปรแกรมในช่วงบฺ็อกซิ่งเดย์ของ แมนฯ ยู จะบุกไปเยือน สเปอร์ส ในศึก คาราบาว คัพ วันที่ 19 ธันวาคม ก่อนจะเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ บอร์นมัธ ในวันที่ 22 ธันวาคม ต่อด้วยการบุกเยือน วูล์ฟ ในวันที่ 26 ธันวาคม และลงเล่นนัดส่งท้ายปีด้วยการเปิดบ้านพบกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ในวันที่ 30 ธันวาคม

ภาษากาย เป๊ป รับสภาพ โบกมือลาการลุ้นแชมป์

image 26 - ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

นอกจากแผนการอันแยบยลประกอบเทพีแห่งโชคที่เข้าทางฝั่งสีแดง แห่งเมืองแมนเชสเตอร์แล้ว ในทางกลับกันความตกต่ำของฝั่งสีฟ้า นั่นทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ออกอาการถอดใจให้เห็นเช่นกัน จากคำให้สัมภาษณ์ หลังจบศึกผ่าเมือง แมนเชสเตอร์ หนล่าสุด

“ผมไม่มีอะไรจะพูดมากนักหรอก พวกเขาเล่นได้ดีมาก เราไม่สามารถป้องกันได้ มันไม่เกี่ยวกับนักเตะคนนี้หรือคนนั้น เราเสียประตูเพราะความผิดของเรา เราไม่ได้เล่นอย่างมีสติ ผลงานออกมาไม่ดี เกมก็ไม่ได้โดดเด่นอะไร ผมรู้สถานการณ์ ผมเข้าใจ แต่มันคือความจริง พวกเขาต้องรู้ว่าสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ ในกรอบเขตโทษ คุณต้องระวัง”

“มันไม่เกี่ยวกับ มาเตอุส นูเนส เขาเล่นได้ดีมากในตำแหน่งแบ็กซ้าย แต่มันไม่เกี่ยวกับเรื่องนั้น เราต้องเล่นให้ดีกว่านี้ ผลการแข่งขันจะช่วยให้เราทำผลงานได้ดีที่สุด แต่ตอนนี้เราไม่มีมันแล้ว สิ่งที่ผมเรียนรู้ก็คือต้องก้าวต่อไปผมไม่ดีพอ ผมเป็นทั้งเจ้านาย เป็นผู้จัดการทีม ผมต้องหาทางแก้ไข และจนถึงตอนนี้ผมก็ยังหาไม่เจอ นั่นคือความจริง เราอยากเล่นให้ดีขึ้น สร้างโอกาส แต่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้”

ถึงตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะเพียงเกมเดียวจาก 11 นัดหลังสุดรวมทุกรายการและสถิติที่น่าตกใจก็คือ แมนฯ ซิตี้ ยิงบอลเข้ากรอบไม่ได้เลย แม้แต่หนเดียวช่วงครึ่งหลัง ในเกม แมนเชสตอร์ ดาร์บี้ หนล่าสุด โดยดูเหมือนว่าปัญหาหลายอย่างกำลังรุมเร้า เรือใบสีฟ้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความมั่นใจ สภาพร่างกายและความฟิต พวกเขามีนักเตะที่อยู่กับทีมมานาน อายุเยอะ และอิ่มตัวกับความสำเร็จ

ปล่อย ฮูเลียน อัลวาเรซ ต้นเหตุความตกต่ำของทัพ เรือใบ

image 27 - ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

ขณะที่นักเตะที่อิมพอร์ตเข้ามาห่างชั้นจนเกินไป และในหลายตลาดที่ผ่านมาไม่อัพเกรดขุมกำลังให้ดีพอ ในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา แมนซิตี้ ตัดสินใจปล่อย อัลวาเรซ ให้กับ แอตเลติโก มาดริด ด้วยค่าตัวรวม 95 ล้านยูโร ซึ่ง เรือใบสีฟ้า ไม่ได้เอากองหน้าตัวเป้าคนไหนเข้ามาแทนที่หัวหอกอาร์เจนไตน์รายนี้ โดยหวังพึ่งพา เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาลันด์ เพียงคนเดียวในแนวรุก เรื่องดังกล่าว เปาโล ดิ คานิโอ อดีตกองหน้าอิตาเลียนของ เชฟฟิลด์ เว้นสเดย์

และ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ได้แสดงความคิดเห็นถึงต้นเหตุความตกต่ำของ เรือใบสีฟ้า ในฤดูกาลนี้ว่า ว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และบอร์ดบริหารของ ซิตี้ ทำพลาดมหันต์ที่ไม่หาคนมาแทน ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ กองหน้าชาวอาร์เจนไตน์ ที่ย้ายไปอยู่กับทัพ ตราหมี

“ในความเห็นของผมนั้นประเด็นที่สำคัญคือการประเมินเรื่องของ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ผิดพลาด เขาเป็นคนที่จะช่วยทุกคนได้จากการเคลื่อนที่, การแอสซิสต์ และการทำประตูของเขา คือถ้าขายเขาไปด้วยราคา 90 ล้านยูโรน่ะมันก็พอจะเข้าใจได้ แต่มันจำเป็นต้องหาคนมาแทนเขาให้ได้ด้วย อย่างไรก็ตาม กวาร์ดิโอล่า กลับเชื่อเอาเองว่าจะมีคนที่อยู่ในทีมอยู่แล้วที่ก้าวขึ้นมารับหน้าที่นั้นได้ เขาไม่คิดเกี่ยวกับการเอาคนอื่นเข้ามาแทน และนั่นคือความผิดพลาด”

การพ่ายแพ้ต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อหน้าเหล่า เดอะ ซิตี้เซ่น ถือความผิดพลาดของตัวเองล้วนๆ ที่พลาดแล้วพลาดอีก พลาดแบบไม่มีสมาธิ ในช่วงเวลาสำคัญที่เหลืออีกเพียงไม่กี่นาทีก็จะหมดเวลา แต่ดันรักษาสกอร์ไว้ไม่ได้ ขณะที่สถานการณ์ในถ้วยใหญ่อย่าง UCL ก็จวนเจียนจะตกรอบอยู่รอมร่อ เนื่องจากจะต้องเข้าไปดวลกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง ยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศสในรอบ 16 ทีมสุดท้ายช่วงเดือนกุมภาพันธ์นี้

เป๊ป เร่งหาจุดเปลี่ยน เรียกโมเมนตัม ก่อนลุยตลาดรอบ 2

image 28 - ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

สถานการณ์การลุ้นแชมป์ของ ซิตี้ ณ เวลานี้ ต้องยอมรับว่าแทบจะโบกมือลาแชมป์พรีเมียร์ลีกไปแล้ว ซึ่งภารกิจแรกของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นั่นก็คือการหาจุดเปลี่ยนเพื่อเรียกโมเมนตั้มของทีมกลับมาให้เร็วที่สุด ขณะที่ทางฝั่งบอร์ดบริหารก็จำเป็นต้องใช้เงินแก้ปัญหา ด้วยการเดินหน้าล่านักเตะใหม่เข้ามาเสริมทีมในช่วงเปิดตลาดซื้อขายรอบสองเดือนมกราคมนี้ แต่ก็ใช้เวลาปรับจูนกับทีมเช่นกัน

สำหรับโปรแกรมในช่วงบฺ็อกซิงเดย์ของทัพ เรือใบสีฟ้า จะเริ่มตั้งแต่การบุกไปเยือน แอสตัน วิลล่า ในคืนวันเสาร์ที่ 21 ธันวาคมนี้ ก่อนจะกลับมาเปิดบ้านเจอกับ เอฟเวอร์ตัน ในวันคริสต์มาส ต่อด้วยการบุกเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ในวันสิ้นปี และเปิดศักราชใหม่ด้วยการเปิดบ้านรับมือ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ในวันที่ 4 มกราคม

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันจากต่างประเทศ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง บาเยิร์น มิวนิค

750x410 WP Cover FCB Partner 2024 - ควันหลง “แมนเชสเตอร์ดาร์บี้” ที่ปีนี้ สีแดง ร้อนแรงกว่า สีฟ้า

Share: