เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศกันแล้ว สำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป หรือ ยูโร 2024 โดย ณ เวลานี้ได้ 4 ชาติที่ผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยประกอบไปด้วย ฝรั่งเศส สเปน อังกฤษ และ เนเธอร์แลนด์ ซึ่งคืนวันคารและพุธที่ 9-10 กรกฎาคมนี้ จะเป็นการแข่งขันในรอบรองชนะเลิศ

นั่นหมายความว่าเช้าวันพฤหัสบดีที่ 11 กรกฎาคม ทุกคนก็จะได้รู้ว่าชาติใดจะฝ่าฟันอุปสรรคผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ศึก ยูโร 2024 ต่อไป โดยวันนี้เราจะมาเจาะลึกเกี่ยวกับข้อมูลและสถิติที่น่าสนใจต่างๆของทั้ง 4 ทีม มาดูกันว่าใครมีความพร้อม และมีโอกาสมากที่สุดในการครองจ้าวลูกหนังยุโรปหนนี้

สเปน

ทัพกระทิงดุ เป็นทีมเดียวในศึก ยูโร รอบสุดท้าย ที่เก็บชัยชนะรวดได้ทั้ง 5 เกม เด็กๆของ หลุยส์ เด ลา ฟวนเต้มีการผสมผสานกันอย่างลงตัว ระหว่างเหล่าดาวรุ่ง และแข้งมากประสบการณ์ และสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างกลมกล่อม โดยแม้ว่า สำหรับผลงานของทัพ กระทิงดุ เปิดสนามด้วยการชนะ โครเอเชีย 3-0 ต่อด้วยการ  ชนะ อิตาลี 1-0 และส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่มด้วยการ ชนะ แอลเบเนีย 1-0

โดยรอบ 16 ทีมสุดท้าย : ชนะ จอร์เจีย 4-1 ขณะที่รอบ 8 ทีมสุดท้ายก็เอาชนะ เยอรมนี 2-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ จากชัยชนะรวด 5 เกม พวกเขายิงได้ 11 ลูกและเสียแค่ 2 ประตูเท่านั้นทำให้พวกเขาก็อยู่ในช่วงที่มีความมั่นใจมาก ๆ ก่อนที่จะลงสนามพบทัพตราไก่ ในเกมรอบตัดเชือก

ขณะที่ผู้เล่นที่น่าจับตามองคือ ดานี่ โอลโม่ ตัวรุกที่นำเป็นดาวซัลโวของทีมร่วมกับและ ฟาเบียน รุยซ์ ที่ยิงไปคนละ 2 ประตู เท่ากัน ส่วนผู้เล่นรายอื่นก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน โดยเฉพาะแนวรุกอันจัดจ้านที่ประกอบไปด้วย ยามีน ลามาล, อัลบาโร่ โมราต้า และ นิโก้ วิลเลียมส์

สถิติที่น่าสนใจของทีมชาติสเปน
ลงสนาม 5 เกม
ชนะ 5 เกม
การครองบอล 57.2 %
ผ่านบอลแม่นยำ 90.2 %
ผ่านบอลเข้ากรอบเขตโทษคู่แข่ง 72 ครั้ง
รวมระยะทางวิ่ง 613.21 กิโลเมตร
โอกาสยิง 102 ครั้ง
ตรงกรอบ 35 ครั้ง
หลุดกรอบ 42 ครั้ง
ติดบล็อก 25 ครั้ง
ชนเสา/คาน 2 ครั้ง
ยิงได้ 11 ประตู
เสีย 2 ประตู
ประตูเซฟ 14 ครั้ง

ฝรั่งเศส

ในศึกยูโร 2024 ผลงานของทัพ ตราไก่ ฝรั่งเศส ตกลงไปอย่างน่าใจหาย อย่างไรก็ตามด้วยประสบการณ์ของผู้เล่นหลายๆคน รวมไปถึงตัวกุนซืออย่าง ดิดิเยร์ เดส์ชองส์ ก็ทำให้ ตราไก่ เอาตัวรอดผ่านเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ โดยทีมชุดนี้แม้ว่าจะเต็มไปด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สตาร์ แต่ผลงานโดยรวมยังไม่น่าประทับใจสักเท่่าไหร่ เพราะในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขายิงได้เพียง 2 ประตู จากการชนะ ออสเตรีย 1-0 และเสมอ เนเธอร์แลนด์ 0-0 และส่งท้ายรอบแบ่งกลุ่มด้วยการเสมอ โปแลนด์ 1-1 ขณะที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายก็เฉือนเอาชนะ เบลเยี่ยม 1-0 ก่อนจะมาดวลจุดโทษเขี่ย โปรตุเกส ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย พร้อมกับพาตัวเองไปชนกับ ทีมชาติสเปน ในรอบตัดเชือก

ฝรั่งเศส มาถึงรอบรองชนะเลิศ โดยที่ทำประตูจากโอเพ่นเพลย์ไม่ได้เลย โดยยิงรวมแค่ 3 ประตูเท่านั้น จาก 5 เกม ซึ่งก็มาจากหนึ่งลูกจุดโทษ และสองการทำเข้าประตูตัวเองของคู่แข่ง แต่ก็ต้องยกเครดิตให้เกมรับที่แข็งแกร่งสุดๆ โดยเพิ่งเสียแค่ลูกเดียว แถมเป็นลูกโทษด้วย ฟอร์มไม่หรู แต่มาไกล นี่แหละคือความของกลัวของทัพ “ตราไก่” ยุคกุนซือ ดีดิเยร์ เดส์ชองส์

สำหรับผู้เล่นที่น่าสนใจของ ฝรั่งเศส ก็คงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก คีลิยัน เอ็มบัปเป้ กองหน้าของ เรอัล มาดริด ที่ได้รับบาดเจ็บจนต้องใส่หน้ากากลงเล่นตั้งแต่เกมแรก แถมยังอุตส่าห์กัดฟันยิง 1 ประตูแบก ฝรั่งเศส เข้าสู่เส้นทางการคว้าแชมป์ ซึ่งนอกจาก เอ็มบับเป้ แล้ว ก็ยังมีขุมกำลังอันแข็งแกร่งอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, ออเรเลียง ชูอาเมนี่, เอดูอาร์โด้ คามาวิงก้า และบรรดาแนวรุกอย่าง แรนดัล โคโล มูอานี่, อ็องตวน กรีซมันน์, คีลิยัน เอ็มบัปเป้ ซึ่งนักเตะเหล่านี้หากท็อปฟอร์มขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสการเป็นแชมป์ ยูโร ของ ฝรั่งเศส ก็มีความเป็นไปได้เหมือนกัน

สถิติที่น่าสนใจของทีมชาติฝรั่งเศส
ลงสนาม 5 เกม
ชนะ 2 เกม
เสมอ 3 เกม
การครองบอล 50.4 %
ผ่านบอลแม่นยำ 90.8 %
ผ่านบอลเข้ากรอบเขตโทษคู่แข่ง 67 ครั้ง
รวมระยะทางวิ่ง 575.36 กิโลเมตร
โอกาสยิง 89 ครั้ง
ตรงกรอบ 21 ครั้ง
หลุดกรอบ 42 ครั้ง
ติดบล็อก 26 ครั้ง
ชนเสา/คาน 2 ครั้ง
ยิงได้ 3 ประตู
เสีย 1 ประตู
ประตูเซฟ 16 ครั้ง

อังกฤษ

เรียกได้ว่าหนักอกหนักใจเหล่าบรรดาแฟนบอลพอสมควร สำหรับผลงานของ ทีมชาติอังกฤษ ชาติขวัญใจมหาชน โดยแม้ว่าศึก ยูโร หนนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือของทีม จะมีทรัพยากรให้เลือกใช้มากมาย แต่สุดท้ายดูเหมือนว่าเหล่าบรรดาแฟนบอลจะยังไม่ปลื้มกับผลงานของทัพ  สิงโตคำราม สักเท่าไหร่

อังกฤษ เก็บชัยชนะในเวลาไปแค่เกมเดียวเท่านั้นในศึก ยูโร ครั้งนี้ โดยยิงได้ 5 ลูกและเสียไป 3 ประตูจากการเปิดสนามชนะ เซอร์เบีย 1-0 ต่อด้วย  เสมอ เดนมาร์ก 1-1 และ เสมอ สโลวีเนีย 0-0 ซึ่งจริงๆแล้วพวกเขาเกือบจะตกรอบ 16 สุดท้ายไปแล้ว แต่ยังดีที่ได้ลูกยิงมหัศจรรย์ของ จู๊ด เบลลิงแฮม โกงความตายกลับมาเอาชนะ สโลวีเนีย ได้แบบสุดระทึก ก่อนจะมาเอาชนะจุดโทษ สวิตเซอร์แลนด์ พร้อมกับผ่านเข้าสู่รอบตัดเชือก

ขณะที่ผู้เล่นที่น่าจับตามองคงจะหนีไม่พ้น จู๊ด เบลลิงแฮม ดาวซัลโวร่วมของทีมที่ตะบันไปแล้ว 2 ประตู เท่ากับ แฮร์รี่ เคน โดยผลงานของ เบลลิงแฮม เรียกได้ว่าเป็นหัวใจแดนกลางของทัพ สิงโตคำราม เลยก็ว่าได้ และกลายเป็นผู้เล่นที่ทีมชาติอังกฤษขาดไม่ได้ไปแล้ว ณ เวลานี้ โดยนอกจาก เบลลิงแฮม เซาธ์เกต ยังมีอาวุธครบมือ โดยเฉพาะแนวรุกที่มีแข้งคุณภาพอย่าง บูกาโย ซากา ,ฟิล โฟเดน รวมไปถึงหัวหอกอย่าง แฮร์รี่ เคน รวมอยู่ด้วย ซึ่งนั่นทำให้ สิงโตคำราม มุ่งมั่นอย่างมากที่จะคว้าแชมป์ยุโรปสมัยแรกให้ได้ ในฐานะทีมเต็ง 1 ของรายการ

สถิติที่น่าสนใจของทีมชาติอังกฤษ
ลงสนาม 5 เกม
ชนะ 2 เกม
เสมอ 3 เกม
การครองบอล 58.6 %
ผ่านบอลแม่นยำ 90 %
ผ่านบอลเข้ากรอบเขตโทษคู่แข่ง 61 ครั้ง
รวมระยะทางวิ่ง 630.11 กิโลเมตร
โอกาสยิง 57 ครั้ง
ตรงกรอบ 15 ครั้ง
หลุดกรอบ 20 ครั้ง
ติดบล็อก 22 ครั้ง
ชนเสา/คาน 2 ครั้ง
ยิงได้ 5 ประตู
เสีย 3 ประตู
ประตูเซฟ 12 ครั้ง

เนเธอร์แลนด์

พลรรค อัศวินสีส้ม ภายใต้การคุมทีมของ โรนัลด์ คูมัน มาแบบไร้ความกดดันในศึก ยูโร หนนี้ โดยระบบทีมของ เนเธอร์แลนด์ เน้นไปที่ทีมเวิร์ค เพราะพวกเขาไม่มีตัวชูโรงเหมือนกับชาติอื่นๆ อย่างไรก็ตามจากผลงานในรอบแบ่งกลุ่ม ออรันเย่ เอาตัวรอดด้วยการผ่านรอบแบ่งกลุ่มจากการชนะ โปแลนด์ 2-1, เสมอ ฝรั่งเศส 0-0 และแพ้ ออสเตรีย 2-3

ขณะที่รอบ 16 ทีมสุดท้ายชนะ โรมาเนีย 3-0 โดยในรอบรองชนะเลิศ เนเธอร์แลนด์ เชือด ตุรกี 2-1 ก่อนจะดวลกับ อังกฤษ ในรอบรองชนะเลิศ ด้วยสถิติ ยิงได้ 9 ลูกและเสีย 5 ประตู ซึ่งเมื่อมาดูสถิติจริง ๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้ถือว่าแย่มากนักและผลงานดีกว่าทีมชาติอังกฤษด้วยซ้ำ

สำหรับผู้เล่นที่ทำผลงานโดดเด่นและน่าจับตามองของทัพ อัศวินสีส้ม ได้แก้ โคดี้ กัคโป แนวรุกจาก ลิเวอร์พูล ที่ซัดไปแล้ว 3 ประตู และน่าจะเป็นตัวทีเด็ดของ เนเธอร์แลนด์ ตลอดทั้งรายการ โดยนอกจาก กัคโป แล้วยังมีผู้เล่นที่น่าสนใจหลายคนไม่ว่าจะเป็น ซาวี ซิมอนส์, สตีเวน เบิร์กไวจ์น รวมไปถึง เมมฟิส เดปาย

สถิติที่น่าสนใจของทีมชาติเนเธอร์แลนด์
ลงสนาม 5 เกม
ชนะ 3 เกม
เสมอ 1 เกม
แพ้ 1 เกม
การครองบอล 55.2 %
ผ่านบอลแม่นยำ 88.6 %
ผ่านบอลเข้ากรอบเขตโทษคู่แข่ง 72 ครั้ง
รวมระยะทางวิ่ง 543.12 กิโลเมตร
โอกาสยิง 74 ครั้ง
ตรงกรอบ 20 ครั้ง
หลุดกรอบ 35 ครั้ง
ติดบล็อก 19 ครั้ง
ชนเสา/คาน 2 ครั้ง
ยิงได้ 9 ประตู
เสีย 5 ประตู
ประตูเซฟ 16 ครั้ง

ทั้งนี้ ก่อนเกมรอบรองชนะเลิศจะคิกออฟ ออปตา (Opta) ผู้รวบรวมและบันทึกข้อมูลสถิติชั้นนำของวงการฟุตบอล เผยผลการวิเคราะห์โอกาสคว้าแชมป์ยูโร 2024 โดย ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ โดยปรากฏว่า ซูเปอร์คอมพิวเตอร์ วิเคราะห์ว่า สเปน ที่ชนะเจ้าภาพ เยอรมนี ยังรั้งเต็ง 1 ที่จะคว้าแชมป์ยูโร 2024 หลังเป็นทีมเดียวที่ชนะรวด 5 นัดในรายการนี้ มีลุ้นแชมป์สมัยที่ 4 ต่อจากปี 1964, 2008, 2012 ส่วน อังกฤษ หล่นไปเป็นเต็ง 3

แม้ว่าจะดวลจุดโทษเอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ มีลุ้นแชมป์สมัยแรกก็ตาม ส่วน ฝรั่งเศส อดีตแชมป์ 2 สมัย เป็นเต็ง 2 และ เนเธอร์แลนด์ อดีตแชมป์ 1 สมัย เป็นเต็ง 4 ขณะเดียวกัน วิลเลี่ยม ฮิลล์ ยังให้ โกดี้ คักโป กองหน้าทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เป็นเต็ง 1 ที่จะได้ดาวซัลโว หลังทำไปแล้ว 3 ประตูเป็นผู้นำร่วม ขณะที่ แฮร์รี่ เคน หัวหอกทีมชาติอังกฤษ ตามมาเป็นเต็งสอง

โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024 รอบรองชนะเลิศ
สเปน พบ ฝรั่งเศส คืนวันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 2567 เวลา 02.00 น.
เนเธอร์แลนด์ พบ อังกฤษ คืนวันพุธที่ 10 กรกฎาคม 2567 เวลา 02.00 น.

โปรแกรมฟุตบอลยูโร 2024  รอบชิงชนะเลิศ
คืนวันอาทิตย์ที่ 14 กรกฎาคม 2567 เวลา 02.00 น.

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค