ปัจจุบันเรื่องราวแฟนชั่นกับการแข่งขันกีฬา คือสิ่งแยกออกจากกันแทบไม่ได้ ทุกการแข่งขันกีฬา มักเห็นแฟชั่นต่างๆ ที่มีวิวัฒนาการมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
นักฟุตบอลคนดังกับแฟชั่นทรงผม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งกาย ทั้งภายในและภายนอกสนามแข่งขัน รวมไปถึงแฟชั่นรอยสักที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งแฟชั่นอีกหนึ่งอย่างที่มีมาช้านานและยังคงกลายเป็นสีสันแทบทุกวงการกีฬานั่นก็คือ ทรงผมของนักกีฬา นั่นเอง
โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องทรงผม เดรดล็อค (Dreadlocks) นักฟุตบอลรายหนึ่งที่กลายเป็นไอคอนของทรงผมทรงนี้ในยุค 90 ต่อเนื่องถึง 2000 ซึ่งหลายคนน่าจะพอเดาออก นั่นก็คือ เฮนริค ลาร์สสัน อดีตกองหน้าระดับตำนานทีมชาติสวีเดน ที่นอกจากจะเป็นที่จดจำในเรื่องของฝีเท้าและการยิงประตูแล้ว ลาร์สสัน ยังถูกจดจำในฐานะไอ้หนุ่ม เดรดล็อค ผู้ไว้ทรงผมอันน่ารำคาญ แถมบางครั้งบางทีอาจน่ารำคาญใจสำหรับกองหลังฝ่ายตรงข้ามด้วย
โดนเหยียดตั้งแต่เด็ก เพราะพื้นเพผู้เป็นพ่อ
เฮนริค ลาร์สสัน เกิดเมื่อวันที่ 20 กันยายน 1971 ในเมืองเฮลซิงบอร์ก โย ฟรานซิสโก ดา โรชา พ่อของเขาอพยพมาจากหมู่เกาะแคปเวิร์ด ส่วนคุณแม่เอวาเป็นชาวสวีดิช นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม เฮนริค ลาร์สสัน ถึงมีสีผิวที่คล้ำกว่าชาวยุโรปโดยทั่วไป
“ผมเคยถูกเหยียดเชื้อชาติมาบ้างแล้ว เพราะตอนนั้นมันเป็นเรื่องผิดปกติที่จะมีเด็กผิวคล้ำที่โรงเรียน ผมเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่มีผิวคล้ำ”
โดยเมื่อ ลาร์สสัน อายุได้ 12 ปี พ่อแม่ของเขาก็แยกทางกัน ก่อนที่เขาจะตัดสินใจใช้นามสกุลของแม่ เพราะน่าจะทำให้ได้รับการยอมรับในสวีเดนได้ง่ายขึ้น ในขณะที่โลกของฟุตบอล คุณพ่อ ดา โรชา ซื้อลูกฟุตบอลให้ ลาร์สสัน เมื่อตอนอายุขวบครึ่ง
ก่อนที่ ลาร์สสัน จะพากันไปเตะฟุตบอลกับเพื่อนๆ ณ สนามใกล้ๆบ้าน ซึ่ง ลาร์สสัน ได้แรงบันดาลใจในการเล่นฟุตบอลจากการติดตามการถ่ายทอดสดฟุตบอลอังกฤษ นอกจากนี้พ่อและแม่ยังนำวีดีโอเรื่องราวประวัติของ เปเล่ มาให้ ลาร์สสัน ติดตามด้วย
จุดเริ่มต้นกองหน้าเดรดล็อค
ลาร์สสัน ในวัย 18 ปีและเริ่มที่จะทำทรงผม เดรดล็อค เพื่อเป็นการคิดถึงคุณพ่อของที่มีเชื้อชาติมาจากหมูเกาะเคปเวิร์ด และเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมในบ้านเกิดอย่าง โฮกาบอร์กส บีเค โดยกลายเป็นกำลังสำคัญของทีมจากการลงสนาม 64 นัดยิงไป 23 ประตู
ก่อนจะย้ายไปอยู่กับยักษใหญ่ในสวีเดนอย่าง เฮลซิงบอร์ก ในปี 1992 ด้วยวัยเพียง 21 ปี อย่างไรก็ตามเรื่องอายุ หาใช่ปัญหาของ ลาร์สสัน แถมชื่อของเจ้าตัวยังเริ่มดังไปไกลถึงต่างแดนแล้วจากตะบันไปถึง 51 ประตูจากการลงสนาม 56 เกม ในฤดูกาล 1992-93
หลังจากนั้นดูเหมือนว่าลีกสวีเดนจะเล็กเกินไปสำหรับดาวยิง เดรดล็อค รายนี้ โดนในปี 1993 ลาร์สสัน ย้ายไปผจญภัยในต่างแดนครั้งแรกกับ เฟเยนูร์ด ในลีกแดนกังหันลม ด้วยค่าตัว 295,000 ปอนด์ โดยในเวลาเดียวกัน ลาร์สสัน ก็ถูกเรียกตัวติดทีมชาติสวีเดนชุดใหญ่เป็นครั้งแรกด้วย หลังจากที่เคยผ่านการรับใช้ชาติในรุ่น U21 มาแล้ว
บ้านเกิดเล็กเกินไป กับการผจญภัยต่างแดน
ลาร์สสัน ค้าแข้งอยู่กับ เฟเยนูร์ด เป็นระยะเวลา 3 ฤดูกาล ลงสนาม 101 นัดยิงไป 26 ประตู และอยู่ในชุดคว้าแชมป์ฟุตบอลถ้วยแดนกังหันลม 2 ปีซ้อน ในฤดูกาล 1993-94 และ 1994-95 หลังจากนั้นในปี 1997 ลาร์สสัน แจ้งกับต้นสังกัดว่าต้องการย้ายออกจากสโมสร จนเกิดข้อพิพาททางกฎหมายเกี่ยวกับสัญญา
ซึ่ง ลาร์สสัน อ้างว่ามีเงื่อนไขปล่อยตัว หากมีทีมยื่นข้อเสนอไม่น้อยกว่า 600,000 ปอนด์เข้ามาและสุดท้าย ลาร์สสัน ก็ชนะคดีและได้เซ็นสัญญากับ กลาสโกว์ เซลติก ยักษ์ใหญ่แห่งศึก สกอตติช พรีเมียร์ลีก ด้วยค่าตัว 650,000 ปอนด์ ในเดือนกรกฎาคม ปี 1997
ฤดูกาลแรกกับทัพ ม้าลายเขียว-ขาว ลาร์สสัน รับบทเป็นกองหน้าเคียงข้าง ดาร์เรน แจ็คสัน, ไซมอน ดอนเนลลี และ ฮารัลด์ แบรตต์บัคก์ ท่ามกลางเสียงค่อนขอดเหยียดหยามว่า เซลติก ซื้อกองหน้ารายนี้มาร่วมทีมเพราะทรงผม เดรดล็อค อันเป็นที่สะดุดตา แต่ความจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะพวกเขาเพิ่งจะได้ว่าที่ดาวยิงระดับตำนานในแบบที่สโมสรไม่เคยมีมาก่อนมาร่วมทีม
โดย ลาร์สสัน พิสูจน์ให้ทุกคนเห็น พร้อมกับสยบเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องทรงผม ด้วยการยิงประตูเป็นว่าเล่น ซึ่งเพียงฤดูกาลแรกกับ เซลติก ก็ยิงไป 19 ประตูจาก 49 เกม คั่วตำแหน่งรองดาวซัลโวไปครอง พร้อมกับพา เซลติก ความแชมป์แดนขี้เมา หลังจากนั้นหัวหอกเดรดล็อคก็กลายเป็นกำลังสำคัญของ เซลติก มาโดยตลอด
ลาก่อน เดรดล็อค อันเป็นที่รัก
นอกจากฟอร์มการถล่มประตูประหนึ่งเครื่องจักรสังหารแล้ว ทรงผม เดรดล็อค ของ ลาร์สสัน ก็ถือเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าตัวทั้งในแง่บวกและแง่ลบด้วย ยกตัวอย่างเช่นเวลาที่ผู้เล่นล้อมวงกันดีใจ แต่สำหรับผู้เล่นบางรายกลับดูเหมือนไม่อยากเข้าใกล้แข้งรายนี้สักเท่าไหร่ โดยในเวลาต่อมาเราได้เห็นที่คาดผมของ ลาร์สสัน ที่กลายเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นที่ช่วยป้องกันไม่ให้เส้นผมมาบดบังการมองเห็นยามอยู่ในสนาม
อย่างไรก็ตามสุดท้ายความรำคาญก็ถือที่สิ้นสุด โดยในเดือนกันยายน ปี 2000 มีสตอรี่ที่น่าสนใจเกิดขึ้นเกี่ยวกับ เฮนริค ลาร์สสัน หลังจากที่กองหน้าสวีดิชรายนี้ ตัดสินใจครั้งใหญ่ ด้วยการตัดผม เดรดล็อค ของตัวเองที่ไว้มานานกว่า 10 ปีทิ้ง โดยมีการเปิดเผยข้อมูลจาก เอลเลน คอนลิน ช่างตัดผมหญิงที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งเต้านม โดยเธอเปิดร้านทำผม Hyndland และมีดาวเตะชื่อดังอย่าง นีล เลนนอน เข้ามาใช้บริการเป็นขาประจำ
เอลเลน กล่าวถึงวินาทีที่กองหน้าทีมชาติสวีเดน มาใช้บริการพร้อมออเดอร์ให้หั่น เดรดล็อค ของตัวเองทิ้ง
เขาพูดกับฉันว่า เอเลน พรุ่งนี้มีเกม และเขาไม่อยากให้เส้นผมเข้าตาตอนเล่นฟุตบอล ฉันจำได้ว่าเขาสวมหมวกแบบไม่มีปีก แต่น่าเสียดายที่มีนักข่าวคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ มันถูกรายงานทันที แถมตอนที่ ลาร์สสัน ออกจากร้าน ปาปารัสซี่ ก็รอเขาอยู่ข้างนอก”
“ลาร์สสัน เอาเดรดล็อกทั้งหมดไป แต่ทิ้งไว้ให้ฉันหนึ่งเส้น ซึ่งเราใส่กรอบและประมูลเพื่อการกุศลสำหรับเด็ก เขาเป็นนักฟุตบอลที่น่ารักมาก ถ่อมตัว ที่ตลกก็คือฉันเป็นแฟนของ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส”
กลายเป็นตำนานกองหน้า ม้าลายเขียว-ขาว
หลังจากเปลี่ยนทรงผม จนเหมือนคนใหม่ แต่ฟอร์มการถล่มประตูของ ลาร์สสัน ยังคงเป็นคนเดิม โดยเกมแรกที่ ลาร์สสัน ลงสนามโดยปราศจาก เดรดล็อค บนกบาลคือเกมลีกที่ เซลติก บุกไปตามตีเสมอ อเบอร์ดีน 1-1 ซึ่งฮีโร่ที่ช่วยให้ เซลติก รอดพ้นจากความพ่ายแพ้ ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน
นั่นคือ เฮนริค ลาร์สสัน ที่ยิงประตูเซฟชีวิตให้ทีมตีเสมอได้ในช่วงท้ายเกม แถมยังเป็นประตูที่เกิดขึ้นจากลูกโหม่ง จนถูกนำไปล้อว่านี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่หนังศรีษะของ ลาร์สสัน สัมผัสลูกฟุตบอลเลยทีเดียว
จบฤดูกาล 2000-01 ลาร์สสัน ตะบันไปถึง 35 ประตูจากการลงสนาม 37 นัดในลีก พาทีมคว้าแชมป์ลีกพร้อมคั่วตำแหน่งดาวซัลโวได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ย้ายมาค้าแข้งในถิ่น ปาร์ค เฮด ในขณะที่อีก 2 ฤดูกาลต่อมา ลาร์สสัน ก็ยังแรงไม่ตก พาทีมป้องกันแชมป์
พร้อมครองตำแหน่งดาวซัลโวอีก 2 สมัย เท่ากับว่า ลาร์สสัน คว้าตำแหน่งดาวซัลโวลีกแดนขี้เมา 3 ปีติดต่อกัน ด้วยการซัดไป 29 ลูกจากการลงสนาม 33 เกม ในฤดูกาล 2001-02 และยิง 30 ลูกจากการลงสนาม 37 เกมในฤดูกาล 2002-03
โดยตลอด 7 ฤดูกาลที่ ลาร์สสัน อยู่รับใช้ทัพ ม้าลายเขียว-ขาว ลงสนามไปทั้งสิ้น 313 นัดยิงไป 242 ประตู พร้อมกับคว้าแชมป์ สกอตติช พรีเมียร์ลีก มาครองได้ถึง 4 สมัย สกอตติช คัพ อีก 2 สมัย ,สกอตติช ลีก คัพ อีก 2 ครั้ง รวมทั้งได้รองแชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ เมื่อปี 2003 ด้วย
ซึ่งจากที่ ลาร์สสัน หมดสัญญากับ เซลติก เจ้าตัวก็ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลนา เป็นช่วงสั้น 2 ฤดูกาล แต่ก็ยังอุตส่าห์จารึกชื่อตัวเองอยู่ในทีมชุดแชมป์ลา ลีกา สเปน ของ เจ้าบุญทุ่ม ได้ถึง 2 สมัย ในฤดูกาล 2004-05 และ 2005-06 ที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ทั้ง ลา ลีกา และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลีก
ช่วงเวลาสุขสันต์ช่วงสั้นๆกับ ปีศาจแดง
ปี 2006 แม้ว่า ลาร์สสัน จะย้ายกลับไปเล่นกับทีมอู่ข้าวอู่น้ำอย่าง เฮลซิงบอร์ก แต่กลับมีข้อเสนอของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เข้ามาทำให้เจ้าตัวไม่สามารถข้อเสนอนี้ได้ แม้ว่าเป็นเพียงแค่สัญญายืมตัวระยะสั้นก็ตาม โดยระยะเวลา 10 สัปดาห์ที่ ลาร์สสัน ย้ายมาสวมเสื้อ ปีศาจแดง เจ้าตัวกลายเป็นที่ยอมรับอย่างรวดเร็ ด้วยความเป็นมืออาชีพที่เต็มเปี่ยม รวมไปถึงทัศนคติที่ยอดเยี่ยม จึงไม่แปลกที่เหล่าสาวก ปีศาจแดง จะต้องการให้สโมสรรั้ง ลาร์สสัน เอาไว้ในถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ณ เวลานั้น
ลาร์สสัน กล่าวถึงช่วงเวลาที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเจ้าตัวเคยย้ายมาเล่นด้วยสัญญายืมตัวระยะสั้น เมื่อฤดูกาล 2007 ว่า
“สิ่งเดียวที่ผมเสียใจตลอดอาชีพการค้าแข้ง คือ การไม่ได้อยู่ที่นั่นต่อจนจบฤดูกาล”
โดยครั้งนั้น ลาร์สสัน บันทึกสถิติไว้ที่ลงสนาม13 นัด ยิงไป 3 ประตู โดย ณ ตอนนั้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน พยายามโน้มน้าวทุกวิถีทางเพื่อให้ ลาร์สสัน อยู่กับทีมต่อ แต่ ลาร์สสัน ได้ให้สัญญากับครอบครัว และ เฮลซิงบอร์ก (ทีมไว้แล้วว่าจะกลับไปแขวนสตั๊ดที่บ้านเกิด
โดย เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยกล่าว ยกย่อง ลาร์สสันว่า เป็นผู้เล่นที่ยอดเยี่ยมสำหรับ ยูไนเต็ด มีความเป็นมืออาชีพ มีทัศนคติที่ยอดเยี่ยม ทุกสิ่งทุกอย่างที่ ลาร์สสัน ทำไว้ในช่วงเวลาสั้น มันช่างยอดเยี่ยมจริงๆที่ กลาสโกว์ เซลติก ลาร์สสัน กลายเป็นราชาจอมถล่มประตูแดนขี้เมา และพาทีมพุ่งชนความสำเร็จมาแล้วมากมาย
แถมยังเป็นการแจ้งเกิดอย่างเต็มตัว ส่วนที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลาร์สสัน สนุกกับช่วงเวลาการยืมตัวสั้นๆ แต่ก็ยังเป็นที่ยอมรับในระดับสูง แถมยังเข้าไปนั่งอยู่ในหัวใจและความทรงจำของแฟนๆ ปีศาจแดง ได้ในช่วงเวลาไม่กี่สัปดาห์ ขณะที่ที่ บาร์เซโลน่า ลาร์สสัน ลุกจากม้านั่งสำรองเพื่อพลิกสถานการณ์ ในนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีกปี 2006 พร้อมกับนำ เจ้าบุญทุ่ม คว้าแชมป์ยุโรป เป็นครั้งแรกในรอบ 14 ปี
ปี 2009 ลาร์สสัน ประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการ และเริ่มรับงานโค้ชในบ้านเกิดกับ แลนด์สโกรนา ก่อนที่จะย้ายมาคุม ฟัลเคนเบิร์ก เมื่อปี 2013
โดยงานล่าสุดคือการคุมอดีตทีมเก่าอย่าง เฮลซิงบอร์ก ที่เข้ารับงานเมื่อต้นปี 2015 ก่อนจะออกจากตำแหน่งในช่วงปลายปี 2016 สำหรับผลงานในทีมชาติสวีเดน ลาร์สสัน ติดทีมชาติสวีเดนชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 1993 จนถึงปี 2009 รวมทั้งสิ้น 106 นัดซัดไป 37 ประตู และอยู่ใน ทีมชาติสวีเดน ชุดคว้าอันดับ 3 ฟุตบอลโลก 1994 ที่สหรัฐอเมริกาด้วย
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค