เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งสำหรับทัพ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล ของ มิเกล อาร์เตต้า ที่ต้องจบฤดูกาลแบบมือเปล่า ทำดีที่สุดเพียงแค่ตำแหน่งรองแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ในขณะที่แชมป์ตกเป็นของ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คุมทีม

เรื่องเล่าคงกระพันกับตำนานแชมป์ไร้พ่าย

อย่างไรก็ตามสถิติอันอยู่ยงคงกระพันของทัพ ปืนใหญ่ ที่ยังคงยืนหยัดอยู่จนถึงทุกวันนี้ นั่นก็คือการเป็นแชมป์ไร้พ่ายในฤดูกาล 2003-04 ภายใต้การคุมทีมของกุนซือชาวฝรั่งเศสอย่าง อาร์แซน เวนเกอร์ อันเป็นที่รักของเหล่าสาวก เดอะ กันเนอร์ส

สำหรับ อาร์เซน่อล ชุดนั้นหากจะรำลึกไปที่ 11 ตัวจริง ณ เวลานั้น หากฟิตสมบูรณ์ในระบบ 4-4-2 โฉมหน้าจะประกอบไปด้วย เยนส์ เลห์มันน์ นายด่านจอมเก๋าชาวเยอรมัน แผงแบ็คโฟร์ใช้งาน โซล แคมป์เบลล์ กับ โคโล่ ตูเร่ รับบทคู่เซนเตอร์ แบ็คซ้ายมี แอชลีย์ โคล ส่วนแบ็คขวารับสัมปทาน โดย โลร็องต์ เอตาเม่

แดนกลางแข็งโป๊กจากการประสานงานร่วมกันของ ปาทริค วิเอร่า และ จิลแบร์โต้ ซิลวา ปีกสองฝั่งคล่องแคล่วว่องไวไม่ว่าจะเป็น โรแบร์ ปิแรส ทางฝั่งซ้ายและ เฟร็ดเดอริก ลุงเบิร์ก ทางกราบขวา ส่วนคู่กองหน้าใช้ประสบการณ์ความเยือกเย็นของ ดิ ไอซ์เบิร์ก เดนนิส เบิร์กแคมป์ ที่จับคู่กับตัวจิ๊ดรุ่นน้องอย่าง เธียร์รี่ อองรี จนสามารถจารึกตำนาน แชมป์ไร้พ่าย ร่วมกันอย่างยิ่งใหญ่เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

โดยเฉพาะ เธียร์รี่ อองรี กองหน้าที่ยกย่องว่าเป็นอีกหนึ่งศูนย์หน้าชาวต่างชาติที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีก และยังได้รับเลือกจากอาร์เซนอล ให้เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของสโมสร กับปรากฏการณ์และความมหัศจรรย์มากมายที่หัวหอกเฟร้นช์แมนสร้างภาพจำเอาไว้ให้กับเหล่าสาวก เดอะ กันเนอร์ส

เริ่มต้นไม่สวย พ่อบังคับเตะบอล

อองรี มีเชื้อสายกวาเดอลูป ตามคุณพ่อและมาร์ตินีกตามคุณแม่ โดย อองรี เกิดและเติบโตในย่านชานเมืองเลส์ อูลิส ของปารีส ซึ่งเมื่อครั้งยังเป็นเด็ก อองรี ถูกคุณพ่อกดดันให้ซ้อมบอล แม้ว่าเจ้าหนู อองรี จะไม่ค่อยสนใจฟุตบอลก็ตาม

เริ่มเล่นฟุตบอลแบบจริงจังครั้งแรกด้วยวัย 16 ปี โดยตระเวนเก็บเลเวลกับอะคาเดมี่ท้องถิ่น ก่อนที่ผลงานจะไปเข้าตาแมวมองของ อาแอส โมนาโก ยักษ์ใหญ่แห่งศึกลีก เอิง และ ได้เซ็นสัญญาร่วมทีมเยาวชนในปี 1992 โดย อองรี ใช้เวลา 2 ปีในทีมเยาวชนและถูกดันมาเล่นในทีมชุด B พร้อมกับทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ จนถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ในปีต่อมา

อองรี ลงเล่นฟุตบอลอาชีพครั้งแรกกับ โมนาโก ในปี 1994 ในตำแหน่งปีกซ้าย โดยตลอด 5 ฤดูกาลกับโมนาโก ดาวยิงรายนี้ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการลงสนามไป 141 นัดยิงไป 28 ประตูรวมทุกรายการ

ประเดิม UCL หรู จนได้ย้ายทีม

โดยเฉพาะเกมประเดิมสนามในถ้วยยูฟา แชมเปียนส์ ลีก นัดแรกของ เธียร์รี อองรี ในวัย 20 ปี แจ้งเกิดอย่างสวยงามด้วยการยิง 2 จ่าย 2 ช่วยให้ โมนาโก เปิดบ้านถล่ม เลเวอร์คูเซ่น 4-0 ในรอบแบ่งกลุ่ม เมื่อฤดูกาล 1997-98 ฤดูกาลนั้น อองรี ซัดในแชมเปียนส์ ลีก ได้ทั้งหมด 7 ลูก เป็นรองแค่ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ที่ยิงไป 10 ประตู และพา โมนาโก ไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ

จนกระทั่งช่วงต้นปี 1999 โอกาสครั้งสำคัญของ อองรี ก็มาถึงเมื่อ ยูเวนตุส ตัดสินใจทุ่มเงิน 10.5 ล้านปอนด์เพื่อคว้าตัว อองรี ไปอาละวาด ในถิ่น เดลเล่ อัลปิ นอกจากนี้ยังเป็นการย้ายตามเพื่อนซี้อย่าง ดาวิด เทรเซเก้ส์ ที่ย้ายไปสวมเสื้อ ม้าลาย นำร่องไปก่อนหน้านั้น

อย่างไรก็ตาม อองรี ไม่สามารถปรับตัวได้ โดยเฉพาะกับตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งซ้าย รวมไปถึงปีกซ้าย นั่นจึงทำให้โอกาสลงสนามของเจ้าตัวลดลงไปเรื่อยๆ ซึ่ง อองรี ก็อยู่กับ ยูเว่ ได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น ก่อนจะย้ายไปผจญความท้าทายใหม่กับ อาร์เซน่อล ด้วยราคาค่าตัวราว 11 ล้านปอนด์ ซึ่งการย้ายทีมครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานกองหน้าจอมลีลาชาวฝรั่งเศส ที่ได้รับเกียรติจากสโมสร ด้วยการสร้างอนุสาวรีย์ของเขาเอาไว้ที่สนาม เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม รังเหย้าของทัพ ปืนใหญ่ ในปัจจุบัน

เลียแผลใจกับทัพ ปืนใหญ่ อาร์เซน่อล

อองรี กลายเป็นกองหน้าที่อุดมสมบูรณ์และเป็นกองหน้าตลอดกาลของ อาร์เซนอล ทุกครั้งที่ อองรี ได้บอลเขามักจะสร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟนๆได้อยู่เสมอ ในทางกลับกันความมหัศจรรย์ของ อองรี นับเป็นเรื่องที่น่าปวดหัวสำหรับเหล่าบรรดากองหลังไม่น้อย

อองรี ถือเป็นกองหน้าที่ครบเครื่องมีสเต็ปการเลี้ยงกินตัวที่โดดเด่นและมีลีลาการจบสกอร์ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว อองรี คือเจ้าของสถิติผู้ทำประตูสูงสุดของ ปืนใหญ่ ด้วยจำนวน 228 ประตูรวมทุกรายการ จากผลงานดังกล่าวทำให้ อองรี ได้รับรางวัลรองเท้าทองคำในพรีเมียร์ลีกเป็นประวัติการณ์ถึง 4 ครั้ง คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ 2 ครั้ง รวมถีงแชมป์พรีเมียร์ลีก อีก 2 สมัยด้วย

โดยในฤดูกาล 2003-04 นับเป็นฤดูกาลที่พีคที่สุด ของกองหน้าแดนน้ำหอม จากการที่เจ้าตัวตะบันไปถึง 39 ประตูรวมทุกรายการ พร้อมกับพา อาร์เซน่อล คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองในเวอร์ชั่นไม่แพ้ใครตลอดฤดูกาล และยังเป็นนักเตะคนเดียวในพรีเมียร์ลีกที่ทั้งยิงและแอสซิสต์เกินอย่างละ 20 ประตูในฤดูกาลเดียว

ยิงให้โลกรู้จัก ซีซั่น 2003-04 ปีทอง อองรี

โดยในปีนั้น อองรี ได้ตำแหน่งรองชนะเลิศ ทั้งรางวัลบัลลงดอร์ ในปี 2003 และนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของ ฟีฟ่า ในขณะที่ปี 2004 อองรี ก็ได้รับเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของ PFA และ ได้รับการเสนอชื่อให้อยู่ในทีมยอดเยี่ยมของ PFA ถึง 6 ซีซั่นติดต่อกัน รวมถึฝได้รับการเสนอชื่อโดย เปเล่ ให้อยู่ในรายชื่อผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่ใน FIFA 100 ด้วย

เท่านั้นยังไม่พอ อองรี ยังมีชื่อติดอยู่ในทีมยอดเยี่ยมใน FIFA FIFPro World XI 1 ครั้ง และทีมยอดเยี่ยม Best 11 ของ ยูฟ่า อีกถึง 5 ครั้ง โดยหลังผ่านจุดพีคกับปรากฏการณ์ที่เจ้าตัวสร้างเอาไว้ 2 ฤดูกาลสุดท้ายกับ อาร์เซนอล อองรี ได้รับเกียรติให้สงมปลอกแขน และยังนำทัพ ปืนใหญ่ เข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในปี 2006 แม้ว่าจะต้องอกหักจบเพียงแค่รองแชมป์ก็ตาม

เธียร์รี่ อองรี คือตำนานดาวเตะ 2 คนแรกร่วมกับ อลัน เชียเรอร์ ที่ถูกบรรจุชื่อในหอเกียรติยศของพรีเมียร์ลีก และเป็นคนที่ อลัน เชียเรอร์ บอกว่านี่คือคู่หูในฝันของเขาที่อยากแท็คทีมสร้างฝันร้ายให้กับเหล่าบรรดากองหลังด้วย แม้ว่าสุดท้ายมันจะไม่เกิดขึ้นก็ตาม

ชีวิตช่วงท้าย บั้นปลายการเล่นฟุตบอล

อองรี ย้ายไป บาร์เซโลน่า ในปี 2007 และในฤดูกาล 2008-09 ก็เป็นส่วนสำคัญของทริปเปิ้ลแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์ของสโมสร ด้วยการคว้าแชมป์ลาลีกา, โกปาเดลเรย์ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก โดยตลอด 3 ปีกับ เจ้าบุญทุ่ม อองรี ลงสนามไป 121 นัด มีส่วนร่วมกับประตู 76 ประตูที่เกิดขึ้น โดยแบ่งเป็นการยิง 49 ประตูกับอีก 27 แอสซิสต์

ปี 2010 ช่วงท้ายชีวิตการค้าแข้ง อองรี ย้ายไปอยู่กับนิวยอร์ก เร้ดบูลล์ส สโมสรในเมเจอร์ลีก ซอกเกอร์ สหรัฐอเมริกา (MLS) ก่อนจะกลับมาเซ็นสัญญากับ อาร์เซน่อล เป็นช่วงสั้นๆในปี 2012 ลงสนามไป 7 เกมยิงไป 2 ประตูรวมทุกรายการ และประกาศแขวนสตั๊ดในปี 2014

จากไอ้หนูวัย 20 สู่ตำนานทัพ ตราไก่

ขณะที่ผลงานของ อองรี กับทีมชาติฝรั่งเศส เจ้าตัว มีประสบการณ์ในทัพ ตราไก่ รุ่น U20 เพียงแค่ 5 เกมในปี 1997 ก่อนจะถูกเรียกตัวไปเทสต์กับทีมชาติชุดใหญ่ในเวลาต่อมา และเพียงเกมอุ่นเครื่อง อองรี ในวัย 20 ปีก็ทำผลงานได้อย่างประทับใจ จนทำให้ เอ็มเม่ ฌักเก้ต์ กุนซือทีมชาติฝรั่งเศส เรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ไปลุยศึกฟุตบอลโลก ฟร้องซ์ 98 ในบ้านเกิดของตัวเอง

และเพียงเกมเปิดสนาม ฟร้องซ์ 98 อองรี ก็สามารถจารึกชื่อตัวเองบนสกอร์บอร์ด ณ สต๊าด เวโลโดรม ได้สำเร็จ ด้วยการยิงประตูปิดท้าย ในเกมที่ทีมชาติฝรั่งเศส เอาชนะ ทีมชาติแอฟริกาใต้ 3-0 และถือ เป็นส่วนสำคัญของทีมในการคว้าแชมป์โลกต่อหน้าประชากรของตัวเองด้วย

หลังคว้าแชมป์โลก อองรี กลายเป็นกำลังของทีมชาติฝรั่งเศสมาอย่างต่อเนื่อง เข้าร่วมทัวร์นาเม้นต์ระดับเมเจอร์มากมายไม่ว่าจะเป็นศึกยูโร 2000 ที่จบด้วยรองแชมป์ และฟุตบอลโลก 2002 ที่ตกรอบแรก รวมไปถึงยูโร 2004 ที่ไปได้แค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย

ขณะที่ ศึกยูโร 2008 และศึกฟุตบอลโลกที่แอฟริกาใต้ ในปี 2010 อองรี กลายสภาพเป็นแข้งตัวเก๋าใช้ประสบการณ์ประคองรุ่นน้อง ซึ่งนั่นนับเป็น ทัวร์นาม้นต์ระดับเมเจอร์ ครั้งสุดท้ายของดาวยิงเจ้าของสถิติผู้ทำประตูสูงสุดของทัพ ตราไก่ จนถึงเดือนธันวาคม 2022 หลังจากลงสนามไป 123 นัด และทำได้ 51 ประตู

ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด “ยังไม่ได้ไปไหน”

ชีวิตหลังแขวนสตั๊ด อองรี ยังคงวนเวียนอยู่ในวงการฟุตบอลในหลากหลายบทบาท ทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ประกาศข่าวกีฬา ส่วนงานด้านโค้ช อองรี เริ่มต้นเป็นโค้ชทีมเยาวชนของ อาร์เซนอล ในเดือนกุมภาพันธ์ 2015 ควบคู่ไปกับการวิเคราะห์เกมทางสถานีโทรทัศน์ สกาย สปอร์ต

ปี 2016 อองรี ชิมลางกับการ เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนของทีมชาติเบลเยียม โดยรับบทเป็นทีมงานของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ก่อนที่ปี 2018 อองรี จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าโค้ชที่ โมนาโก แต่กลับทำผลงานน่าผิดหวังจนถูกสโมสรประกาศแยกทาง

หลังจากนั้น อองรี ก็ออกไปหาความท้าทายใหม่ด้วยการคุมทีม มอนทรีออล อิมแพ็ค ในสหรัฐอเมริกา และลาออกเมื่อปี 2021 เพื่อกลับมารับหน้าที่ผู้ช่วยโค้ชของทีมชาติเบลเยียมเป็นคำรบที่ 2 โดยปัจจุบัน อองรี รับได้รับการแต่งตั้งจากสมาคมฟุตบอลฝรั่งเศสให้เป็น ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีและรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี

อนุสาวรีย์ เธียร์รี่ อองรี ณ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม

ด้วยฝีเท้า ผลงาน และประวัติส่วนตัวที่ไร้เรื่องด่างพร้อย นั่นจึงไม่แปลกที่ อองรี จะได้รับการโหวตเป็นผู้เล่นพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ที่ดีที่สุดตลอดกาล จากการลงคะแนนของแฟนๆกว่า 1000 คน

อองรี ตำนานดาวยิงแห่ง อาร์เซนอล ได้รับคะแนนโหวตไปถึง 15% มากที่สุดของผลสำรวจ ขณะที่อันดับ 2 คือ คริสเตียโน โรนัลโด้ อดีตซูเปอร์สตาร์ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่วนอันดับ 3 เป็น อลัน เชียร์เรอร์ เพชฌฆาตตลอดกาลจาก นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด

ซึ่งผลงานความยิ่งใหญ่ของ อองรี ไม่ว่าจะเป็นเกียรติประวัติ และผลงานส่วนตัวมากมายที่เกิดขึ้น นั่นจึงทำให้สโมสร อาร์เซน่อล ตัดสินใจสร้างรูปปั้นของฮีโร่ของเหล่า เดอะ กันเนอร์ส ไว้ที่หน้าสนาม เอมิเรตส์ สเตเดียม เพื่อเป็นการสดุดี และลำรึกความทรงจำว่าครั้งหนึ่งกองหน้าชาวฝรั่งเศสที่มีนามว่า เธียร์รี่ อองรี เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เคยเป็นลมหายใจของทัพ ปืนใหญ่ มาแล้ว

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค