ในช่วงรอยต่อระหว่างยุค 90 ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงยุค 2000 นับว่าเป็นยุคที่รุ่งเรืองสุดขีดของศึกกัลโช่ เซเรีย อา อิตาลี เหล่าบรรดานักเตะซุปเปอร์สตาร์มากมายตบเท้ามาค้าแข้งในแดนมักกะโรนี
นอกจากนี้ช่วงเวลาดังกล่าวยังเป็นการแย่งชิงความยิ่งใหญ่ ระหว่าง 2 สโมสรชั้นนำอย่าง เอซี มิลาน กับ ยูเวนตุส ที่สลับการคว้า สคูเด็ตโต้ กันอยู่ 2 ทีม ในช่วงเวลานั้น โดยเฉพาะซีซั่น 1997-98 ที่คู่หูกองหน้าของพลพรรค เบียงโคเนรี อย่าง อเล็กซานโดร เดล ปิเอโร่ และ ฟิลิปโป้ อินซากี้ ช่วยกันยิงรวมกันถึง 39 ประตูจนพาทัพ ม้าลาย เข้าป้ายคว้าแชมป์ เซเรีย อา ได้ในที่สุด
ซีซั่นดังกล่าว เดล ปิเอโร่ ได้รับการยกย่องเป็นอย่างมาก จากผลงานการถล่มประตูจนกลายเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมด้วยจำนวน 21 ประตู อย่างไรก็ตามทัพ ม้าลาย คงไปไม่ถึงฝั่งฝัน หากไม่มีกองหน้าพระรองอย่าง ฟิลิปโป้ อินซากี้ ที่ยิงไป 18 ประตูในฤดูกาลนั้น
สร้างชื่อจากการวิ่งเลี้ยงไลน์ อันตราย ในกรอบ 18 หลา
โดย ปิ๊ปโป้ ถือเป็นผู้เล่นที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในวงการลูกหนังแดนมะกะโรนี แต่ยังคงมีแฟนบอลบางส่วนในอดีตที่มักจะชอบด้อยค่ากองหน้ารายนี้ จากลีลาการเล่นที่อาจไม่ได้ทะนงองอาจตามแบบฉบับแข้งอิตาเลียนมากนัก แถมยังมีการค่อนขอดว่าหาก อินซากี้ ได้เล่นฟุตบอลยุคปัจจุบัน บางที ปิ๊ปโป้ อาจจะไม่ได้สร้างภาพจำอะไรเลย จากการเข้ามาของเทคโนโลยี VAR
อินซากี้ เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 1973 ณ เมืองปิอาเชนซ่า ประเทศอิตาลี และเริ่มเส้นทางค้าแข้งให้กับทีมบ้านเกิดอย่าง ปิอาเชนซ่า โดยมี เปาโล รอสซี่ และ มาร์โก ฟาน บาสเท่น เป็นนักเตะในดวงใจ นั่นจึงไม่แปลกที่ ปิ๊ปโป้ เริ่มเล่นฟุตบอลในตำแหน่งกองหน้า
อินซากี้ ลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ของ ปิอาเซนซ่า ครั้งแรกในปี 1991 ด้วยวัยเพียง 18 ปี อย่างไรก็ตามจากการไร้ที่ว่างในทีมชุดใหญ่ ทำให้ อินซากี้ ได้ลงเล่นเพียง 3 นัดรวมทุกรายการ จึงทำให้เจ้าตัวถูกปล่อยไปเก็บเลเวลกับ อัลบิโนเลฟเฟ่ ในศึก เซเรีย ซี 1 ก่อนเริ่มฉายแววยอดดาวยิงด้วยการยิงไปถึง 13 ประตู จากการลงสนาม 21 นัด
ในฤดูกาล 1992-93 ฤดูกาลต่อมา อินซากี้ ขยับไปเล่นกับ เวโรน่า ในศึกกัลโช่ เซเรีย บี ด้วยสัญญายืมตัว และยังคงโชว์ฟอร์มฮอตด้วยการยิงไปอีก 13 ประตูจากการลงสนาม 36 เกม
สร้างชื่อกับ ปิอาเซนซ่า แต่พอไปอยู่ ปาร์ม่า กลับไม่ปัง
จากผลงานอันยอดเยี่ยมในฐานะวันเดอร์คิด ทำให้ฤดูกาล 1994-95 ต้นสังกัดที่แท้จริงอย่าง ปิอาเชนซ่า ตัดสินใจดึง อินซากี้ กลับมาใช้งาน ซึ่ง พี่กุ้ง ก็ไม่ทำให้แฟนบอลทีมบ้านเกิดต้องผิดหวัง ตอบแทนความไว้วางใจของสโมสรด้วยการซัดไป 15 ประตู พร้อมกับพา ปิอาเชนซ่า คว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย บี ได้สำเร็จ
อินซากี้ ไม่มีรูปร่างอันสูงใหญ่ ไม่ได้มีทักษะการเล่นอันสวยงาม ไม่ได้มีสปีดจัดจ้าน แต่สำหรับกองหน้ารายนี้เรียกได้ว่าเต็มเปี่ยมไปด้วยสัญชาตการล่าตาข่ายอย่างจริง ปิ๊ปโป้ มีเล่ห์เหลี่ยม และจังหวะออกตัวที่รวดเร็ว ซึ่ง อินซากี้ จะอันตรายมากๆยามอยู่ในกรอบเขตโทษ แถมยังมีท่าไม้ตายที่เป็นเครื่องหมายการค้าอย่าง “การวิ่งเลี้ยงไลน์” เอาชนะกับดักล้ำหน้า รวมทั้งการทิ้งตัวพุ่งล้มเพื่อเอาจุดโทษ อินซากี้ พร้อมจะทำทุกอย่างให้ทีมได้เปรียบในกรอบเขตโทษ
ฤดูกาล 1995-96 ปาร์ม่า ทุ่มเงิน 3 ล้านยูโร คว้าตัว อินซากี้ ไปร่วมทีม อย่างไรก็ตาม อินซากี้ ประสบกับปัญหาเรื่องการปรับตัวยิงได้แค่ 2 ประตูจากการลงสนามในลีก 15 เกม นั่นจึงทำให้ทัพ จัลโล่บลูส์ คิดว่าการเซ็นสัญญากับ ปิ๊ปโป้ คือดีลที่ผิดพลาด จึงยอมปล่อยดาวยิงอิตาเลียนไปอยู่กับ อตาลันต้า ในปีถัดมา ซึ่งการย้ายไปเป็นลูกทีมของ เอมิเลียโน่ มอนโดนิโก้ ที่ อตาลันต้า นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของตำนานนักล่าตาข่ายไร้ตำราอย่าง ฟิลิปโป้ อินซากี้
แจ้งเกิดกับ อตาลันต้า ก่อนถูกล่าโดยทัพ ม้าลาย
อย่างไรก็ตาม อินซากี้ ใช้ชีวิตในถิ่น แบร์กาโม่ ได้เพียงปีเดียว เจ้าตัวก็ถูก ยูเวนตุส คว้าตัวไปร่วมทีม ด้วยค่าตัว 12 ล้านยูโร หลังจากที่โชว์ผลงานร้อนแรงตะบันไปถึง 24 ประตูจากการลงสนาม 33 นัดให้กับ อตาลันต้า พร้อมกับคว้าตำแหน่งดาวซัลโวสูงสุด แถมยังได้รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปีของ เซเรีย อา ไปครอง
ในถิ่น เดลเล่ อัลปิ อินซากี้ ผนึกกำลังกับ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ และมีเพลย์เมกเกอร์อย่าง ซีเนอดีน ซีดาน เป็นจอมทัพ โดยในช่วงเวลา 4 ฤดูกาลที่ อินซากี้ รับใช้ทัพ ยูเว่ เจ้าตัวกระหน่ำไปถึง 89 ประตูจากการลงสนาม 165 นัดรวมทุกรายการ พร้อมกับคว้าแชมป์ ซูเปอร์โคปา อิตาเลียนา ในปี คว้า สคูเด็ตโต้ 1 สมัยในปี 1998 และแชมป์อินเตอร์โตโต้คัพในปี 1999 ซึ่งไม่เคยมีฤดูกาลไหนเลยที่ พี่กุ้ง ยิงในกัลโช่ เซเรีย อา ได้น้อยกว่า 10 ประตู
สุดท้ายก็ได้แค่เกือบ กับการเป็นตำนาน เบียงโคเนรี่
ในยูนิฟอร์มของทัพ ม้าลาย อินซากี้ เกือบจะได้กลายเป็นตำนานในถิ่น เดลเล่ อัลปิ แต่ด้วยฟ้าลิขิตหรือจะอะไรก็แล้วแต่ ในโลกของฟุตบอลมักมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ การที่ ยูเวนตุส ทุ่มเงินคว้าตัว มาร์เซโล่ ซาลาส มาจาก ลาซิโอ ทำให้พวกเขาต้องตัดสินใจระบายขายกองหน้าออกจากทีม
เพราะมีทั้ง อินซากี้, เดล ปิเอโร่, มาร์เซโล่ ซาลาเยต้า รวมไปถึง ดาวิด เทรเซเก้ต์ อยู่แล้ว ซึ่งจากชื่อทั้งหมดที่กล่าวมาดูเหมือนว่า ฟิลิปโป้ อินซากี้ จะมีความเหมาะสมมากที่สุดที่ ยูเวนตุส จะปล่อยตัวออกจากทีม สาเหตุก็เพราะ เดล ปิเอโร่ อยู่กับทีมมานานจนเป็นที่รักของแฟนบอล, เทรเซเก้ต์ ก็เพิ่งอยู่กับทีมแค่ปีเดียว ขณะที่ ซาลาเยต้า ก็ไม่น่าจะทำเงินได้มากนัก
สุดท้าย อินซากี้ เซ็นสัญญาย้ายไปร่วมทีม เอซี มิลาน ด้วยมูลค่า 17 ล้านปอนด์ อยู่ร่วมหัวจมท้าย ล่าตาข่ายในถิ่น ซาน ซิโร่ นานถึง 11 ปี ระหว่างปี 2001-2012 ผ่านจุดสูงสุดในชีวิตการค้าแข้งในระดับสโมสร จากการลบฝันร้ายที่ อิสตันบูล ที่พ่ายแพ้ให้กับ ลิเวอร์พูล ในปี 2005 ก่อนจะมาล้างตาสำเร็จในอีก 2 ปีต่อมาด้วยการชนะ หงส์แดง ในรอบชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนสลัก เมื่อปี 2007 ซึ่ง ปิ๊ปโป้ ก็สามารถจารึกชื่อบนสกอร์บอร์ดได้ทั้ง 2 เกม
ชีวิตใหม่ใน ซาน ซิโร่ ยิงจนเลิกเล่น
ภายใต้ยูนิฟอร์ม ปีศาจแดง-ดำ อินซากี้ ได้รับการยกย่องอย่างมาก โดยเฉพาะไหวพริบ เล่ห์เหลี่ยม การยืนตำแหน่งที่ยังคงอันตรายทุกฝีก้าวยามไม่มีบอล รวมทั้งสัญชาติการเข้าทำประตู ที่เรามักจะได้เห็น อินซากี้ เป็นเลิศในการซ้ำดาบสอง อยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอ และ ยิงประตูได้ทุกส่วนของร่างกายที่ไม่ผิดกติกา ประหนึ่งฉลามนักล่าที่ได้กลิ่นคาวเลือด
ชีวิตการล่าตาข่ายในถิ่น ซาน ซิโร่ ส่งผลให้ อินซากี้ คว้าแชมป์ระดับเมเจอร์ได้ครบทุกรายการ แบ่งเป็นแชมป์ เซเรีย อา 2 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2 ครั้ง, โคปปา อิตาเลีย 2 ครั้ง, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 2 ครั้ง และ ถ้วยสโมสรโลกอีก 1 สมัยในปี 2007 โดยกระหน่ำไปถึง 126 ประตูจากการลงสนาม 300 เกมรวมทุกรายการในสีเสื้อ ปีศาจแดง-ดำ
ขณะที่สถิติของ อินซากี้ ในฟุตบอลถ้วยยุโรป รวมทุกถ้วย เจ้าตัวยิงไฟแลบไปถึง 70 ประตู นำเป็นอันดับ 1 ตลอดกาลของนักเตะอิตาลี เรียกได้ว่าสถิติเหนือว่า เหล่านักเตะตำนานแดนมะกะโรนีอย่าง ง เปาโล รอสซี่ หรือ โรแบร์โต้ บาจโจ้ และ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ด้วยซ้ำ
สำหรับผลงานในนามทีมชาติของ อินซากี้ เจ้าตัวติดทีมอิตาลีชุด U21 พร้อมคว้าแชมป์ยุโรปได้ในปี 1994 ขณะที่ผลงานกับทัพ อัซซูรี่ ชุดใหญ่คว้าแชมป์โลก 1 สมัยในปี 2006 และเป็นรองแชมป์ยูโร 1 ครั้ง ในปี 2000 โดยแพ้ให้กับฝรั่งเศส ในรอบชิงชนะเลิศ
โดย ปิ๊ปโป้ จารึกสถิตยิงให้ทีมชาติอิตาลีไปถึง 25 ประตู จากการลงสนาม 57 นัด ทั้งๆที่ส่วนใหญ่จะเป็นตัวสำรองของ คริสเตียน วิเอรี่ หรือ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ และ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ มาตลอด โดย อินซากี้ รั้งอันดับ 6 ของดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติอิตาลี
2 ซีซั่นสุดท้ายกับ เอซี มิลาน หัวหอกอิตาเลียนอย่าง อินซากี้ กลายเป็นรุ่นใหญ่ของทีม ที่ได้รับโอกาสลงสนามน้อยลงเรื่อยๆ ส่วนใหญ่จะเป็นการลงมาประคองทีมในช่วงท้ายเกมกับสถิติการลงสนาม 16 เกมยิงไป 5 ประตูรวมทุกรายการ ในปี 2012 แม้ว่า อินซากี้ จะได้รับความสนใจจากสโมสรมากมาย
ไม่ว่าจะเป็น อูดิเนเซ่ , ปาร์ม่า, มาลาก้า, มอนทรีออล อิมแพ็ก หรือ อตาลันต้า แต่ ปิ๊ปโป้ ก็เลือกที่จะประกาศแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการด้วยวัย 38 ปี ก่อนเข้าสู่การเรียนโค้ช เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้จัดการทีม
บทพิสูจน์ต่อไป กับเส้นทางใหม่กับการเป็นกุนซือ
อย่างไรก็ตามมันก็มีให้เห็นกันมาแล้วมากมายสำหรับ ยอดนักเตะที่เอาชื่อเสียงไปทิ้งจากการเป็นผู้จัดการ โดย อินซากี้ ได้ประเดิมการคุมทีมครั้งแรก ด้วยงานใหญ่อย่างการคุมทีม เอซี มิลาน ในปี 2014 แต่ด้วยประสบการณ์และบารมีที่ยังไม่ถึงทำให้เจ้าตัวอยู่ในตำแหน่งได้เพียงปีเดียวเท่านั้น ก่อนตระเวนไปเก็บประสบการณ์การคุมทีมเล็กไม่ว่าจะเป็น เวเนเซีย ในปี 2016 ต่อด้วย โบโลญญ่า ในปี 2018 ,คุม เบเนเวนโต้ ในปี 2019 ,คุม เบรสชา ในปี 2021 ,คุม เรจจิน่า เมื่อปี 2022 และคุม ซาแลร์นิตาน่า เมื่อปีที่แล้ว
ซึ่งที่กล่าวมาทั้งหมดไม่มีทีมไหนที่ ปิ๊ปโป้ คุมทีมได้ถึง 2 ปีเลย ส่วนใหญ่จะลงเอยด้วยการโดนปลด หรือลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบกับผลงานของตัวเอง ล่าสุด อินซากี้ รับงานคุม ปิซ่า ส่วนผลลัพธ์จะจบแบบไหนต้องรอติดตาม
อินซากี้ คือนักเตะที่จับบอลแย่มาก แต่บางทีพรสวรรค์ของนักฟุตบอล มันอาจไม่ได้มาในรูปแบบของการเล่นฟุตบอลที่สวยงาม หรือการดูบอลติดเท้า สับไกยิงที่เฉียบขาด ซึ่งตรงจุดนี้ทุกคนเห็นตรงกันว่า อินซากี้ มีลีลาการทำประตูที่ไม่สง่างามเอาเสียเลย แต่กลับเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำประตูทุกรูปแบบมากกว่า
ปิ๊ปโป้ ถูกจดจำในฐานะสุดยอดกองหน้าตัวทำสกอร์ ฉายาจอมล้ำหน้าบ้าง จอมพุ่งบ้าง ฉายาที่สื่อบ้านเราตั้งให้ว่า พี่กุ้ง ก็มาจากลีลาการพุ่งล้มแบบดีดตัวเป็นกุ้ง สร้างความรำคาญก่อกวนและกดดันแนวรับคู่ต่อสู้ทุกรูปแบบ แต่ ฟิลิปโป้ อินซากี้ แสดงให้เห็นว่าการมีพรสวรรค์เป็น สัญชาตญาณ ก็ทำให้คุณเป็นนักเตะระดับโลกได้เหมือนกัน แม้เบสิคอาจไม่แน่นเท่าแข้งระดับโลกคนอื่น
สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันจากต่างประเทศ
เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง บาเยิร์น มิวนิค