กีฬาฟุตบอล

ย้อนรอย 5 นัดชิงในความทรงจำ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

12 7 67 - ย้อนรอย 5 นัดชิงในความทรงจำ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศเสียที สำหรับศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปหรือ ยูโร 2024 โดยคู่ชิงชนะเลิศในปีนี้เป็นการโคจรมาพบกันของ ทีมชาติสเปน เจ้าของแชมป์ยุโรป 3 สมัย พบกับ ทีมชาติอังกฤษ ที่ยังไม่เคยสัมผัสกับโทรฟี่แชมป์ ยูโร เลยแม้แต่หนเดียว

สำหรับคู่ชิงชนะเลิศ ยูโร 2024 ถือเป็นคู่ชิงชนะเลิศในฝันของเหล่าบรรดาคอบอลหลายๆคนเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามก่อนที่ทัพ กระทิงดุ และ สิงโตคำราม จะดวลกันเพื่อชิงความเป็นหนึ่งในทวีปยุโรป หากเราย้อนอดีตกลับไปในห้วงระยะเวลา 20 ปีหลัง มีเกมนัดชิงชนะเลิศในศึก ยูโร หลายเกมที่อยู่ในความทรงจำของเหล่าบรรดาแฟนบอล ซึ่งวันนี้เราจะขอย้อนอดีตไปพูดถึง 5 เกมในความทรงจำของนัดชิงชนะเลิศศึก ยูโร ในรอบ 20 กว่าปีที่ผ่านมา ว่ามีเกมไหน ชอตไหนบ้าง ที่ยังคงติดตราตรึงในหัวใจของคุณผู้ชมมาจนถึงปัจจุบันทุกวันนี้

ยูโร 1996 รอบชิงชนะเลิศ ณ สนามเวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ : เยอรมัน 2-1 สาธารณรัฐเช็ก (โกลเด้นโกล)

image 26 - ย้อนรอย 5 นัดชิงในความทรงจำ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

ปี 1996 ศึก ยูโร ถูกจัดขึ้น ณ ประเทศอังกฤษ โดยคู่ชิงชนะเลิศเป็นการพบกันของ เยอรมนี ที่อุดมไปด้วยแข้งูเปอร์สตาร์อย่าง เยอร์เก้น คลินสมันน์ ,มัตธิอัส ซามเมอร์ ,เมห์เมต โชลล์ ,คริสเตียน ซีเก้ พบกับชาติม้ามืดอย่าง สาธารณรัฐเช็ก ที่ทะลุเข้ามาชิงชนะเลิศได้แบบหักปากกาเซียน ซึ่งจริงๆแล้วทั้งคู่เจอกันมาแล้วในรอบแบ่งกลุ่ม ก่อนที่ อินทรีเหล็ก จะเอาชนะไปก่อน 2-0

หลังจากนั้นเส้นทางของ เยอรมัน ในรอบน็อกเอ๊าต์ พวกเขาผ่าน โครเอเชีย และหยุดเจ้าภาพอังกฤษไว้ที่รอบรองชนะเลิศจากการดวลจุดโทษ ขณะที่ เช็ก กลายเป็นทีมที่ยิ่งเล่นยิ่งน่าจับตามอง เพราะพวกเขาสอยทั้ง อิตาลี ตั้งแต่รอบแรก ก่อนปราบ โปรตุเกส ในรอบน็อกเอ๊าต์ แถมยังช็อคโลกด้วยการดวลเป้าเอาชนะ ฝรั่งเศส ในรอบรองชนะเลิศ กลับมารีแมตช์กับ เยอรมัน อีกครั้ง

ซึ่งในเกมรอบชิงชนะเลิศ ความมหัศจรรย์ของสาธารณรัฐเช็ก ก็ต้องหยุดอยู่เพียงแค่น้ัน โดยในเวลา 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ก่อนที่ในช่วงต่อเวลาพิเศษในเวอร์ชั่นโกลเด้นโกล จะกลายเป็น โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ กองหน้าจ้าวเวหา ที่ใช้ตัวพักบอลก่อนกลับตัวยิงบอลไปแฉลบกองหลังสาธารณะรัฐเช็กเข้าประตู และเป็นประตูชัยในเวอร์ชั่น โกลเด้น โกล ที่ทำให้ เยอรมัน คว้าแชมป์ยูโร สมัยที่ 3 มาครองถึงดินแดนคู่อริตลอดกาลอย่างอังกฤษ

ยูโร 2000 รอบชิงชนะเลิศ ณ สตาดิโอน เฟเยนูร์ด ประเทศเนเธอร์แลนด์ : ฝรั่งเศส 2-1 อิตาลี (โกลเด้นโกล)

image 27 - ย้อนรอย 5 นัดชิงในความทรงจำ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

หลายคนน่าจะจำภาพของ ดาวิด เทรเซเกต์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศส ที่วิ่งถอดเสื้อดีใจอย่างบ้าคลั่งในรอบชิงชนะเลิศ ยูโร 2000 ได้เป็นอย่างดี  โดยศึก ยูโร 2000 ได้ เบลเยี่ยม กับ เนเธอร์แลนด์ ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ โดยคู่ชิงชนะเลิศหนนั้นเป็นการโคจรมาพบกันของ ทัพ ตราไก่ และ อัซซูรี่ ที่น่าจะเป็น 2 ชาติที่ดีที่สุดในโลก ณ ตอนนั้นทั้งในแง่ของขุมกำลังและสไตล์การเล่น 

ฝรั่งเศส ที่เพิ่งจะคว้าแชมป์โลกใน เวิลด์คัพ 98 นี้ยังคงเต็มไปด้วยแข้งซูเปอร์สตาร์ทั้ง ซีเนดีน ซีดาน ,เธียร์รี อองรี ,ยูรี จอร์เกฟฟ์ ,ดิดิเยร์ เดสชองส์ ,ปาทริซ วิเอรา ,โรลองต์ บลองค์ ,ลิเลียง ตูราม และ

ยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ขณะ อัซซูรี่ ของ ดีโน่ ซอฟฟ์ มาในเวอร์ชั่นที่แกร่งไม่แพ้กันทั้ง ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ,อเลสซานโดร เนสต้า ,เจนนาโร กัตตูโซ่ ,อันโตนิโอ คอนเต้ ,อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ,ฟิลิปโป้ อินซากี้ และ ฟรานเชสโก้ ต็อตติ

เกมนี้ อิตาลี ได้ประตูนำก่อน ในนาทีที่ 55 1-0 จาก มาร์โก เดลเวคคิโอ ซึ่งดูเหมือนว่าช่วงท้ายตำแหน่งแชมป์จะกลายเป็นของ อิตาลี แต่แล้วโชคชะตาก็มาเล่นตลกกับพวกเขา เมื่อฝรั่งเศสมาได้ประตูตีเสมอในช่วงทดเวลาบาดเจ็บจาก ซิลแว็ง วิลตอร์ ให้สกอร์กลับมาเท่ากันที่ 1-1 นั่นทำให้เกมนี้ ต้องยืดยื้อไปถึงช่วงต่อเวลาพิเศษด้วยกฎโกลเด้นโกล

สุดท้ายกลายเป็น ฝรั่งเศส ที่โกงความตายมาได้ประตูชัยจากการวอลเล่ย์ด้วยซ้ายตูมเดียวของ ดาวิด เทรเซเก้ต์ และกลายเป็นประตูชัยในเวอร์ชั่น โกลเด้นโกล อีกครั้งที่ทำให้พวกเขาพลิกสถานการณ์กลับมาเอาชนะ อิตาลี 2-1 ได้สำเร็จ ท่ามกลางคราบน้ำของเหล่าขุนพล อัซซูรี่ เพราะเหลืออีกเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น พวกเขาก็จะเป็นแชมป์ ยูโร 2000 อยู่แล้ว แต่สุดท้ายกลายเป็นต้องน้ำตาเช็ดหัวเข่ากันทั้งประเทศ

ยูโร 2004 รอบชิงชนะเลิศ ณ เอสตาดิโอ ดา ลุซ  ประเทศโปรตุเกส : กรีซ 1-0 โปรตุเกส (ซิลเวอร์โกล)

image 28 - ย้อนรอย 5 นัดชิงในความทรงจำ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

ศึก ยูโร 2004 ที่ประเทศโปรตุเกสการแข่งขันในรอบชิงชนะเลิศ เป็นอีกเกมที่พลิกล็อควินาศสันตะโร เมื่อ โปรตุเกส ที่เข้าชิงต่อหน้าแฟนบอลของตัวเอง แต่กลับแพ้ทีมมเามืดอย่าง กรีซ ไปแบบช็อคโลก 0-1 โดย ทีมชาติกรีซ ของ อ็อตโต้ เรฮาเกิ้ล เปิดฉากทัวร์นาเมนต์ยูโร 2004 ด้วยการเอาชนะเจ้าภาพ โปรตุเกส ที่เต็มที่ไปด้วยแข้งตัวท็อปมากมายทั้ง หลุยส์ ฟิโก้, เปโดร เปาเลต้า, มานิเช่, เดโก้ และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ในวัย 18 ปี ก่อนจะกรุยทางเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ด้วยการโค่นทั้งฝรั่งเศสและสาธารณรัฐเช็ก ก่อนเข้าไปดวลกับ โปรตุเกส อีกครั้งในรอบชิงชนะเลิศ

โดยในเกมรอบชิงชนะเลิศ กรีซ ยังคงเล่นได้แบบเหนียวแน่นหนึบทำให้เจ้าภาพอยากโปรตุเกสเจาะแทบไม่เข้า แถมยังมาโดนที่เด็ดของ อันเจลอส ชาริสเตอัส ที่มายิงประตูชัยในเวอร์ชั่นซิลเวอร์โกล พาทีมชาติกรีซ จารึกเทพนิยายโรมัน ด้วยการเอาชนะ โปรตุเกส 1-0 คว้าแชมป์ยูโร 2004 ได้แบบหักปากกาเซียนคนทั้งโลก และแทบจะเป็นชาติม้ามืดที่สุดที่ได้สัมผัสกับโทรฟี่แชมป์ยูโร

ยูโร 2008 รอบชิงชนะเลิศ ณ แอร์นสต์ แฮปเปล สตาดิโอน ประเทศออสเตรีย : สเปน 1-0 เยอรมัน

image 29 - ย้อนรอย 5 นัดชิงในความทรงจำ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

ศึกยูโร 2008 ที่ออสเตรีย รอบชิงชนะเลิศเป็นการโคจรมาพบกันของ ทีมชาติสเปน ในยุคทอง ภายใต้การทำทีมของ หลุยส์ อราโกเนส โดยขุนพลกระทิงดุผ่านเข้ามาพบกับ ทีมชาติเยอรมัน ภายใต้การคุมทีมของ โยเอาคิต็เลิฟ ที่ขุมกำลังแกร่งไม่แพ้กัน ซึ่งเกมนี้ถือเป็นอีก 1 เกมสำหรับรอบชิงในความทรงจำ เพราะทั้งสองชาติ เต็มไปด้วยนักเตะระดับซูเปอร์สสตาร์มากมาย สเปน นำโดยเฟร์นันโด ตอร์เรส ดาบิด ซิลบา เชส ฟาเบรกาส ชาบี อันเดรส อิเนียสตา เซร์คิโอ รามอส กาเลส ปูโยล

โดย สเปน ผ่านรอบแรกด้วยการชนะรวดจนคว้าแชมป์กลุ่ม ก่อนจะปราบ อิตาลี และ รัสเซีย จนทะลุเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ขณะที่เยอรมัน ก็มีทั้ง โธมัส มุลเลอร์ มานูเอล นอยเออร์ มัตส์ ฮุมเมิ่ล ,บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ,ฟิลลิป ลาห์ม รวมไปถึง มิชาเอล บัลลุค ที่สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีม โดยเกมนี้มีเพียงประตูเดียวที่เกิดขึ้น และเป็นประตูชัยของ สเปน ที่ เฟร์นานโด้ ตอร์เรส จารึกชื่อตัวเองบนสกอร์บอร์ดได้สำเร็จในนาทีที่ 33 ของเกม ส่งให้ สเปน คว้าแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อมกับหยุดสถิติไร้โทรฟี่แชมป์มายาวนานไว้ที่ 44 ปี

หลังจากที่ สเปน คว้าแชมป์ยูโร สมัยที่ 2สำหรับ แม้หลุยส์ อาราโกเนสจะวางมือไปแต่กุนซือผู้มาแทนอย่างบิเซนเต้ เดล บอสเก้ ก็ยังพาทีมประสบความสำเร็จในทัวร์นาเมต์ใหญ่ต่อเนื่องได้อีกถึง 2 รายการติดต่อกันอันได้แก่แชมป์ฟุตบอลโลก 2010 และแชมป์ยูโร 2012 นั่นเท่ากับว่าสเปนประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติลากยาวต่อเนื่องถึง 6 ปีเลยทีเดียว

ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ ณ เวมบลีย์ ประเทศอังกฤษ : อิตาลี 1-1 อังกฤษ (อิตาลีชนะจุดโทษ)

image 30 - ย้อนรอย 5 นัดชิงในความทรงจำ ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป

ศึก ยูโร 2020 หรือ ยูโร ครั้งล่าสุดที่กลับไปจัดกันที่ประเทศอังกฤษอีกครั้ง โดยคู่ชิงชนะเลิศหนล่าสุดเป็นการโคจรมาพบกันของ ทีมชาติอิตาลี ภายใต้การคุมทีมของ โรแบร์โต มันชินี่ พบกับ ทีมชาติอังกฤษ ที่มาในฐานะเจ้าภาพและมี แกเร็ธ เซาธ์เกต คุมทีม โดยผลการแข่งขันรากฎว่า จบครึ่งแรกอังกฤษขึ้นนำ 1-0 จากประตูของ ลุค ชอว์ ในนาทีที่ 2 อย่างไรก็ตาม

ครึ่งหลัง อิตาลีได้ประตูตีเสมอ 1-1 จนนาทีที่ 67 เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ สำเร็จจาก จากนั้นครบ 90 นาที ไม่มีทีมไหนทำประตูเพิ่มได้ต้องต่อเวลาพิเศษ จนผ่านไปอีก 30 นาที ของการต่อเวลาพิเศษรวม 120 นาที ก็ยังไม่มีทีมชนะ จนต้องหาผู้ชนะด้วยการดวลลูกจุดโทษ และเป็นอิตาลีที่ยิงแม่นกว่าและเซฟประตูได้มากกว่า สามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลยูโร2020 ได้ในที่สุด

ซึ่งผู้เล่นของ อังกฤษ ที่ยิงไม่เข้าเป็นคนสุดท้ายก็คือ โบกาโย่ ซาก้า อย่างไรก็ตามดูเหมือ นว่าตอนนี้ ซาก้า และทีมชาติอังกฤษจะแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม มีโอกาสไม่น้อยที่จะลบฝันร้ายเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ด้วยการคว่ำ สเปน คว้าแชมป์ยูโร เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ให้ได้

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ

เปิดให้บริการในไทยมานานกว่า 10 ปี การันตีความมั่นคงด้วยการเป็นผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการให้กับทีมฟุตบอลชั้นนำอย่าง ลิเวอร์พูล และ บาเยิร์น มิวนิค

Share: