กีฬาฟุตบอล

ย้อนรอยตำนานเทพนิยายโรมัน กรีซช็อคโลกคว้าแชมป์ยูโร 2004

24 6 67 - ย้อนรอยตำนานเทพนิยายโรมัน กรีซช็อคโลกคว้าแชมป์ยูโร 2004

เปิดสนามไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับศึกยูโร 2024 โดยทีมชาติยักษ์ใหญ่หลายทีม ยังคงทำผลงานรักษามาตรฐานได้อย่างยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตามก็มีชาติม้ามืดหลายชาติ ที่ทำผลงานได้ดีไม่แพ้กัน ไม่ว่าจะเป็น ทีมชาติโรมาเนีย หรือทีมชาติตุรกี หรือแม้กระทั่ง ทีมชาติจอร์เจีย ที่แม้จะแพ้ในเกมเปิดสนาม แต่ถือว่าชนะใจคนดู ในนัดเปิดสนาม ของรอบแบ่งกลุ่ม

หากย้อนเวลากลับเมื่อราวๆ 20 ปีแล้ว เคยเกิดเรื่องราวที่ถูกยกย่องให้เป็นเทพนิยายในศึกยูโรมาแล้ว นั่นก็คือเรื่องราวของ ทีมชาติกรีซ ภายใต้การคุมทีมของ อ๊อตโต้ เรห์ฮาเกล กุนซือชาวเยอรมัน ที่ก่อนหน้านั้น ขุนพลแดนโรมัน สะกดคำว่าชนะไม่เป็นเลยแม้แต่เกมเดียวในรายการระดับเมเจอร์ กรีซ เคยเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์ระดับนานาชาติเพียง 2 ครั้ง คือศึกยูโร 1980 ฟุตบอลโลก 1994 และตกรอบแรกทั้ง 2 ครั้ง แบบไม่ชนะใคร

จนกระทั่งปี 2001 สมาคมฟุตบอลกรีซ ตัดสินใจแต่งตั้ง อ๊อตโต้ เรห์ฮาเกล กุนซือชาวเยอรมัน เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีม โดยมีภารกิจกอบกู้วิกฤตและยกระดับของ ทีมชาติกรีซ กลับมาให้ได้ โดย เรห์ฮาเกล เคยสร้างปาฏิหาริย์มาแล้วก่อนหน้านี้ด้วยการพาทีมน้องใหม่ในบุนเดสลีกาอย่าง ไกเซอร์เสลาเทิร์น คว้าแชมป์ บุนเดสลีกา ในฤดูกาล 1997-98

มาในฐานะเต็งบ๊วย ไร้ซูเปอร์สตาร์

image 37 - ย้อนรอยตำนานเทพนิยายโรมัน กรีซช็อคโลกคว้าแชมป์ยูโร 2004

และหากย้อนกลับไปเช็คขุมกำลังทีมชาติกรีซ ณ เวลานั้น พวกเขาไม่มีซูเปอร์สตาร์ระดับโลก แม้แต่คนเดียว โดยนักเตะที่น่าจะท็อปที่สุดก็เห็นจะเป็น สเตลิออส จิอันนาโคปูลอส ปีกขวาจาก โบลตัน ,จอร์จอส คารากูนิส ห้องเครื่องจาก อินเตอร์ มิลาน และ ทีโอ ซาโคราคิส กัปตันทีม ส่วนที่เหลือก็จะมี ตรายานอส เดลลาส, อันเจลอส ชาลิสเตอัส, ทากิส ฟิสสาส, คอสตาส คัตซูรานิส, มิชาลิส คาปิส, อันโตนิออส นิโคโปลิดิส, ซีซิซ ฟรีซาส, จิออร์คาส ไซตาริดิส และ อันเจลอส บาซินา

โดยระบบที่ เรห์ฮาเกล นำมาใช้กับทีมชาติกรีซก็คือ 4-3-3 โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่เกมรับอันเหนียวแน่นหนึบ ที่นำโดย คอสตาส คัตซูรานิส มิดฟิลด์ตัวรับ ที่คอยทำหน้าที่สกรีนอยู่หน้ากองหลัง ขณะที่ แอนเจลอส บาสินาส และ ซาโคราคิส ก็แท็คทีมกันคอยปัดกวาดต่อสู้กับคู่แข่งในแดนกลาง พูดง่ายๆก็คือทุกคนในแผงมิดฟิลด์ต้องเน้นเกมรับเป็นหลัก นั่นจึงไม่แปลกที่ กรีซ เสียประตูยากเหลือเกินในทัวร์นาเม้นต์นี้

ทีมชาติกรีซ ใช้แท็คติกตีหัวเข้าบ้าน ตั้งแต่รอบคัดเลือกศึกยูโร 2004 โดยเวลานั้นพวกเขาอยู่ร่วมสายกับ สเปน และ ยูเครน แต่ก็สามารถคว้าแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ จากการลงสนาม 8 นัด ชนะ 6 แพ้ 2 พร้อมกับคว้าตั๋วไปลุยศึก ยูโร 2004 ที่โปรตุเกส ซึ่งถือเป็นทัวร์นาเมนต์นานาชาติครั้งแรกของพวกเขาในรอบ 20 ปีด้วย โดย กรีซ ถูกจับสลากมาอยู่กลุ่มเดียวกับ โปรตุเกส ที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ

และอีกหนึ่งทีมเต็งอย่าง สเปน รวมทั้ง รัสเซีย ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่หนักมากๆ โดยบ่อนรับพนันถูกกฏหมายเปิดราคาที่ กรีซ จะเป็นแชมป์ ยูโร เป็นอันดับรองบ๊วย จากราคาแทง 1 จ่าย 150 พูดง่ายๆก็คือความเป็นไปได้ที่ กรีซ จะเป็นแชมป์ยูโร 2004 แทบไม่มี

สอยเจ้าภาพโชว์แฟนๆ ตั้งแต่นัดเปิดสนาม

image 38 - ย้อนรอยตำนานเทพนิยายโรมัน กรีซช็อคโลกคว้าแชมป์ยูโร 2004

เปิดฉากทัวร์นาเมนต์ยูโร 2004 กรีซ ต้องเจอกับงานหนักจากการพบกับทีมชาติโปรตุเกส ท่ามกลางแฟนบอลเจ้าถิ่นเกือบห้าหมื่นคน ใน เอสตาดิโอ โด ดราเกา อย่างไรก็ตาม เด็กๆของ เรห์ฮาเกล กลับช็อคโลกสร้างเซอร์ไพร์สด้วยการเอาชนะเจ้าภาพ โปรตุเกส 2-1 เปิดฉากด้วยชนะที่ทำให้เจ้าภาพตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากตั้งแต่เกมแรก โดยหลังจากที่ประเดิม 3 แต้มแล้ว เกมที่ 2 ผลงานของ กรีซ ก็ยังคงเหนียวแน่นจากการแบ่งแต้มกับ สเปน ด้วยสกอร์ 1-1

ณ ตอนนั้นสถานการณ์ของ กรีซ ถือว่ามีโอกาสพอสมควรที่จะผ่านรอบแบ่งกลุ่ม โดยแม้ว่าเกมสุดท้ายของรอบแรกพวกเขาจะพ่ายให้กับ รัสเซีย ที่ตกรอบไปแล้วด้วยสกอร์ 1-2 แต่ทีมของ เรห์ฮาเกล ก็ยังมีแต้มบุญมากพอที่จะผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอ๊าต์ของศึก ยูโร 2004 จากการที่มีผลต่างประตูได้เสียที่ดีกว่า สเปน

image 39 - ย้อนรอยตำนานเทพนิยายโรมัน กรีซช็อคโลกคว้าแชมป์ยูโร 2004

โดยทั้ง กรีซ และ สเปน มีผลต่างประตูได้เสียอยู่ที่ 0 เท่ากัน จึงต้องตัดสินว่าทีมไหนยิงประตูได้มากกว่า สุดท้ายเป็ย กรีซ ที่ยิงไป 4 ประตูในรอบแรก ผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์ไปแบบหวุดหวิด โดยผ่านเข้าไปดวลกับ ทีมชาติฝรั่งเศส ที่เต็มไปด้วยแข้งระดับซูเปอร์สตาร์มากมาย ไม่ว่าจะเป็น ซีเนดีน ซีดาน, เธียร์รี อองรี, โรแบร์ ปิแรส, ลิลิยอง ตูราม, บิเซนเต ลิซาราซู ในรอบ 16 สุดท้าย

มันสมองและสองมือของ อ็อตโต้ เรห์ฮาเกล

image 40 - ย้อนรอยตำนานเทพนิยายโรมัน กรีซช็อคโลกคว้าแชมป์ยูโร 2004

เกมดังกล่าว เรห์ฮาเกล วางแท็คติกได้อย่างแยบยลโดยเฉพาะระเบียบวินัยในการเล่นเกมรับ จนทำให้ทัพ ตราไก่ จนปัญญาเจาะเข้าไปสับไกในระยะอันตราย แถมนาทีที่ 65 กรีซ ก็ใช้สโลแกน โป้งเดียวจอด มาได้ประตูชัยจากลูกโหม่งของ อันเจลอส ชาริสเตอัส ที่พา กรีซ ช็อคโลกอีกครั้งด้วยการชนะฝรั่งเศส 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ ชัยชนะของ กรีซ เหนือ ฝรั่งเศส นับเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางของทีมรองบ่อนที่กำลังก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์

ซึ่งในอดีตก็มีให้เห็นมาแล้วอย่าง ทีมชาติเดนมาร์ก ที่คว้าแชมป์ยูโร 1992 ได้แบบที่ไม่มีใครคาดคิด เส้นทางเทพนิยายของ กรีซ ในศึกยูโร 2004 เดินทางมาถึงรอบรองชนะเลิศ ที่จะต้องดวลกับ สาธารณรัฐเช็ก ที่ถือเป็นทีมที่น่าจับตามอง ณ ชั่วโมงนั้น จากการมีแข้งชั้นยอดอย่าง พาเวล เน็ดเวด , ปีเตอร์ เช็ก, มิลาน บารอส, คาเรล โพบอร์สกี้ และ แยน โคลเลอร์ ซึ่งตอนนั้นดูเหมือนว่าโมเมนตั้มจะมาทางทีมของ เรห์ฮาเกล แล้ว โดยตลอด 90 นาที กรีซ ยังคงเน้นเกมรับอันแข็งแกร่ง ไม่เปิดช่องว่างให้คู่แข่งมีโอกาสได้ยิง จบมเสมอ 0-0 ต้องต่อเวลาพิเศษ จนกระทั่งนาที 105 ตราอินอส เดลลาส ก็กลายเป็นฮีโร่ทำประตูชัยพา กรีซ ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2004 แบบหักปากกาเซียนไปพบกับ โปรตุเกส

ผงาดคว้าแชมป์ ยูโร 2004 แบบช็อคโลก

image 41 - ย้อนรอยตำนานเทพนิยายโรมัน กรีซช็อคโลกคว้าแชมป์ยูโร 2004

และรับเป็นการโคจรกลับมาเจอกันอีกครั้งหลังทั้งคู่เคยเจอกันมาแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งเจ้าภาพก็คงหวังจะล้างแค้น กรีซ ที่ทำแสบไว้ตั้งแต่นัดเปิดสนาม โดย โปรตุเกส จัดชุดใหญ่ไฟกระพริบทั้ง หลุยส์ ฟิโก้, เปโดร เปาเลต้า, มานิเช่, เดโก้ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวัย 18 ปีลงสนามแบบเต็มอัตราศึก ซึ่งเกมนี้รูปเกมก็ยังเป็นไปตามที่หลายคนคาดการณ์เอาไว้ เมื่อ โปรตุเกส เป็นฝ่ายเปิดเกมบุกเข้าใส่ตั้งแต่เริ่มเกม แต่จังหวะสุดท้าย โปรตุเกส ยิงให้ตายยังไงก็ยิงไม่เข้า

จนกระทั่งนาทีที่ 57 สิ่งที่แฟนบอลโปรตุเกสภาวนาไม่อยากให้เกิด มันก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อโอกาสการจบสกอร์เพียงครั้งเดียวของพวกเขา มันดันกลายเป็นประตูชัยให้ กรีซ เอาชนะ โปรตุเกส สยบเสียงเชียร์ของแฟนบอลเจ้าถิ่นที่ยัดทะนานอยู่ในสนาม  เอสตาดิโอ ดา ลุซ กว่า 62,865 คน พร้อมกับคว้าแชมป์ยูโร 2004 ได้อย่างราวปาฏิหาริย์ และนับเป็นการคว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ รายการแรกและรายการเดียวของ ทีมชาติกรีซ จนถึงปัจจุบัน

นิยาม “ไม่แพ้แน่ แค่ไม่เสียประตู”

image 42 - ย้อนรอยตำนานเทพนิยายโรมัน กรีซช็อคโลกคว้าแชมป์ยูโร 2004

เรื่องราวเทพนิยายของ ทีมชาติกรีซ ผู้ที่สมควรได้รับเครติดคงเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก อ็อตโต้ เรห์ฮาเกล ที่เข้ามายกระดับ ปรับระบบ สร้างความแข็งแกร่งทั้งด้านกายภาพ และจิตใจ รวมทั้งดึงสามารถและสปิริตของลูกทีมออกมาได้ และในเมื่อความสามารถของนักเตะไม่ได้เป็นจุดเด่นของพวกเขา ดังนั้น เรห์ฮาเก้ล จึงเน้นการเล่นเกมรับเป็นหลัก ด้วยนิยาม คุณจะไม่มีทางแพ้ ถ้าเกิดคุณไม่เสียประตู

ทัวร์นาเม้นต์ ยูโร 2004  กรีซ เสียประตูน้อยมากเพียง 4 ประตูเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นในรอบแบ่งกลุ่ม ในขณะที่รอบน็อคเอ๊าต์ กรีซ เก็บคลีนชีตจากทีมที่เหนือกว่าพวกเขาได้ทุกเกม แถมยังสะท้อนให้เห็นถึงวิธีการตีหัวเข้าบ้าน จากการชนะคู่แข่งด้วยผลต่างประตู 1 ลูกทั้งหมด 

แม้ฟุตบอลของ เรห์ฮาเกล จะถูกแซวและถูกค่อนขอดว่ามีสไตล์การเล่นที่ชวนง่วงหนาวหาวนอน แต่หากมองกลับกัน ไม่ว่ากุนซือคนใดก็ตาม ที่มีขุมกำลังเพียงแค่นี้ พวกเขาก็คงเน้นเกมรับไว้ก่อนตามสภาพและการเจียมตัวของตัวเอง แต่สำหรับ ทีมชาติกรีซ ในปี 2004 มันมีอะไรมากกว่านั้น ทั้งหมดนี้ตรงตามแผนที่ อ๊อตโต้ เรห์ฮาเกล ได้วางไว้อยู่แล้ว ประกอบกับหัวจิตหัวใจของนักเตะกรีซทุนคนที่ไม่ยอมแพ้ และต่อสู้มาจนสุดท้ายคว้าแชมป์ยูโร 2004 แบบหักปากกาเซียนทั้งโลก

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค

Share: