สองสัปดาห์ก่อนศึกเซเรีย อา จะเริ่มฤดูกาล 2000-01 โรแบร์โต้ บาจโจ้ ยังคงไร้สโมสรและฝึกซ้อมเพียงลำพังอยู่ที่ คัลโดโญ่ บ้านเกิดที่เขาไม่ค่อยคุ้นเคยทางตอนเหนือของเมืองวิเชนซ่า นักเตะวัย 33 ปี เพิ่งตัดสินใจแยกทางกับอินเตอร์ มิลาน หลังความบาดหมางระหว่างเขากับ มาร์เซลโล่ ลิปปี้ กุนซือของทีม และเป็นไปได้อย่างยิ่งที่ ‘งูใหญ่’ กำลังจะเริ่มต้นฤดูกาลใหม่โดยปราศจาก บาจโจ้ ซึ่งในตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
“สวัสดีครับ โรแบร์โต้ ผมคือ มาซโซเน่…” เสียงจากปลายสายคือ คาร์โล มาซโซเน่ กุนซือคนใหม่แห่งเบรสชา หลังจากทีมเพิ่งเลื่อนชั้นสู่เวทีเซเรีย อา
กิจวัตรประจำวันของ มาซโซเน่ คือการกางหนังสือพิมพ์อ่านข่าวกีฬาของอิตาลี และเขารู้สึกเหลือเชื่อที่ได้รู้ว่า โรแบร์โต้ บาจโจ้ กำลังพิจารณาที่จะย้ายไปเรจจิน่า เขารีบสอบถามเบอร์โทรศัพท์ของบาจโจ้ จากเพื่อนคนหนึ่ง แล้วจัดการต่อสายทันที
“สวัสดีครับ” บาจโจ้ ตอบอย่างประหลาดใจ “นั่นใช่คุณหรือเปล่า?” เขาถามกลับไปยังปลายสาย
“ใช่ นี่คือผมจริงๆ คาร์โล มาซโซเน่ ผมได้อ่านหนังสือพิมพ์ว่าคุณกำลังจะย้ายไปเรจจิน่า ซึ่งเหตุใดคุณจึงไม่ย้ายมาที่เบรสชาล่ะ เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ๆ บ้านของคุณ”
หลังจบการสนทนา บาจโจ้ แสดงความกระตือรือร้นกับข้อเสนอนี้ ดังนั้น มาซโซเน่ จึงรุดไปเยี่ยม ลุยจิ คอริโอนี เจ้าของสโมสรเบรสชา เพื่อขายไอเดียนี้ และจุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้นเมื่อ แอนนามาเรีย บ็อตตาซซี ภรรยาของคอริโอนี เดินมาได้ยินการสนทนา“บาจโจ้!! คุณควรเซ็นสัญญากับเขาทันทีนะคะที่รัก” เธออุทานขึ้น จากนั้นข้อตกลงจึงได้ข้อสรุปในวันนั้นเอง
อย่างไรก็ตามแม้เบรสชาจะมีบาจโจ้ แต่ทีมก็เริ่มต้นฤดูกาลได้ไม่ดีนัก โดยเก็บได้เพียงสามคะแนนจากเจ็ดเกมแรกของพวกเขา บาจโจ้ยังไม่สามารถยิงประตูแรกของตัวเอง และที่เลวร้ายกว่านั้น เขาบาดเจ็บหัวเข่าในเกมกับ เลชเช่ ก่อนคริสต์มาส ซึ่งต้องพักอย่างน้อยสองเดือน
บาจโจ้ กลับมาลงสนามในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์และในที่สุดก็ยิงได้สองประตูในเกมกับ ฟิออเรนติน่าอดีตทีมเก่าของเขา
การมาถึงของเด็กหนุ่ม
ความหวังในการเอาตัวรอดของ เบรสชา ได้รับแรงหนุนจากการเซ็นสัญญายืมตัว อันเดรีย ปิร์โล่ มิดฟิลด์วัย 21 ปี เข้าร่วมทีมในเดือนมกราคม ซึ่งเขาเปรียบเสมือนลูกชายของเมืองนี้ เพราะ ปิร์โล่ ประเดิมสนามให้กับสโมสรตั้งแต่ปี 1995 ซึ่งตอนนั้นเขาอายุแค่ 16 ปี ก่อนจะย้ายไปอินเตอร์ มิลาน หลังจากหาโอกาสลงสนามให้ ‘งูใหญ่’ ได้ค่อนข้างยาก ปิร์โล่ ก็กลับมาที่สโมสรบ้านเกิดอีกครั้งด้วยสัญญายืมตัว
ขณะที่ บาจโจ้ ได้รับบาดเจ็บ ปิร์โล่ เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก(trequartista)ตามปกติ โดยปฏิบัติการอยู่ด้านหลังดาริโอ ฮูบเนอร์ อย่างไรก็ตาม มาซโซเน่ จะไม่มีทางวางผู้เล่นหมายเลข 10 ลงเล่นพร้อมกันสองคนแน่นอนเมื่อ บาจโจ้ กลับมา ดังนั้นเขาจึงคิดค้นวิธีแก้ปัญหาที่แยบยล
“วันหนึ่ง ผมแยกปิร์โล่ ออกมาขณะกำลังฝึกซ้อม ก่อนพูดว่า อันเดรีย ฉันต้องการปรับปรุงและพัฒนาการเล่นของทีมเรา และฉันต้องให้นายช่วย นายมีเซนส์ฟุตบอลและเทคนิคที่ดี มีเท้าที่ฉกาจ และรู้วิธีเคลื่อนไหว ฉันต้องการเปลี่ยนตำแหน่งของนาย นายต้องรับบทเป็นเพลย์เมกเกอร์หน้ากองหลัง!”
ปิร์โล่ ทำสีหน้าฉงน เขามองมาที่โค้ชอย่างงุนงงก่อนจะพูดว่า “แต่ผมจะหาโอกาสยิงประตูได้ยากมากนะครับโค้ช…“
มาซโซเน่ เชื่อว่าแนวคิดนี้จะได้ผล โดยบอกกับปิร์โล่ว่า “นายเป็นคนมีวิสัยทัศน์ที่สมบูรณ์แบบ แต่กลับถูกบดบังไว้ด้วยสายตาของพวกเขา นายต้องคอยควบคุมการเล่นของทีมและอย่าเล่นโดยหันหลังให้เป้าหมายเหมือนผู้เล่นตัวโจมตีคนอื่นๆ”
แนวคิดนี้ไม่อาจบรรลุผลได้ในทันที เบรสชา แพ้ให้กับลาซิโอ, โรม่า และอตาลันต้า โดยเสียไป 7 ประตู แถมยิงได้ประตูเดียว เมื่อถึงวันที่พวกเขาต้องเดินทางไปยัง เดลเล อัลปิ เพื่อพบกับยูเวนตุส พวกเขาก็กลายเป็นทีมอันดับสามจากท้ายตาราง
แมตช์แห่งยูเรก้า
แมตช์นี้สามารถเรียกความสนใจจากผู้ชมเพื่อเข้ามายังสนาม บาจโจ้ และปิร์โล่ ต้องดวลกับ เดล ปิเอโร่ และซีเนอดีน ซีดาน ซึ่ง ยูเวนตุส ตอนนั้นคุมทีมโดยคาร์โล อันเชล็อตติ ที่พยายามแย่งชิงแชมป์สคูเดตโต้กับโรม่า ที่กำลังครองตำแหน่งจ่าฝูง ดังนั้น อันเชล็อตติ จึงรู้ว่าทีมของเขาไม่อาจมีที่ว่างสำหรับข้อผิดพลาด ยูเว่ ออกสตาร์ทอย่างสดใส และเดล ปิเอโร่ ส่องฟรีคิกสร้างโอกาสขึ้นนำให้ทีม บาจโจ้ ไม่อยากถูกอดีตตัวสำรองของเขาแซงหน้า เขาจึงลองทดสอบ เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ จากระยะไกล ส่วน ซีดาน ก็มีเกมที่ดีในช่วงสองสามเดือนสุดท้ายของเขาในอิตาลี ซึ่งกองกลางชาวฝรั่งเศสคอยทดสอบแนวรับเบรสชาเพื่อหาช่องเจาะตาข่ายให้สำเร็จ
แต่แล้ว จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า ยิงในยูเว่ออกนำหลังผ่านครึ่งชั่วโมงด้วยลูกยิงวอลเลย์คมกริบ หลังจากช่วงเวลานั้น เดล ปิเอโร่ ได้โอกาสบวกประตูเพิ่มให้ทีมแต่ลูกบอลกลับลอยข้ามคานออกไป
บาจโจ้ ซึ่งตอนนี้ปลายผมหางม้าของเขาเริ่มปรากฎสีดอกเลาแซมดำอันเป็นเอกลักษณ์ได้ป้อนโอกาสให้ ปิร์โล่ ทางซ้าย ซึ่งลูกเปิดลอยข้ามศรีษะ ฮูบเนอร์ ไปอย่างหวุดหวิด ทว่าเมื่อหมดเวลาครึ่งแรก สกอร์ยังคงอยู่ที่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง เมื่อเวลาเหลืออีกสี่นาทีก่อนจบเกม ปิร์โล่ ได้บอลก่อนเหลือบมองเล็กน้อยว่า บาจโจ้ อยู่ตรงไหน
“ผมเคยแย่งบอลจากเพื่อนร่วมทีมและมองหาโรแบร์โต้ ทันที ไม่ว่าจะอยู่ในแดนหลังหรือระหว่างแนวรับ” เขาเล่าย้อนในภายหลัง
บาจโจ้ กำลังซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเซ็นเตอร์แบ็คยูเว่ ทั้งชีโร่ เฟอร์ราร่า และอิกอร์ ทูดอร์ จากนั้น ปิร์โล่ ปล่อยบอลออกจากเท้าระยะ 40 หลาไปในทิศทางที่บาจโจ้ยืนอยู่ ส่งผลให้มีเพียง ฟาน เดอ ซาร์ เท่านั้นที่ยืนขวาง บาจโจ้ กับปากประตู
บาจโจ้เคยกล่าวว่าเขาไม่เคยพอใจกับการยิงประตูที่ง่ายดาย ดังนั้นเขาจึงได้พิสูจน์ให้เห็นอีกครั้ง ขณะที่บอลจากเท้า ปิร์โล่ ลอยตกมาจากท้องฟ้า…
บาจโจ้ ตัดสินใจยกระดับความยากเป็นอีกร้อยเท่า เขาไม่ได้หวดตูมเดียวในจังหวะแรก แต่กลับบิดข้อเท้าเพื่อควบคุมลูกบอลในลักษณะที่ลากบอลหลบผู้รักษาประตู สัมผัสบอลแรกของเขาได้สร้างงานอันหนักอึ้งให้แก่ ฟานเดอ ซาร์ ที่ต้องพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อจะช่วยเหลือทีมให้รอดพ้นการเสียประตู
ลำดับทั้งหมดนั้นลื่นไหลและไร้ที่ติ ไม่มีร่องรอยความตื่นตระหนกในการเคลื่อนไหวของบาจโจ้ ในขณะที่เขาลากบอลผ่านเดอ ซาร์ ด้วยความสงบผ่านการคำนวณ บาจโจ้รอและเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมในการส่งลูกบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายอย่างช้าๆ ปารามัตติ กองหลังยูเว่ไปไม่ถึงก่อนบอลข้ามเส้น ฟาน เดอ ซาร์ ยืนเอามือเท้าสะโพก ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาเพิ่งเห็นอะไร มันเป็นหนึ่งในการสัมผัสบอลแรกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาตร์ของโลกฟุตบอล
ภารกิจมาไกลเกินฝัน
“ในอาชีพการงานที่มอบสิ่งมีค่าเล็กน้อยบนเส้นทางสู่ถ้วยรางวัล การทำประตูของ บาจโจ้ เปรียบดังงานศิลปะ ผลงานชิ้นเอกที่จะถูกค้นพบอีกครั้ง ชื่นชมยินดี และชำแหละกันต่อมาอีกหลายชั่วอายุคน เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมเห็นประตูนั้นอีกครั้ง แม้แต่ตอนนี้ ผมยังคงยืนปรบมือให้แก่เขา” มาซโซเน่ เขียนไว้ในหนังสืออัตชีวประวัติของเขา
การแข่งขันจบลงที่สกอร์ 1-1 ยูเว่ตามหลังในการชิงแชมป์ และโรม่าก็คว้าแชมป์สคูเด็ตโต้ เป็นเรื่องเหมาะสมที่จะกล่าวว่า บาจโจ้ คือผู้ยืนขวางเส้นทางความสำเร็จของ อันเชล็อตติ และยูเวนตุส
ก่อนหน้านั้น อันเชล็อตติ ปฏิเสธโอกาสที่จะเซ็นสัญญากับบาจโจ้ในปี 1997 ขณะที่เขาเขากำลังดูแลปาร์ม่า โดยให้เหตุผลว่าไม่มีที่ว่างสำหรับบาจโจ้ ในระบบ 4-4-2 ที่เข้มงวดของเขา(การตัดสินใจนี้ อันเช่ ยอมรับในภายหลังว่าเขาเสียใจยิ่ง)
ประตูดังกล่าวไม่ใช่เกี่ยวข้องกับ บาจโจ้ เพียงเท่านั้น มันเป็นช่วงเวลาแห่ง ‘ยูเรก้า’ ของ ปิร์โล่ ในเกมที่ทำให้เขาผูกพันกับตำแหน่งใหม่“ผมรู้ในบ่ายวันนั้นว่าผมพบปรากฎการณ์ของฟุตบอลอิตาลี” มาซโซเน่ กล่าวโยงถึงปิร์โล่ แม้เขาจะไม่ได้รับเครดิตในเรื่องนี้มากพอ
หลังผลเสมอที่ตูริน บาจโจ้ และเบรสชาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยบาจโจ้ ยิงเจ็ดประตูในห้าเกมถัดมา และเบรสชาไม่แพ้ใครตลอดสิบเกมหลังสุดของฤดูกาลที่ทีมพุ่งขึ้นสูงสุดถึงอันดับแปดบนตาราง ซึ่งเป็นการจบฤดูกาลด้วยอันดับสูงสุดของสโมสร
พวกเขาผ่านเข้ารอบฟุตบอลอินเตอร์ โตโต้ คัพ ในที่สุดก็แพ้เปแอสเช ในรอบชิงชนะเลิศ และบาจโจ้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลบัลลงดอร์ตอนอายุ 34 ปี เขาเป็นผู้เล่นที่อายุมากสุดที่เข้ารอบ
บาจโจ้ เคยปะทะกับโค้ชหลายครั้งตลอดอาชีพค้าแข้ง แต่ความสัมพันธ์ของเขากับมาซโซเน่ คือกุญแจแห่งความสำเร็จของเบรสชา เมื่อ บาจโจ้ เซ็นสัญญากับสโมสร เขาได้ยืนยันว่าสัญญาของเขามีการระบุว่าหาก มาซโซเน่ ถูกไล่ออก เขาจะได้รับอนุญาตให้ออกจากทีมด้วยเช่นกัน
“เขาเป็นผู้จัดการทีมที่ผมใฝ่ฝันมาตลอด มาซโซเน่ จริงใจ ห่างไกลจากความหน้าซื่อใจคดและความหลงใหลในอำนาจเผด็จการ เขาปล่อยให้ผมค้นพบความสุขในการเลี้ยงบอล และการทดลองที่น่าตื่นเต้น สิ่งเดียวที่ผมเสียใจ คือผมไม่ได้พบเขาก่อนหน้านี้ในอาชีพการงานของผม”
ซึ่ง มาซโซเน่ ก็ได้กล่าวถึงอดีตลูกทีมของเขาเช่นกันว่า “บาจโจ้ เป็นหนึ่งในผู้เล่นอิตาลีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขาเป็นคนเงียบ สุภาพ ให้เกียรติ ถ่อมตน เขาไม่เคยปล่อยให้พรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ของเขาหนักใจใคร เขาเป็นเพื่อนที่ช่วยให้ผมชนะในวันอาทิตย์ แต่ในฐานะผู้ชาย เขายิ่งใหญ่กว่าสามเท่า”
ส่วน อันเดรีย ปิร์โล่ หลังจากจบฤดูกาลที่ถูกยืมตัวมาที่ เบรสชา เขามุ่งหน้าสู่สโมสร เอซี มิลาน ก่อนเริ่มขีดเขียนตำนานบทใหม่ในตำแหน่ง Deep-Lying Playmaker มิต่างจากคอนดักเตอร์บนผืนหญ้า ซึ่งยากจะหาใครเทียบเทียมจวบจนปัจจุบัน