หากจะเอ่ยถึงตำแหน่งผู้รักษาประตู ในวงการฟุตบอลระดับโลก โดยเฉพาะในช่วงกลางยุค 90 ต่อเนื่องมาจนถึงยุค 2000 เชื่อเหลือเกินว่าชื่อของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน มือกาวชาวอิตาเลียน น่าจะติดอยู่ในใจของเหล่าคอลูกหนังในห้วงเวลาดังกล่าวอย่างแน่นอน โดยนายด่านเลือดมะกะโรนีรายนี้ ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ ของวงการลูกหนังอิตาลี รวมไปวงการลูกหนังโลกเลยทีเดียว

เริ่มต้นจากกองกลาง สู่ตำนานปราการด่านสุดท้าย

บุฟฟ่อน เกิดเมื่อวันที่ 28 มกราคม 1978 ณเมือง การ์รารา ประเทศอิตาลี โดย เป็นผลผลิตจากครอบครัวที่เต็มไปด้วยนักกีฬามืออาชีพ นั่นจึงไม่แปลกที่ บุฟฟ่อน จะถูกปลูกฝังในเรื่องของกีฬามาตั้งแต่ยังเด็ก โดย อาเดรียโน พ่อของ บุฟฟ่อน เป็นอดีตนักกีฬาขว้างจักรระดับชาติของอิตาลี แถมยังมีบทบาทสำคัญในการปลูกฝังความมุ่งมั่นและความมีระเบียบวินัยในตัว บุฟฟ่อน

ส่วนคุณแม่ของ บุฟฟ่อน อย่าง มาเรีย สเตลลา ก็มีดีกรีเป็นอดีตนักกีฬาขว้างน้ำหนักระดับชาติของอิตาลี ขณะที่พี่สาวทั้ง 2 คนทั้ง กุยเอนดา และ เวโรนิกา ก็เป็นเป็นนักกีฬาวอลเลย์บอลมืออาชีพ เท่านั้นยังไม่พอเมื่อคุณอย่าง ดันเต้ มาซซ็อคคี่ ก็มีดีกรีเป็นอดีตนักบาสเกตบอลทีมชาติอิตาลีด้วย

ซึ่งด้วยการเติบโตในครอบครัวนักกีฬา บุฟฟ่อน ได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของความมุ่งมั่น การทำงานหนัก และการรักษาสภาพจิตใจให้แข็งแกร่ง ครอบครัวของเขาไม่เพียงสนับสนุนเส้นทางฟุตบอลเท่านั้น แต่ยังช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงให้เขาในฐานะนักกีฬามืออาชีพ

สำหรับเส้นทางอาชีพของ บุฟฟ่อน เริ่มต้นในปี 1995 กับสโมสร ปาร์ม่า ด้วยอายุเพียง 13 ปี ในฐานะกองกลาง ก่อนที่โค้ชจะค้นพบความสามารถพิเศษในฐานะผู้รักษาประตู ซึ่งบุฟฟ่อน ได้ฝึกซ้อมภายใต้การคุมทีมของ วิลเลียม เวคชี โค้ชผู้รักษาประตู ซึ่งเป็นคนที่ บุฟฟ่อน ให้ความมั่นใจ พัฒนาการ

และความสำเร็จเป็นอย่างมาก เมื่ออายุเพียง 17 ปี บุฟฟ่อน ได้รับโอกาสลงเล่นในทีมชุดใหญ่ครั้งแรกให้กับ ปาร์ม่า ภายใต้การคุมทีมของ เนวิโอ สกาลา ในเกมพบกับ เอซี มิลาน ในปี 1995 และสามารถรักษาคลีนชีตได้ ด้วยการหยุดลูกยิงของนักเตะระดับตำนานอย่าง จอร์จ เวอาห์ และ โรแบร์โต บาจโจ้ ได้อย่างน่าทึ่ง

แจ้งเกิดกับ จัลโล่บลูส์ ยุครุ่งเรือง

บุฟฟ่อน ได้ลงเล่นในทีมชุดใหญ่เพิ่มอีก 7 นัดในฤดูกาลนั้น รวมถึงลงเล่นใน โคปปา อิตาเลีย 1 นัด โดยเปิดตัวในรายการนี้ ในขณะที่ ปาร์มา ตกรอบในรอบที่สอง ปาร์มา จบฤดูกาลในอันดับที่ 6 ใน เซเรีย อา และผ่านเข้าไปเล่น ยูฟ่า คัพ ได้ฤดูกาลนั้น

บุฟฟ่อน สร้างชื่อเสียงด้วยความรวดเร็ว ปฏิกิริยาที่ยอดเยี่ยม และความสามารถในการอ่านเกมตั้งแต่อายุยังน้อย ความนิ่งและความมั่นใจของเขาในตำแหน่งผู้รักษาประตูทำให้เขากลายเป็นเสาหลักของ ปาร์ม่า แม้จะเป็นนักเตะอายุน้อย แต่ บุฟฟ่อน ก็แสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำในสนาม ช่วงเวลาที่ บุฟฟ่อน อยู่กับ ปาร์ม่า ถือเป็นยุคทองของสโมสร

โดยบุฟฟ่อน ผนึกกำลังกับผู้เล่นชั้นยอดมากมายไม่ว่าจะเป็น ลิลิยอง ตูราม กองหลังชาวฝรั่งเศสผู้แข็งแกร่ง ,ฟาบิโอ คาแนวาโร่ เซ็นเตอร์แบ็กอดีตกัปตันทีมชาติอิตาลี ,ฮวน เซบาสเตียน เวรอน และ เอร์นาน เครสโป กองผู้เล่นชาวอาร์เจนติไตน์ ,ดิโน่ บาจโจ้  กองกลางกำลังสำคัญของทีม ,เอ็นริโก้ เคียซ่า อดีตกองหน้าทีมชาติอิตาลี ช่วยกัน พา ปาร์ม่า คว้าถ้วยรางวัล ยูฟ่า คัพ ,โคปปา อิตาเลีย และ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียนา พร้อมกับจารึกสถิติระดับตำนานของสโมสร ในตำแหน่งปราการด่านสุดท้ายด้วยการ ลงสนาม 168 นัด ในช่วงระหว่างปี 1995–2001

สู่ตำนานด่านสุดท้ายทัพ ม้าลาย ยูเวนตุส

ปี 2001 บุฟฟ่อนย้ายไป ยูเวนตุส ด้วยค่าตัว 52 ล้านยูโร ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดสำหรับผู้รักษาประตูในเวลานั้น การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงแต่เปลี่ยนเส้นทางอาชีพของเขา แต่ยังเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของ ยูเวนตุส ด้วย เมื่อ บุฟฟ่อน กลายเป็นหัวใจสำคัญของทัพ เบียงโคเนรี่ พาทีมคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา หลายสมัย พร้อมกับพาทีมผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศของ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ได้ถึง 3 ครั้ง

บุฟฟ่อน ไม่ได้เป็นเพียงผู้รักษาประตูที่เก่งที่สุดของ ยูเวนตุส แต่ยังเป็นผู้นำทั้งในและนอกสนาม โดย บุฟฟ่อน ได้รับการแต่งตั้งเป็นกัปตันทีมต่อจาก อเลสซานโดร เดล ปิเอโร โดยหลังจากสร้างตำนานกับ ยูเวนตุส มายาวนานกว่า 17 ปี จารึกสถิติลงสนาม 685 เกม แถมคว้า สคูเด็ตโต้ ได้ถึง 10 สมัย จานลุยจิ บุฟฟ่อน ตัดสินใจเริ่มต้นบทใหม่ในอาชีพนักฟุตบอลด้วยการย้ายไปร่วมทีม ปารีส แซงต์-แชร์กแมง  ในฤดูกาล 2018-2019 ในวัย 40 ปี การย้ายทีมครั้งนี้ไม่เพียงสะท้อนถึงความมุ่งมั่นในอาชีพของเขา แต่ยังเป็นโอกาสในการคว้าประสบการณ์ใหม่ในต่างแดน

บั้นปลายย้ายไปคว้าโทรฟี่ประดับบารมีกับ เปแอสเช

แม้ระยะเวลาที่เขาอยู่กับ ปารีส จะสั้น แต่บทบาทของเขายังคงสำคัญและน่าจดจำ บุฟฟ่อน ลงสนามในฤดูกาล 2018-2019 ให้กับ เปแอสเช ทั้งในลีก และ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก โดยแบ่งเวลาลงสนามร่วมกับ อัลฟงส์ อาเรโอลา เพื่อสร้างความสมดุลให้กับทีม และแม้ ปารีส จะตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายด้วยการพ่ายต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปีนั้น แต่ บุฟฟ่อน ยังคงเป็นที่จดจำในฐานะผู้รักษาประตูที่แสดงความมั่นคงและความเป็นมืออาชีพให้เห็นอยู่เสมอ

บุฟฟ่อน ไม่ได้เป็นเพียงผู้รักษาประตูที่มากประสบการณ์ แต่ยังเป็นที่ปรึกษาและแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นอายุน้อยในทีม โดยเฉพาะ อัลฟงส์ อาเรโอลา ซึ่งได้รับการชี้แนะจาก บุฟฟ่อน ในเรื่องของการอ่านเกมและความนิ่งในสถานการณ์กดดัน และแม้การอยู่กับ ปารีส จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ แต่ บุฟฟ่อน ได้รับความรักและการยอมรับจากแฟนบอล ปารีส เขาแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในทุกครั้งที่ลงสนาม และเป็นตัวอย่างที่ดีในฐานะนักฟุตบอลระดับตำนาน บุฟฟ่อน เฝ้าเสาให้กับ เปแอสเช ไปทั้งสิ้น 25 เกม พร้อมกับเพิ่มเกียรติประวัติให้ตัวเองด้วยการคว้า แชมป์ลีกเอิงในฤดูกาล 2018-19

หลังจากผ่านอาชีพอันรุ่งโรจน์กับ ยูเวนตุส และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง บุฟฟ่อน กลับมาที่ ปาร์ม่า ในปี 2021 เพื่อช่วยทีมในศึกเซเรีย บี การกลับมาครั้งนี้เป็นการแสดงถึงความรักที่เขามีต่อสโมสรที่ให้โอกาสแรกในชีวิตการเป็นนักฟุตบอล

ความจงรักภักดีที่ บุฟฟ่อน มีให้กับทุกทีม

บุฟฟ่อน ไม่เพียงสร้างความสำเร็จในสนาม ความทุ่มเทและความภักดีที่เขาแสดงต่อ ปาร์ม่า ทำให้แฟนบอลจดจำเขาในฐานะตำนานที่ยิ่งใหญ่ โดยหนึ่งในช่วงเวลาที่แสดงถึงความรักและความภักดีของ บุฟฟ่อน ต่อ ยูเวนตุส คือการที่เขาเลือกอยู่กับทีมในปี 2006 แม้ทีมจะถูกปรับตกชั้นสู่ เซเรีย บี เนื่องจากเหตุการณ์ กัลโชโปลี บุฟฟ่อน ยังคงยืนหยัดช่วยทีมจนกลับสู่เซเรีย อาในฤดู กาลถัดไป

บุฟฟ่อน เป็นที่รู้จักในเรื่องของความสามารถในการอ่านเกม การตัดสินใจที่แม่นยำ และความกล้าหาญในสนาม นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลทั้งในและนอกสนาม ด้วยความสงบนิ่งและความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้

จานลุยจิ บุฟฟ่อน กลับมาร่วมทีม ปาร์ม่า อีกครั้งในปี 2021 หลังจากอำลา ยูเวนตุส และปิดฉากการค้าแข้งในเซเรีย อา กับสโมสรที่เขาเริ่มต้นอาชีพในปี 1995 การกลับมารอบที่ 2 นี้เกิดขึ้นเมื่อ ปาร์ม่า ตกชั้นไปเล่นใน เซเรีย บี และด้วยความผูกพันกับ ปาร์ม่า ที่เป็นทีมที่เขาเริ่มต้นอาชีพค้าแข้งและสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองทำให้

บุฟฟ่อน เลือกที่จะช่วยทีมอู่ข้าวอู่น้ำเก่ากับภารกิจเลื่อนชั้นกลับสู่ลีกสูงสุดของอิตาลี แม้ในวัยกว่า 40 ปี เขายังคงกระตือรือร้นในการลงเล่นและช่วยทีมอย่างเต็มที่ โดยบทบาทของ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ใน ปาร์ม่า คือรากฐานที่ทำให้เขากลายเป็นผู้รักษาประตูระดับโลก ความสำเร็จและความมุ่งมั่นของเขายังคงเป็นสิ่งที่แฟนบอล ปาร์ม่า ภาคภูมิใจเสมอ และชื่อของเขาจะยังคงอยู่ในประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้ตลอดไป

โกลประวัติศาสตร์แห่งทีมชาติอิตาลี

ซึ่งนอกจากจะได้รับการยอมรับและประสบความสำเร็จในระดับสโมสรแล้ว บุฟฟ่อน ยังมีบทบาทสำคัญในทีมชาติอิตาลี ด้วยการเป็นส่วนสำคัญของทีมที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกปี 2006 ที่ประเทศเยอรมัน รวมทั้งชุดรองแชมป์ ยูโร 2012 ด้วย โดย บุฟฟ่อน ติดทีมชาติชุดใหญ่หนแรกเมื่อปี 1997 ก่อนจะลากยาวติดธง อัซซูรี่ มาจนถึงปี 2018 สร้างสถิติลงสนาม 176 นัด ซึ่งนับเป็นสถิติสูงสุดของทีมชาติอิตาลี

นอกจากนี้ บุฟฟ่อน ยังย้ำเตือนถึงความยิ่งใหญ่ให้ตัวเองด้วยการสร้างสถิติสำคัญไว้อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเจ้าของสถิติ ผู้รักษาประตูที่ลงเล่นมากที่สุดในเซเรีย อา ลงเล่น 657 นัด รวมถึงเป็นโกลที่เก็บคลีนชีตมากที่สุดในเซเรีย อา ด้วยจำนวนถึง 296 คลีนชีต ส่วนกับทัพ อัซซูรี่ บุฟฟ่อน ก็มีสถิติอย่างการเป็นผู้รักษาประตูที่ลงสนามให้ทีมชาติอิตาลีมากที่สุด และทำสถิติเก็บคลีนชีตในฟุตบอลโลก 2006 มากที่สุด 5 เกมจาก 7 เกมในรายการ เวิลด์คัพ รอบสุดท้าย

ขณะเดียวกัน บุฟฟ่อน ก็ได้รับรางวัลส่วนตัวมากมาย รวมถึงรางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมแห่งปีของ FIFA และถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นยอดเยี่ยมแห่งยุค นอกจากนี้ เขายังติดทีมยอดเยี่ยมของฟีฟ่ามาแล้วหลายต่อหลายครั้ง

มืออาชีพสู่แรงบันดาลใจของเหล่าแข้งเจนใหม่

จานลุยจิ บุฟฟ่อน นับเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นใหม่ และแม้ว่าเจ้าตัวจะประกาศยุติอาชีพนักฟุตบอลไปแล้ว แต่ชื่อของเขายังคงอยู่ในใจของแฟนบอลทั่วโลก ทั้งความทุ่มเทและความหลงใหลในฟุตบอลของ บุฟฟ่อน ทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความเป็นมืออาชีพและความยิ่งใหญ่ ในวงการฟุตบอล บุฟฟ่อน เป็นตัวอย่างของความทุ่มเท ความมุ่งมั่น อย่างที่แท้จริง ชื่อของเขายังคงอยู่ในใจของแฟนบอลทั่วโลกและในหน้าประวัติศาสตร์ของฟุตบอลตลอดไป

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันจากต่างประเทศ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง บาเยิร์น มิวนิค