หลังจบศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป 1996 หรือที่รู้จักกันดีในนามศึก ยูโร ที่ครั้งนั้น ประเทศอังกฤษได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน และเชื่อก่อนที่ทัวร์นาเม้นต์จะเริ่มต้นขึ้น คงไม่มีใครให้ความสนใจ ทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ภายใต้การคุมทีมของ ดูซาน อูห์ริน สักเท่าไหร่ ณ เวลานั้น

อย่างไรก็ตามสุดท้ายกลับกลายเป็นว่าผู้เล่นจากทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ชุด ยูโร 1996 ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หลังจบทัวร์นาเม้นต์ ที่พวกเขาไปได้ไกลถึงตำแหน่งรองแชมป์ยุโรปในปีนั้น โดยก่อนรายการจะเริ่มขึ้น มีนักเตะของสาธารณรัฐเช็กไม่น้อยกว่า 15 คนที่ค้าแข้งในบ้านเกิดของพวกเขา 7 โดยมีเพียง พาเวล เซอร์นิเช็ค เพียงคนเดียวที่เป็นสมาชิกของทีมในพรีเมียร์ลีก อังกฤษ อย่าง นิวคาสเซิ่ล

ยูโร 96 เวทีปล่อยของแข้งสาธารณรัฐเช็ก

จากผลงานของ สาธารณรัฐเช็ก ในยูโร 96 ส่งผลให้ผู้เล่นของพวกเขา 7 คนได้รับโอกาสย้ายไปในวาดลวดลายในทีมชั้นนำของยุโรป ก่อนฤดูกาล 1996-97 จะเริ่มต้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็น คาเรล โพลบอร์สกี้ ที่เซ็นสัญญากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

นอกจากนี้ยังมี แพทริก แบร์เกอร์ ที่สร้างชื่อให้กับ ลิเวอร์พูล ได้อย่างรวดเร็ว หลังจากย้ายจาก ดอร์ทมุนด์ ด้วยค่าตัว 3.25 ล้านปอนด์ ขณะที่ ราเด็ค เบจเบล กองกลางตัวรับก็ได้ย้ายไปเป็นกำลังสำคัญของ แอตเลติโก มาดริด ลงเล่นให้กับ ตราหมี เป็นเวลา 4 ฤดูกาล ส่วน วลาดิเมียร์ สมิเซอร์ ย้ายไปอยู่กับ อาร์ซี ล็องส์ และเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่คว้าแชมป์ลีกเอิงได้เป็นในปี 1998 ก่อนที่จะไปร่วมงานกับ แบร์เกอร์ ที่ แอนฟิลด์ กับ ลิเวอร์พูล

แต่สำหรับนักเตะที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ ถือเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จสูงสุดจากทีมชาติสาธารณรัฐเช็ก ชุดนั้น ถึงขั้นก้าวขึ้นไปคว้ารางวัล บัลลงดอร์ ได้อย่างยิ่งใหญ่ แน่นอนว่าแข้งที่เรากำลังพูดถึงนั่นก็คือ พาเวล เนดเวด มิดฟิลด์พลังไดนาโม ที่หลงรักการฝึกซ้อมเป็นชีวิตจิตใจ พร้อมทั้งประสบความสำเร็จมากมายกับเวที กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี กับทั้ง ลาซิโอ และ ยูเวนตุส

พาเวล เนดเวด เริ่มต้นเป็นเด็กฝึกหัดของ ดูคลา ปราก ก่อนจะเซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพในปี 1991 อย่างไรก็ตามฟอร์มของ เนดเวด ดันไปเตะตาแมวมองของ สปาร์ต้า ปราก ก่อนที่ทีมดังแห่งลีกเชกจะเซ็นสัญญาคว้าตัว เนดเวด ไปร่วมทีมในปีถัดมา โดยตลอด 4 ฤดูกาลกับ สปาร์ต้า ปราก เนดเวด พาต้นสังกัดคว้าแชมป์ลีก 3 สมัย

พา อินทรีฟ้า-ขาว ลาซิโอ ผงาดคว้า สคูเด็ตโต้

จากผลงานดังกล่าวประกอบกับฟอร์มการเล่นในศึก ยูโร 96 ทำให้หลังจบรายการในนามทีมชาติ ทำให้ ลาซิโอ ทีมยักษ์ใหญ่แห่งศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี คว้าตัวไปร่วมทีม โดยเป็นการย้ายมาโดยใช้คอนเนคชั่นของ ซเดเนค ซีแมน กุนซือชาวเช็ก ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชาติของ เนดเวด และแม้ว่า ซีแมน จะได้ร่วมงานกับ เนดเวด ไม่นานเนื่องจากถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่สำหรับศิษย์เอกของเขา กลายเป็นแกนหลักให้กับ ลาซิโอ และช่วยให้ทีมจบในอันดับ 4 ของตาราง ด้วยผลงาน 7 ประตูจาก 32 นัด

เนดเวด ช่วยให้ ลาซิโอ ในยุคนั้นแข็งแกร่งที่สุดในรอบหลาย 10 ปี เริ่มตั้งแต่คว้าแชมป์โคปปา อิตาเลีย ในฤดูกาล 1997-98 ต่อด้วยแชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ในซีซั่น 1998-99 ซึ่ง เนดเวด เป็นคนยิงประตูชัยดับเรอัล มายอร์ก้า 2-1 ด้วย นอกจากนี้ เนดเวด ยังพาลาซิโอคว้าดับเบิ้ลแชมป์ ทั้งเซเรีย อา และโคปปา อิตาเลียมาครองได้สำเร็จ ในฤดูกาล 1999-2000

อย่างไรก็ตาม ด้วยปัญหาการเงินของ ลาซิโอ ที่เสี่ยงล้มละลาย ทำให้ต้องขายนักเตะแถวหน้าของทีมออกไปแทบทั้งหมด เพื่อเปลี่ยนเป็นเงินมาช่วยกอบกู้สถานะของสโมสร ซึ่ง เนดเวด ก็อยู่ในลิสต์ดังกล่าวด้วย สุดท้ายกลายเป็น ยูเวนตุส ที่ทุ่มเงิน 41 ล้านยูโร คว้าตัว เนดเวด ไปร่วมทีมในปี 2001 โดยหวังนำไปแทนที่ ซีเนดิน ซีดาน ที่ย้ายไป เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัวสูงสุดเป็นสถิติโลก ณ ตอนนั้น

จุดสูงสุดเสก ม้าลาย ผงาดพร้อมฟาดบังลงดอร์

เนดเวด เล่นได้หลายตำแหน่ง ทั้งมิดฟิลด์ตัวรุก และปีกซ้าย และเพียงฤดูกาลแรกในสีเสื้อ เบียงโค่เนรี่ เนดเวด ก็สามารถพา ยูเวนตุส คว้าแชมป์ลีกได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยผลงานยิง 4 ประตูจาก 32 นัด โดย 2 ใน 4 ประตูคือประตูชัยในช่วงท้ายเกมในเกมพบกับ เวโรนา และ ปิอาเซนซา ที่ช่วยให้ทีมคว้า สคูเด็ตโต้ ในนัดสุดท้าย หลังจากนั้น เนดเวด ก็เดินหน้าซิวแชมป์อีกมากมายกับ ยูเว่ ไม่ว่าจะเป็นแชมป์ โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย และแชมป์คัพ วินเนอร์ส คัพในปี 1998-99

ในปี 2003 พาเวล เนดเวด ยังคงรักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม พา ยูเวนตุส ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก กับ เอซี มิลาน แต่น่าเสียดายที่ในรอบชิงดำ เนดเวด ติดโทษแบน พลาดโอกาสลงสนาม ขณะที่ ยูเว่ ก็แพ้ดวลจุดโทษให้กับ เอซี มิลาน

อย่างไรก็ตามปีดังกล่าวยังถือเป็นปีทองของดาวเตะผมบลอนด์ เมื่อเจ้าตัวได้รับผลโหวตเป็นนักเตะผู้คว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของยุโรป หรือ ฟีฟ่า บัลลง ดอร์ นอกจากนี้ยังเป็นมิดฟิลด์ยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเม้นต์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก แถมยังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของศึก กัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี ด้วย

เนดเวด เป็นนักเตะที่เล่นบอลฉลาด เทคนิคดี และขยัน ทุ่มเท มีวินัย เล่นได้ดีทั้งในเกมรุกและเกมรับ และที่สำคัญยังสามารถยิงประตูได้ทั้งสองเท้า จนได้รับฉายาว่าเป็นกองกลางพลังไดนาโม และยังเป็นผู้นำในห้องแต่งตัวของทีม ที่คอยกระตุ้นให้เพื่อนร่วมทีมฮึดสู้อยู่เสมอทั้งในและนอกสนาม

จากแข้งผู้จงรักภักดี สู่รองประธานสโมสร

นอกจากนี้เขายังเป็นหนึ่งในสมาชิกสำคัญของ ยูเวนตุส ที่ต้องถูกริบแชมป์และปรับตกชั้นลงไปเล่นในเซเรียบี จากคดี กัลโชโปลี อันอื้อฉาวในซีซั่น 2005-06 ด้วย โดย ณ ตอนนั้น หลังทัพ ม้าลาย ถูกปรับตกชั้นเหล่าบรรดานักเตะแถวหน้าก็พากันย้ายทีมออกไปเพื่อเจออนาคตที่ดีกว่า

ขณะที่อนาคตของ เนดเวด เจ้าตัวประกาศขอร่วมหัวจมท้ายไปทัพ ม้าลาย ต่อไป พร้อมให้คำมั่นสัญญากับแฟนๆว่าจะพา ยูเว่ เลื่อนชั้นกลับมาให้ได้ แน่นอนว่า เนดเวด กลายเป็นขวัญใจอันดับต้นๆแฟนๆ เบียงโคเนรี่ และสุดท้ายเขาก็ช่วยให้ ยูเว่ คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย บี ตั้งแต่เนิ่นๆ และกลับสู่ กัล เซเรีย อาได้สำเร็จในฤดูกาลถัดมา

เนเวด ขึ้นชื่อเรื่องของการขยันซ้อม และเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เนเวด ใช้เวลาว่างฝึกซ้อมพิเศษด้วยตัวเองอยู่เสมอ เขาขึ้นชื่อในฐานะนักเตะที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และมักจะออกจากสนามเป็นคนท้ายๆเสมอ โดยเนดเวด ยอมรับ เขาจำเป็นต้องเสียสละอะไรมากมาย แต่เขาก็ไม่รู้สึกผิดที่ตัดสินใจเลือกเดินในเส้นทางนี้

ตำนานตลอดกาลแห่งทัพ ม้าลาย พาเวล เนดเวด

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าชีวิตการค้าแข้งของ เนดเวด อาจสั้นไปสักนิด จากการที่เจ้าตัวมีปัญหาบาดเจ็บรุมเร้าเรื้อรังติดตัวมาโดยตลอด และแม้ว่าเจ้าตัวจะกัดฟันต่อสัญญากับ ยูเว่ อีกปี ทำให้ฤดูกาล 2008-09 แต่สุดท้ายก็ฝืนสังขารไม่ไหวประกาศแขวนสตั๊ดหลังจบฤดูกาลนั้น ในวัย 37 ปี พร้อมกับได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นระดับตำนานของสโมสร

ปัจจุบัน แม้จะแขวนสตั๊ดมาตั้งแต่ปี 2009 แต่เขายังคงอยู่ในวงการฟุตบอล ด้วยการเป็นรองประธานสโมสร ยูเวนตุส หลังจากไต่เต้ามาตั้งแต่ตำแหน่งบอร์ดบริหาร จนได้รับการแต่งตั้งในตำแหน่งนี้ในปี 2015

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค