เรียกได้ว่าอาการยังน่าเป็นห่วงอย่างยิ่งสำหรับสถานการณ์ของ เอริค เทน ฮาก กุนซือของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ ณ เวลานี้อุณหภูมิบนเก้าอี้ของเขากำลังร้อนระอุสุดๆ จากผลงานอันน่าผิดหวังในช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลที่เก็บได้เพียง 7 คะแนนจาก 6 นัดรั้งอยู่อันดับ 12 ตาราง

แถมเกมล่าสุดยังเกือบเอาตัวไม่รอด จากการบุกไปไล่ตามตีเสมอ เอฟซี ปอร์โต้ ช่วงท้ายเกม ในศึก ยูฟ่า ยูโรป้า ลีก จนเกิดกระแสข่าวลือเรื่องของการเปลี่ยนตัวกุนซือในรั้ว โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ซึ่งมีรายงานว่าบอร์ดบริหารของ ปีศาจแดง กำลังพิจารณาปลด เอริค เทน ฮาก ออกจากตำแหน่ง หากไม่สามารถพาทีมบุกเก็บชัยชนะเหนือ แอสตัน วิลล่า ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ สุดสัปดาห์นี้ ก่อนหน้านี้แม้ว่าบรรดาสื่อดังอย่าง บีบีซี และ เทเลกราฟ จะ รายงานตรงกันว่า บอร์ดบริหารของ ปีศาจแดง ยังคงสนัวสนุน เทน ฮาก ต่อไป

แต่ อีเอสพีเอ็น กลับระบุว่า แมนฯ ยูไนเต็ด พร้อมที่จะเลื่อนตำแหน่ง รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตกองหน้าขวัญใจสาวก เร้ด เดวิลส์ ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่มือขวาของ เทน ฮาก ขึ้นมารับหน้าที่ผู้จัดการทีมชั่วคราว หาก เทน ฮาก ถูกปลดจริงในอนาคต แต่ก็คาดว่าคงไม่ใช่ในเร็วๆนี้

รุด จ่อเสียบแทนถ้า เทน ฮาก โดนปลด

ซึ่งกระแสข่าวดังกล่าวถูกกระพือและใส่เชื้อโดย มาร์ติน คีโอว์น ตำนานกองหลัง อาร์เซนอล และเคยเป็นคู่อริในสนามกับ รุด ฟาน นิสเตลรอย โดย คีโอว์น ตั้งข้อสงสัยในตัว รุด เกี่ยวกับผลงานในการเป็นผู้ช่วย เทน ฮาก ว่า

“ผมมองไปที่ รุด ฟาน นิสเตลรอย และสงสัยว่าเขาได้ช่วยเหลือผู้จัดการทีมที่เป็นคนบ้านเดียวกันแล้วหรือยัง บอกตามตรง เอริก เทน ฮาก เหมือนดูโดดเดี่ยวที่ข้างสนาม เขานั่งหรือยืนโดยแทบจะไม่คุยกับใคร อย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา จะปรึกษากับผู้ช่วยที่ข้างสนามตลอด ทำให้ผมรู้สึกว่ามันอาจจะมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น บางทีเขาอาจขึ้นมาคุมทีมแทนก็ได้”

สำหรับ รุด ฟาน นิสเตลรอย เกิดที่เมืองออสทางตอนใต้ของ เนเธอร์แลนด์ โดยเริ่มอาชีพในวงการฟุตบอลเมื่อปี 1993 กับ เอฟซี เดน บอสช์ ในบทบาทมิดฟิลด์ตัวรุก หรือ ตำแหน่งหมายเลข 10 หลังจากเก็บเลเวลกับ เดน บอสช์ เป็นเวลา 4 ปี ในปี 1997 รุด ย้ายเล่นให้กับ ฮีเรนวีน ในดิวิชั่น 1 ของแดนกังหันลม

ซึ่งที่นั่นเป็นสโมสรที่ผลักดันเขาขึ้นไปรับบทบาทกองหน้าอย่างจริงๆจังๆ โดย รุด มีไอดอลในการเล่นฟุตบอลก็คือรุ่นพี่ทีมชาติฮอลแลนด์อย่าง เดนนิส เบิร์กแคมป์ โดย รุด เคยเปิดเผยว่าตัวเองได้เรียนรู้และซึมซับวิธีการเล่น รวมทั้งรายละเอียดต่างๆทุกการเคลื่อนไหวของ ดิ ไอซ์แมน จนกลายเป็นดาวยิงแห่งลีกแดนกังหันลม จากการลงสนาม 30 เกม ยิงไป 13 ประตู ในฤดูกาลแรก และฤดูกาลเดียวของเขากับ ฮีเรนวีน

จอมเบิกสกอร์ตัวพ่อ แห่งลีกแดนกังหันลม

ฤดูกาล 1998-99 จากผลงานอันโดดเด่นในการจบสกอร์ของ รุด ทำให้เจ้าตัวได้เซ็นสัญญากับ พีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น ด้วยค่าตัว 4.2 ล้านปอนด์ ถือเป็นสถิติสูงสุดของฮอลแลนด์ ณ เวลานั้น ซึ่ง รุด ก็ตอบแทนความไว้วางใจด้วยการยิงประตูได้ในนัดแรกที่ลงสนาม ที่พบกับทีมเก่าอย่าง ฮีเรนวีน ซึ่งในปีเดียวกันกองหน้าจากออสก็ถูก กุดส์ ฮิดดิงก์ เรียกตัวตัวทีมชาติฮอลแลนด์ชุดใหญ่เป็นครั้งแรกด้วย และได้ลงประเดิมในนามทีมชาติเกมแรก ในเกมอุ่นเครื่องที่ทัพ อัศวินสีส้ม เสมอ ทีมชาติเยอรมัน 1-1

ปี 1999 รุด กลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของแดนกังหันลมจากการกระหน่ำไปถึง 31 ประตู และได้รับตำแหน่งนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งปีของฮอลแลนด์ ด้วย โดย รุด ยิงไปถึง 77 ประตูจากการลงสนาม 90 เกมรวมทุกรายการจาก 3 ซีซั่นที่อยู่กับ พีเอสวี จนดูเหมือนว่าลีกแดนกังหันลมจะเล็กเกินไปสำหรับกองหน้ารายนี้

จนกระทั่งเดือน เมษายน ปี 2001 รุด ฟาน นิสเติลรอย ปฏิเสธการย้ายไปเล่นให้กับ เรอัล มาดริด ก่อนจะย้ายมาเซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 19 ล้านปอนด์ โดยหลังจากที่ รุด กลายร่างเป็น ปีศาจแดง เจ้าตัวก็เริ่มคายพิษสงตอบแทนความไว้วางใจของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ด้วยการยิงประตูได้ในนัดแรกที่ลงสนามให้กับทีมในศึก แชร์ริตี้ ชิลด์

แถมยังยิงถล่มทลายในลีก โดยซีซั่นของ รุด กับ ปีศาจแดง ถือว่าสอบผ่านอย่างสวยงาม จากการยิงไป 36 ประตู พร้อมผงาดคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของสมาคมนักเตะอาชีพอังกฤษ หรือ พีเอฟเอ มาครองได้ด้วย แม้ว่าฤดูกาลนั้นต้นสังกัด อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะไม่สามารถคว้าถ้วยแชมป์ใดๆได้เลยก็ตาม

ฝันที่เป็นจริง แชมป์พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ยู

ในฤดูกาล 2002-03 รุด ยังคงรักษาฟอร์มการถล่มประตูได้อย่างยอดเยี่ยม ยิงประตูช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาครองได้สำเร็จ แถมยังทำลายสถิติพังประตูในฟุตบอลถ้วยยุโรปให้กับต้นสังกัดในฤดูกาลเดียวกันด้วย โดยในซีซั่นนั้น รุด ตะบันไปถึง 44 ประตูจากการลงสนาม 52 นัดรวมทุกรายการ เป็นผู้เล่นที่ เฟอร์กี้ และแฟนๆ ปีศาจแดง ขาดไม่ได้ จนถึงขนาดที่มีคนพูดว่า หาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่มี รุด ก็คงไม่ได้แชมป์ พรีเมียร์ชิพ ปี 2002-03 อย่างแน่นอน

รุด  อยู่กับ ผีแดง 5 ปี คว้าแชมป์อย่างละรายการกับทีม ซึ่งมีเหตุการณ์ๆหนึ่ง ที่เป็นตัวชี้ชะตาเส้นทางของรุด และ เซอร์อเล็กซ์ นั่นคือ การไม่ส่ง รุด ลงเล่น ในศึกบอลถ้วยลีกคัพ แม้แต่วินาทีเดียว ซึ่งทีม แมนยู ถล่มวีแกนไป 4-0 หลังจากปิดฤดูกาลมาไม่นาน รุด ก็ย้ายออกจากทีมแบบจบไม่สวยสักเท่าไหร่ และก็เป็น เรอัล มาดริด มหาอำนาจลูกหนังแห่งเวทีลา ลีกา สเปน ที่คว้า รุด ไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 18 ล้านยูโร พร้อมสัญญา 3 ปี โดย 2 ฤดูกาลแรกกับ ราชันชุดขาว รุด โชว์ฟอร์มซัดไป 41 ลูกจาก 61 นัด

ซึ่งเป็นตัวหลักในการพาทีมคว้าแชมป์ ลา ลีกา ไปได้ถึง 3 สมัยติดต่อกัน พร้อมคว้าตำแหน่งดาวซัลโว หลังจบฤดูกาล รุด ต่อสัญญาในถิ่น ซานติาอโก้ เบร์นาเบว ไปจนถึง 2010 อย่างไรก็ตามในฤดูกาล 2008-09 รุด มีอาการบาดเจ็บบริเวณเข่าขวา และได้ลงทั้งสิ้น 12 นัดเท่านั้น แต่ก็ยังยิงไปถึง 10 ประตู

ยิ่งเล่นยิ่งเจ็บ เหตุผลหลักก่อนแขวนสตั๊ด

จนกระทั่งฤดูกาล 2009-10 เรอัล มาดริด ภายใต้นโยบาย กาลาคติกอส ของประธานคนใหม่ ณ ตอนนั้นอย่าง ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ที่นำเข้ากองหน้าคู่บุญอย่าง คาริม เบนเซม่า ทำให้ รุด ต้องหลุดไปนั่งเป็นตัวสำรองและย้ายไปอยู่กับ ฮัมบวร์ก เป็นช่วงสั้นๆด้วยสัญญา 18 เดือนยิงไปถึง 17 ประตู จากการลงสนาม 44 เกม ก่อนกลับไปเล่นในลา ลีกา อีกครั้งกับ มาลาก้า ในฤดูกาล 2011-12

อย่างไรก็ตามด้วยอาการบาดเจ็บที่คอยตามหลอกหลอนกองหน้ารายนี้ จึงทำให้เจ้าตัวได้ลงรับใช้ทีมแห่งแคว้นอันดาลูเซียไปเพียงฤดูกาลเดียว ลงสนามไป 32 นัดยิงไป 5 ประตู ก่อนประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการด้วยวัย 36 ปี

รุด เริ่มผันตัวมาทำงานในสายโค้ชตั้งแต่ปี 2014 ในบทบาทผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติเนเธอร์แลนด์ ในช่วงปี 2014-16 จากนั้นก็ผันตัวมาเป็นโค้ชกองหน้าและโค้ชทีมเยาวชนของ พีเอสวี ไอน์โฮเฟน ตั้งแต่ชุด U18, U19 และ U21 ในช่วงระหว่างปี 2016-2022 จนในที่สุด รุด ก็สามารถก้าวขึ้นมาเป็นโค้ชทีมชุดใหญ่ของ พีเอสวี

แถมยังพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของเนเธอร์แลนด์ และแชมป์ ดัตช์ ซูเปอร์ คัพ ในฤดูกาล 2022-23 มาครองเป็นโทรฟี่สุดท้าย ก่อนลาออกจากสโมสรและเดินทางกลับถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในฐานะผู้ช่วยของ เอริก เทน ฮาก ในซีซั่นนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้มีหลายทีมที่สนใจดึงตัว รุด ไปคุมทีมไม่ว่าจะเป็น เบิร์นลีย์ ที่อยากได้ตัวไปแทน แว็งซ็อง ก็อมปานี ที่ย้ายไปคุม บาเยิร์น มิวนิค รวมไปถึง คลับ บรูจจ์

และอีกมากมาย แต่สุดท้าย นิสเตลรอย ก็ปฏิเสธและกลับมารับงานใน โรงละครแห่งความฝัน ในที่สุด

กลับโรงละครแห่งความฝัน กับบทบาทมือขวา เทน ฮาก

โดยจากการเข้ามาบริหารงานของเซอร์จิม แรทคลิฟฟ์ ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงมากมายให้กับ แมน ยูไนเต็ด เริ่มจากการดึงทีมฝ่ายบริหารฟุตบอลระดับหัวกะทิของวงการทั้ง แดน แอชเวิร์ธ โอมาร์ บาร์ราดา และ เจสัน วิลค็อก เข้ามาระดมสมอง ก่อนจะจัดการเรื่องทีมโค้ชให้ชัดเจน

โดยพวกเขาเริ่มจากการตัดสินใจขยายสัญญาของ เอริก เทน ฮาก ก่อนจะไปทาบทาม รุด ฟาน นิสเตลรอย เข้ามาเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับ เทน ฮาก แน่นอนว่าการเข้ามาของรุด ฟาน นิสเตลรอย น่าจะช่วยเค้นประสิทธิภาพของ ราสมุส ฮอยลุนด์ และ โจชัว เซิร์กซี 2 กองหน้าตัวเป้าของทีมที่ยังต้องขัดเกลาอีกสักระยะ

เพราะ รุด เองก็ได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์หน้าตัวเป้าขนานแท้ ที่ช่ำชองในเรื่องการจบสกอร์และเป็นหนึ่งในกองหน้าตัวจบที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร จากการจารึกสถิติยิง 150 ประตู จาก 219 นัด รวมทุกรายการตลอดเวลา 5 ปีในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ว่าที่กุนซือ ปีศาจแดง คนต่อไป ?

ซึ่งจากประสบการณ์การคุมทีม พีเอสวี คว้าแชมป์ 2 รายการ นอกจากที่ รุด จะสามารถช่วยยกระดับกองหน้าของทีมแล้ว รุด ยังสามารถช่วย เทน ฮาก ได้มาก โดยเฉพาะในสนามซ้อมที่ต้องการประสบการณ์ของอดีตดาวยิง ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน เข้ามาช่วย

324 คือจำนวนประตู ตลอดชีวิตการค้าแข้งของ รุด ฟาน นิสเติลรอย ที่เจ้าตัวคว้าถ้วยรางวัลทั้งสิ้น 7 ครั้ง แบ่งเป็นแชมป์ลา ลีกา 2 สมัย แชมป์พรีเมียร์ลีก อีก 2 สมัย แชมป์เอฟเอ คัพ 1 สมัย และ แชมป์ โกปา เดล เรย์ อีก 2 สมัย ซึ่ง รุด คือผู้ที่ยิงประตูสูงสุดประจำฤดูกาลทั้งใน พรีเมียร์ลีก, ลา ลีกา และ ยูฟ่าแชมป์เปี้ยนส์ลีก ซึ่งแม้ว่าชีวิตนอกฟุตบอลของ รุด จะสิ้นสุดลงด้วยอาการบาดเจ็บที่รุมเร้า

แต่เส้นทางลูกหนังของ รุด ยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ เพราะ รุด ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองเช่นกันกับงานด้านโค้ช แถมโอกาสและเวลามันก็น่าจะเหมาะสม หาก เอริค เทน ฮาก ถูกปลดขึ้นมาจริงๆ ก็คงไม่มีใครน่าสนใจมากไปกว่าอดีตตำนาน ปีศาจแดง อย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย อีกแล้ว

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันจากต่างประเทศ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง บาเยิร์น มิวนิค