ในเกมที่สนามแอนฟิลด์ เมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา ลิเวอร์พูล รับการมาเยือนของ สเปอร์ส โดยทั้งสองทีมต่างต้องการ 3 คะแนน เพื่อรักษาโอกาสในการลุ้นพื้นที่ท็อป 4 ต่อไป โดยเกมทำท่าว่าน่าจะจบลงด้วยการเสมอ แต่ ลิเวอร์พูล กลับได้ประตูชัยในนาทีที่ 94 ทำให้จบเกมเป็นทีม “หงส์แดง” เอาชนะไปอย่างเหลือเชื่อ 4-3 และนี่คือบทสรุป 4 ข้อ จากเกมสุดดราม่า “หงส์ เฉือน ไก่”
สมาธิของสเปอร์ส
ข้อ 1. “สมาธิ” ในการเล่นเกมป้องกันของ สเปอร์ส ในช่วงหลังเขี่ยบอลไม่ดีอย่างมาก การโดนยิงเร็วใน 120 วินาทีแรก เกิดขึ้นจากจังหวะการป้องกันที่หละหลวมของสเปอร์สเองทั้งสิ้น ประตู 1-0 เทร้นต์ อาโนลด์ ครอสบอลไปเสาสองให้ เคอร์ติส โจนส์ ยิงแบบไร้คนประกบ แม้จะมีการสไลด์เข้ามาขวางลูกยิงโดย เปโดร ปอร์โร่ ด็ดูช้าเกินการณ์ไปแล้ว ส่วนประตูที่ 2 เอริก ดายเออร์ หลุดจากตำแหน่ง ทำให้ กัคโป วิ่งเข้าไปรับบอลที่เส้นหลังในกรอบเขตโทษ ก่อนจะหักบอลเข้ามาให้ หลุยส์ ดิอาซ ตวัดยิงเข้าไป โดยที่ คริสเตียน โรเมโร่ ได้แต่ยืนดูเท่านั้น และประตูที่ 3 ก็เป็นการเข้าสกัดที่โฉ่งฉ่างของ คริสเตียน โรเมโร่ จนทีมเสียจุดโทษไปอีก
บทบาทใหม่ของเทนต์
ข้อ 2. หลังจากคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมชนะ เวสต์แฮม สำหรับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาโนลด์ ก่อนหน้านี้เล่นแบ็คมาทั้งซีซั่นทําได้ 2 แอสซิสต์ แต่พอเล่นตําแหน่งใหม่ได้เดือนเดียว เขาจัดไป 6 แอสซิสต์แล้ว ซึ่งเขากลายเป็นนักเตะคนแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่สามารถทําแอสซิสต์ 5 เกมติดต่อกัน ได้ถึง 2 ครั้งในคนๆ เดียว (ก่อนหน้านี้ทําได้ในปี 2019)
สําหรับเกมกับ สเปอร์ส จังหวะการจ่ายบอล และการขึ้นเกมยังอันตรายเหมือนเดิม แต่ก็ต้องยอมรับว่าบทบาทของ เทรนต์ ยังจุดโหว่ที่ คล็อปป์ ต้องหาทางปรับปรุง นั่นก็ช่องเวลายามโดนโต้กลับ ซึ่งไม่ใช่การแก้แค่ตัว เทรนต์ เท่านั้น แต่หมายถึงภาพรวมของเกมรับด้วย
ตอนนี้ เทรนต์ ทําสถิติเป็นนักเตะลิเวอร์พูล ที่ทําแอสซิสต์ในเดือนเดียวมากที่สุดในประวัติศาสตร์ (เจอร์ราร์ด, ซัวเรซ และ ซาล่าห์ ทําได้มากสุดคือ 4 แอสซิสต์)
โชต้ารอดใบแดง
ข้อ 3. ในนาทีที่ 80 เหตุการณ์ที่น่าจะเป็นปัญหาเกิดขึ้น ดิโอโก้ โชต้า เล่นเสี่ยงอันตรายด้วยการยกเท้าสูงเข้าไปที่ศรีษะของ โอลิเวอร์ สคิปป์ กองกลางสเปอร์สศรีษะแตก แต่กองหน้าหงส์แดงรอดตัวจากใบแดงอย่างไม่น่าเชื่อ หลังผู้ตัดสินให้เพียงแค่ใบเหลืองเท่านั้น ทำให้ โชต้า รอดพ้นจากการถูกไล่ออกไปอย่างหวุดหวิด ก่อนที่สุดท้ายจะกลายเป็นเจ้าตัวที่เป็นคนยิงประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 4 ให้ ลิเวอร์พูล เอาชนะไปอย่างสุดดราม่า
ในเกมที่ต่างผิดพลาด
ข้อ 4. ในเกมครึ่งหลัง รูปเกมก็เป็นเจ้าบ้านที่ครองเกม แต่ผู้มาเยือนก็รอจังหวะจะสวน แต่ดูทรงเกมแล้ว เจ้าบ้านเหมือนเล่นรอโดน และสุดท้าย ผู้มาเยือนก็จัดให้สาสมใจเลยทีเดียว ด้วยการไล่มา3-2 จาก ซน ฮึง -มิน และตีเสมอได้ 3-3 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ จาก ริชาร์ลิซอน ตัวสำรอง ต้องบอกว่า ในเกมที่ต่างฝ่ายต่างเผยข้อผิดพลาดให้เห็น แต่ ลิเวอร์พูล มีดวงจริงๆ เนื่องจากเกมรุกของพวกเขา ยิงกระจุย แต่เกมรับก็พร้อมจะเสียกระจายได้เสมอ ยังดีที่เอาตัวรอดไปอีกเกม ทางฝั่งผู้มาเยือน เกือบทำได้แบบเกมที่เสมอ แมนยูไนเต็ดแล้ว
แต่ ความนิ่ง และ เฉียบขาดในการจบสกอร์ยังไม่ดีเท่าไหร่ และไปพลาดเสียประตูตั้งแต่ต้นเกม พอจะไล่กลับมาก็สายเกินไปแล้วชัยชนะในเกมนี้ ทำให้ ลิเวอร์พูล แซง สเปอร์ขึ้นที่ 5 ตาม อันดับ 4 แมนยูไนเต็ด 7 แต้ม ยังพอมีหวัง ในการไปเล่น UCL แต่แข่งมากกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด 1 เกม