เดินทางมาถึงสัปดาห์ที่ 3 กันแล้ว สำหรับศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ฤดูกาล 2024-25 โดยเกมการแข่งขันสุดสัปดาห์นี้ คงไม่มีเกมไหนน่าสนใจไปกว่าศึก แดงเดือด ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เอริค เทน ฮาก จะเปิดรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด รับการมาเยือนของ ลิเวอร์พูล ที่มี อาร์เน่อ สล็อต คุมทีม ในวันอาทิตย์ที่ 1 กันยายนนี้
ดังนั้นเพื่อเป็นการโหมโรงก่อนเกมที่ โรงละครแห่งความฝัน เราจะขอย้อนเวลาไปรำลึกเหตุการณ์ต่างๆกับ 5 เกมสุดมันส์ในความทรงจำของศึก Red War มาดูกันว่า หากย้อนเวลากลับไปตั้งแต่สมัยยุค 90 ต่อเนื่องจนถึงยุค 2000 เป็นต้นมา มีเกมแดงเดือดเกมไหนบ้างที่ยิงประตูกันแบบสุดระห่ำในเวอร์ชั่นที่ไม่ได้ไล่ยิง ไล่ยำ อยู่ข้างเดียว และมีเรื่องราวอะไรบ้างที่ถูกพูดถึงมาจนถึงทุกวันนี้
ลิเวอร์พูล 1-3 แมนฯ ยูไนเต็ด เมษายน 1997
ศึกแดงเดือดฤดูกาล 1996-97 เป็นเกมที่จ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องบุกไปเยือนรัง แอนฟิลด์ ของ ลิเวอร์พูล ของ รอย อีแวนส์ ที่มีแต้มน้อยกว่า 2 แต้ม และลงแข่งมากกว่า 1 นัด นั่นทำให้เกมนี้สำคัญมากกับทั้งสองทีม เพราะผู้ชนะมีสิทธิ์ไปถึงแชมป์พรีเมียร์ลีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหาก ปีศาจแดง ชนะก็จะเป็นการการันตีแชมป์ลีกสูงสุด ต่อหน้าเหล่าบรรดาสาวก เดอะ ค็อป ทันที
สำหรับ หงส์แดง ในตอนนั้น นำโดยแข้งชั้นนำอย่าง สตีฟ แม็คมานามาน ,เจมี่ เร้ดแน็ปป์ ,เจสัน แม็คเอเทียร์ ,ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ,ไมเคิ่ล โอเว่น ,เจมี่ คาราเกอร์ และ เดวิด เจมส์ ฯลฯ ขณะที่ แมนฯ ยู ยังใช้แกนหลักจาก คลาส ออฟ 92 ที่มีเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน คุมทัพ นำโดย รอย คีน ,พอล สโคลส์ ,เดวิด เบ็คแฮม ,แกรี่ เนวิลส์ ,ไรอัน กิ๊กส์ ,แอนดี้ โคล ,เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม
เกมดังกล่าว ยูไนเต็ด ออกนำไปก่อนลูกโขกของ แกรี่ พัลลิสเตอร์ แต่ หงส์แดง ก็ตามตีเสมอจาก จอห์น บาร์นส์ อย่างไรก็ตาม แกรี่ พัลลิสเตอร์ ก็โขกตุงตาข่ายก่อนหมดครึ่งแรก 2 นาที โดยนับเป็นประตูที่ 2 ของเจ้าตัว และนับเป็นแอสซิสต์ที่ 2 ของ เดวิด เบ็คแฮม ด้วย
เท่านั้นยังไม่พอเพราะประตูที่ 3 ที่ แมนฯ ยู ยิงปิดกล่อง ถือเป็นความผิดพลาดแบบไม่น่าให้อภัยและยังติดตาแฟนๆมาจนถึงทุกวันนี้จากการที่ เดวิด เจมส์ ผู้รักษาประตู หงส์แดง ออกมาตัดลูกเปิดของ แกรี่ เนวิลล์ พลาดจนทำให้ แอนดี้ โคล ได้ยิงง่ายๆเข้าไป จบเกม ปีศาจแดง บุกชนะ หงส์แดง 3-1 ก่อนลงเอยด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก สมัยที่ 4 จาก 5 ปี โดยทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง นิวคาสเซิ่ล อาร์เซน่อล และ ลิเวอร์พูล 7 แต้ม ในฤดูกาลนั้น
ลิเวอร์พูล 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด ธันวาคม 2002
ศึกแดงเดือด เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ณ สนาม แอนฟิลด์ เชราร์ อุลลิเยร์ กุนซือ ลิเวอร์พูล พาทีมดวลกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ปี 2002 โดยแกนหลักของ หงส์แดง ชุดนั้นประกอบไปด้วย เจอร์ซี่ ดูเด็ค ,สเตฟาน อองโชซ์ ,ซามี่ ฮูเปีย ,ยอร์น อาร์เน รีเซ่ ,เจมี่ คาราเกอร์ ,แดนนี่ เมอร์ฟี่ย์ ,วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ ,มิลาน บาร์รอส ,เอมิล เฮสกี รวมไปถึง สตีเว่น เจอร์ราร์ด
ขณะที่ ปีศาจแดง นำทีมโดย ฟาเบียน บาร์เตซ ,เวส บราวน์ ,แกรี่ เนวิลส์ ,พอล สโคลส์ ,ไรอัน กิ๊กส์ ,โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ,ดีเอโก้ ฟอร์ลัน และ รุด ฟาน นิสเติลรอย โดยเกมวันนั้นช่วง 45 นาทีแรกยังไม่มีสกอร์เกิดขึ้น แต่เมื่อเริ่มครึ่งหลังก็เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญ ในนาทีที่ 65 เมื่อ เจอร์ซี่ ดูเด็ค นายด่านโปแลนด์ ดันมาก่อความผิดพลาดแบบน่าเขกกะโหลก เมื่อรับลูกโหม่งคืนหลังของ เจมี คาร์ราเกอร์ หลุดมือไปเข้าทาง ดีเอโก้ ฟอร์ลัน ที่ตามไปยิงเผาขนง่ายๆเข้าไป
ซึ่งประตูดังกล่าวช่วยเรียกความมั่นใจให้กับ ฟอร์ลัน ได้มากโขเลยทีเดียว เพราะหลังจากนั้นไม่กี่อึดใจเจ้าตัวก็ตะบันประตูที่ 2 ใส่ ลิเวอร์พูล ก่อนพา ปีศาจแดง บุกพิชิต หงส์แดง ได้ถึงถิ่น แอนฟิลด์ 2-1 พร้อมกับโมโม้นต์ความผิดพลาดของ เจอร์ซี่ ดูเด็ค ที่กลายเป็น 1 ในความผิดพลาดครั้งประวัติศาสตร์ของศึกแดงเดือดไปโดยปริยาย แถมยังทำให้ศูนย์หน้าอุรุกวัยกลายเป็นที่จดจำของแฟน เร้ด เดวิลส์ ในฐานะผู้เล่นที่เหมาคนเดียวทั้ง 2 ประตูภายในระยะเวลาไม่ถึง 3 นาทีในศึกแดงเดือดหนนั้น
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-4 ลิเวอร์พูล มีนาคม 2009
สงครามแดงเดือด ฤดูกาล 2008-09 ลิเวอร์พูล ภายใต้การนำทัพของ ราฟาเอล เบนิเตซ มีโปรแกรมต้องบุกไปเยือนรัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งฤดูกาลดังกล่าวเป็นซีซั่นที่ หงส์แดง เข้าใกล้แชมป์พรีเมียร์ลีก มากที่สุด ก่อนจะมาทำสำเร็จในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ สำหรับทีมของ เอล ราฟา ณ ตอนนั้น เต็มไปด้วยแข้งระดับคุณภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เปเป้ เรน่า ,เจมี คาร์ราเกอร์ ,มาร์ติน สเคอร์เทล ,ซามี่ ฮูเปีย ,ฟาบิโอ ออเลริโอ ,ฮาเวียร์ มาสเคราโน ,ลูคัส เลวา ,เดิร์ค เคาท์ ,สตีเวน เจอร์ราร์ด ,อัลเบิร์ต ริเอรา และพระเอกของเกมอย่าง เฟร์นันโด ตอร์เรส
ขณะที่ ปีศาจแดง ของ เฟอร์กี้ ใช้บริการ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ,ปาทริซ เอฟร่า ,ริโอ เฟอร์ดินาน ,เนมันย่า วิดิช ,คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ,ปาร์ค จี ซอง ,ไมเคิ่ล คาร์ริค ,เวยน์ รูนีย์ และ คาร์ลอส เตเบซ โดยเกมนี้เจ้าบ้านออกนำไปก่อน จาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้
แต่หลังจากนั้นก็เกิดจุดเปลี่ยนสำคัญ เมื่อ เนมันย่า วิดิช ปล่อยบอลให้ตกพื้น เปิดโอกาสให้ เฟร์นานโด ตอร์เรส ฉกบอลเข้าไปยิงผ่านมือ เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ เข้าไปเป็นประตูตีเสมอของ ลิเวอร์พูล หลังจากนั้น วิดิช ก็มาโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไปอีก แถมยังเป็นการโดนใบแดงในเกม แดงเดือด ถึง 3 ครั้งติดต่อกันระหว่างเดือนกันยายน ปี 2008 ถึงเดือนตุลาคม ปี 2009 ด้วย
หลังจากเหลือตัวผู้เล่นน้อยกว่า ก็กลายเป็น ลิเวอร์พูล ที่รัวยิงอีก 3 ประตูรวดจาก สตีเว่น เจอร์ราร์ด ฟาบิโอ ออเรลิโอ และ อันเดรีย ดอสเซน่า จากผลการแข่งขันดังกล่าว ทำให้เกมแดงเดือดหนนี้กลายเป็นหนึ่งในความพ่ายแพ้ที่ย่อยยับที่สุดคารัง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ครั้งหนึ่งของ แมนฯ ยูไนเต็ด เลยทีเดียว
แมนฯ ยูไนเต็ด 2-1 ลิเวอร์พูล กุมภาพันธ์ 2012
ศึก แดงเดือด ในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2012 ลิเวอร์พูล ที่มี เคนนี่ ดัลกลิช คุมทีม มีคิวเปิดรัง แอนฟิลด์ รับการมาเยือนของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเกมดังกล่าวมีประเด็นให้ติดตามความดราม่ากันอย่างต่อเนื่อง จากความบาดหมางกันของ หลุยส์ ซัวเรส กองหน้า หงส์แดง กับ ปาทริซ เอฟร่า แบ็คซ้าย ปีศาจแดง ที่มีเรื่องมีราวกันในรายการ เอฟเอ คัพ ในซีซั่นก่อนหน้านั้น จากกรณีที่ ซัวเรซ ถูกจับได้ว่าใช้คำพูดลักษณะเหยียดผิวใส่ปราการหลังเฟร้นช์แมน
ต่อมาหัวหอกอุรุกวัยถูก เอฟเอ สั่งลงโทษห้ามลงสนาม 8 เกมและปรับเงิน 40,000 ปอนด์ ซึ่งหลังจากที่ ซัวเรซ ชดใช้โทษแบนครบ เกมที่หลายคนจับตามองก็มาถึงกับศึกแดงเดือด ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด โดยหลายคนจับจ้องไปยังแอคชั่นของทั้ง ซัวเรซ และ เอฟร่า ที่ออกสตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงทั้งคู่
โดยก่อนเกม ซัวเรซ เปิดศึกก่อนด้วยการปฏิเสธการจับมือกับ เอฟร่า และเมื่อเข้าสู่เกมทุกครั้งที่ทั้งคู่เผชิญหน้ากัน จะต้องมีจังหวะเข้าปะทะกันแบบฮาร์ดคอร์ตลอด รวมถึงการยั่วยุเพื่อปั่นประสาทฝ่ายตรงข้าม ขณะที่ผลการแข่งขันเป็นทีมของ เฟอร์กี้ ที่เอาชนะ ลิเวอร์พูล 2-1
แต่เหตุการณ์ที่น่าจะแย่งซีนผลการแข่งขัน ก็น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ เอฟรา วิ่งตัดหน้า ซัวเรซ ราวกับจงใจ ตรงไปดีใจกับแฟนบอล เร้ด เดวิลส์ จนเกือบลุกลามบานปลายใหญ่โต และกลายเป็น 1 โมเม้นต์ในความทรงจำของศึก แดงเดือด ด้วย
ลิเวอร์พูล 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด มีนาคม 2015
เกมแดงเดือดที่น่าจะติดอยู่ในความทรงจำของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และเหล่าบรรดาแฟนบอล ลิเวอร์พูล ไม่น้อย เป็นเกมที่ แอนฟิลด์ เมื่อเดือนมีนาคม 2015 โดยฤดูกาลนั้น ถือเป็นซีซั่นสุดท้ายของ สตีวี จี ในสีเสื้อ หงส์แดง ก่อนที่ขวัญใจ เดอะ ค็อป จะย้ายไป แอลเอ กาแล็คซี ในศึกเมเจอร์ลีก สหรัฐอเมริกา ในช่วงซัมเมอร์
อย่างไรก็ตาม แดงเดือด หนสุดท้ายของ เจอร์ราร์ด กลับกลายเป็นวันที่ไม่น่าจดจำเอาเสียเลย หลังจากที่เจ้าตัวถูก เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ส่งลงสนามมาแทน จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ในช่วงครึ่งหลัง แต่กลับอยู่ในสนามเพียง 38 วินาทีเท่านั้น ก็ถูกผู้ตัดสิน มาร์ติน แอตกินสัน ควักใบแดงไล่ออกจากสนาม จากการไปเจตนาย่ำใส่ อันเดร์ เอร์เรรา มิดฟิลด์ แมนฯ ยูไนเต็ด ซึ่งใบแดงดังกล่าวส่งผลต่อรูปเกมของ หงส์แดง อย่างชัดเจนจนสุดท้ายพ่ายคารังต่อ ปีศาจแดง 0-2
นอกจากใบแดงของ เจอร์ราร์ด ที่โดนตอกย้ำรอยแผลในใจให้กับความผิดพลาดของตัวเอง เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบแล้ว เกมนี้ยังมีประตูในความทรงจำของเหล่าสาวก ปีศาจแดง ด้วย เมื่อ ฆวน มาต้า ผู้รับบทฮีโร่เหมา 2 ประตู โชว์การยิงประตูที่สวยที่สุดลูกหนึ่งของศึก แดงเดือด จากการกระโดดลอยตัววอลเลย์ ส่งบอลผ่านมือ ซิมงต์ มินโญเล่ต์ เสียบเสาสองเข้าไปอย่างสวยงามเป็นประตูที่ 2 ของเกม
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค
