สมัยโบราณ วิถีชีวิตคนไทยสมัยก่อนก็ทำให้รู้เราว่า หวย ที่ปัจจุบันเราชอบเสี่ยงดวงกันนั้น มีมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย ทวด ของเรานู้นเลย ที่สำคัญ หวย ในสมัยก่อนก็ไม่ได้ออกเป็นตัวเลขเหมือนในปัจจุบัน แต่เริ่มออกเป็นตัวอักษรก่อน?! ซึ่งเรียกกันว่า “หวย ก.ข.“ ออกผลวันละสองเวลา เช้า-เย็น ซะด้วย!!! เรียกได้ว่าลุ้นกันทุกวันให้หัวใจสูบฉีด กระปรี่กระเปร่ากันแบบ Non Stop กันเลยทีเดียว แต่จุดเริ่มต้น หวยมาจากไหน ใครคิด ใครเริ่ม ก่อนจะมาเป็นหวยในปัจจุบัน ถ้าอยากรู้แล้ว งั้นตาม 188BET ไปย้อนรอยประวัติหวยไทยในรอบ 200 ปี กันเลยค่ะ …
แทงหวยผ่านรูปภาพ / อักษรจีน
ในช่วง พ.ศ 2360 คนไทยรับวัฒนธรรมหวยมาจากคนจีนที่อพยพมาอยู่ไทย แต่ยังไม่นิยมมากนัก ส่วนใหญ่เล่นกันแค่ในกลุ่มคนจีน โดยเรียกกันว่า “ฮวยหวย” เป็นคำภาษาจีนแปลว่า “ชุมนุมดอกไม้” เพราะแต่เดิมชาวจีนจะแกะสลักเป็นรูปดอกไม้ชนิดต่างๆบนใบหวย และพัฒนาเปลี่ยนมาเป็นทายชื่อบุคคลสำคัญของจีนในอดีต โดยเขียนชื่อด้วยอักษรจีนบนป้ายเล็ก ๆ จำนวน 34 ป้าย และต่อมาได้เพิ่มชื่อขึ้นอีก 2 ชื่อ รวมเป็นตัวหวย 36 ตัว
วิธีเล่น “ฮวยหวย”
เจ้ามือจะเลือกแผ่นป้ายชื่อ 1 แผ่นใส่ในกระบอกปิดฝามิดชิดแล้วแขวนไว้บนหลังคาโรงหวย ส่วนคนเล่นจะทายว่าชื่อในกระบอกที่ถูกเลือกนี้ เป็นชื่อของใคร ถ้าทายถูกเจ้ามือจะต้องจ่าย 30 ต่อ 1 แน่นอนว่าถ้าทายผิดเจ้ามือก็กินเรียบกันไป
*ใครอยากฟังคำว่า “ฮวยหวย” นั้นออกเสียงยังไง คลิกฟังที่นี้เลยค่ะ >>>ฟัง<<<
แทงหวยผ่านตัวอักษรไทย ไม่ใช่ ตัวเลข
ราวปี พ.ศ. 2375 สมัยรัชกาลที่ 3 ซึ่งเป็นช่วง ข้าวยากหมากแพง คนไม่ยอมนำเงินมาใช้ เอาเงินไปฝังไว้ในดิน ต่อมาได้แก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการตั้งโรงหวย เพื่อหวังกระตุ้นเศรษฐกิจ สมัยรัชกาลที่ 3 จึงโปรดเกล้าฯ ให้เจ้าสัว “จีนหง” ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งนายอากรสุรา ตั้งโรงหวยขึ้นมาตั้งแต่บัดนั้น (ไม่ใช่จีนฮงในเรื่องบุพเพสันนิวาสนะจ๊ะ ^^)
“จีนหง” นายอากรสุรา ผู้ก่อตั้งโรงหวย
เมื่อหวยเริ่มเป็นที่นิยมสู่สังคมไทย จึงได้มีการออกหวยมาเป็นอักษรไทยแทน (ซึ่งใช้ตัวอักษร 36 ตัว) เช่น ก. สามหวย ข.ง่วยโป๊ เป็นต้น เพราะคนไทยอ่านอักษรจีนไม่ออก และชื่อ “ฮวยหวย” ก็เพี้ยนมาเป็น “หวย” จนถึงทุกวันนี้ สำหรับหวยที่นำมาเริ่มเล่นในไทยนั้นมีเพียง 34 ตัว เท่านั้น โดยตัดอักษร 8 ตัว คือ ฎ ฏ ฐ ฑ ฒ ณ ศ ษ ทิ้ง เพราะเขียนในแผ่นป้ายได้ยาก และถูกเรียกกันว่า “หวย ก.ข.” โดยมีโรงหวยซึ่งเป็นของรัฐ และมีเอกชนเป็นผู้ได้รับสัมปทานดำเนินการ ทั้งนี้นายอากรหวย ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “ขุนบาน” หรือ ที่เรารู้จักกัน ว่า“เจ้ามือหวย” เรียกได้ว่ารายได้จากอากรหวยนั้นมีเป็นจำนวนมาก และถือเป็นรายได้ที่สำคัญของรัฐบาลในเวลานั้น
วิธีเล่น “หวย ก. ข.”
เริ่มแรกผู้เล่นต้องไปซื้อหวยจากเสมียนก่อน ซึ่งจะตั้งโต๊ะขายตามหัวมุมถนนเส้นต่าง ๆ โดยมี “โพย” ซึ่งเป็นใบเสร็จรับเงินของโรงหวยที่เสมียนออกให้เป็นหลักฐาน (“โพย” จะเขียนตัวอักษรที่ผู้เล่นทาย วันเดือนปีที่ซื้อ เวลาที่หวยออก และจำนวนเงินที่ทาย รวมทั้งรางวัลที่จะได้รับหากถูกหวย) ผู้ซื้อจะถือปลายขั้วของโพยเก็บไว้เป็นหลักฐาน ส่วนเสมียนซึ่งถือต้นขั้วโพยจะนำต้นขั้วนี้ส่งให้ขุนบาลก่อนเวลาที่หวยจะออก
เวลาหวยออกจะนำตัวหวยที่คิดไว้ก่อนแล้วใส่ถุง แล้วชักรอกแขวนให้ผู้เล่นดูว่าหวยงวดนี้ออกตัวไหน คนที่ถูกหวยจะได้รางวัล 30 ต่อทุนทั้งหมด (เงินรางวัลล่อใจมาก ><) ส่วนเสมียนจะได้เงินจากการแทงหวยอีกต่อหนึ่ง
*รูปภาพใช้เพื่อประกอบเนื้อหาเท่านั้น
เปิดซิง ลอตเตอรี่ แบบยุโรปงวดแรกในไทย
สมัยของรัชกาลที่ 5 คนนิยมเล่นหวยมากเกินที่รัฐจะจัดให้เล่นได้ หลายพื้นที่เกิดขุนบานเถื่อนขึ้นทั่วประเทศ รัชกาลที่ 5 เลยทรงมีพระราชดำริ ที่จะยกเลิกการเล่นพนัน แต่เพราะว่าอากรหวยเป็นรายได้ที่สำคัญของรัฐ จึงได้ทรงยกเลิกอากรบ่อนเบี้ยให้น้อยลงก่อนตามลำดับ
เฮนรี่ อาลาบาศเตอร์
ผู้นำลอตเตอรี่แบบยุโรปมาเผยแพร่ในไทย
และในปี พ.ศ. 2417 ได้มีการออก “ลอตเตอรี่” ขึ้นเป็นครั้งแรกในไทย โดยชาวอังกฤษชื่อ นาย “เฮนรี่ อาลาบาศเตอร์” ซึ่งขณะนั้นเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์ของรัชกาลที่ 5 และเป็นผู้นำสลากแบบยุโรปมาเผยแพร่ที่ไทย สำหรับการออกลอตเตอรี่ครั้งแรกเกิดขึ้นในวันที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2417 ซึ่งเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ฝ่ายทหารมหาดเล็กได้เชื้อเชิญบรรดาพ่อค้าฝรั่งให้นำสินค้า หรือข้าวของแปลก ๆ มาจัดแสดงนิทรรศการ “โรงมุเซียม” ระหว่างการขนส่งเกิดมีสินค้าแตกหักหลายชิ้น ทางฝ่ายผู้จัดงานนึกเห็นใจ จึงเปิดโอกาสให้พ่อค้าฝรั่งเหล่านั้นออกตั๋ว “ลอตเตอรี่” ตามแบบยุโรป เพื่อให้คนซื้อได้เสี่ยงโชครับเป็นของ หรือเงินรางวัล และได้มีการออกลอตเตอรี่ในวาระพิเศษอีกหลายครั้ง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยบำรุงสาธารณกุศล
*ลอตเตอรี่ในยุคแรก ผู้ถูกรางวัลจะให้รับเป็นสิ่งของที่มีราคาเท่ากับเงินรางวัลแทน หรือถ้าจะรับเป็นเงินสดก็จะถูกหัก 10%
เหตุมีเจ้ามือเถื่อนเกินรัฐจะควบคุม
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงให้เลิกบ่อน หวย ก.ข. สำเร็จ เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2458 และหลังจากเลิกหวย ก.ข. แล้ว ในปี พ.ศ. 2460 เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 อังกฤษซึ่งเป็นฝ่ายสัมพันธมิตรอยากจะกู้เงินจากไทยเพื่อใช้ในการสงคราม แต่กู้โดยตรงจากรัฐบาลไทยไม่ได้ เพราะเป็นการกระทบงบประมาณ สภารักชาติแห่งประเทศอังกฤษ จึงเสนอนโยบายกู้เงินจากประชาชนด้วยการออกลอตเตอรี่ โดยได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาตจากรัชกาลที่ 6 นั่นเอง
รัฐหารายได้ช่วยบำรุงกองเสือป่าอาสาสมัครรักษาดินแดน
ต่อมาในปี พ.ศ.2466 รัชกาลที่ 6 ทรงให้ออก ลอตเตอรี่เสือป่าล้านบาท เพื่อหารายได้มาบำรุงกองเสือป่าอาสาสมัคร (หรือที่เรารู้จักในปัจจุบันคือกิจการลูกเสือไทย) ซึ่งพิมพ์จำนวน 1 ล้านฉบับ ขายฉบับละ 1 บาท สมัยนั้นแค่นำเลขที่ออกรางวัลใส่กล่องทึบ แล้วใส่ลงในไห ตั้งไหเรียงลำดับจากหลักหน่วย สิบ ร้อย พัน หมื่น แสน ก่อนออกรางวัลกรรมการจะจับสลากเพื่อทราบว่าครั้งนี้จะออกรางวัลที่เท่าใด แล้วจึงให้กรรมการล้วงตลับบรรจุหมายเลขออกมาเปิดต่อหน้ากรรมการ และให้ประชาชดูจนครบทุกรางวัล ก็ถือเป็นอันเสร็จการออกรางวัลนั้น
ออกหวยบ่อยขึ้น เหตุรัฐขาดรายได้
หลังจากมีเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ.2476 สมัยรัชกาลที่ 7 รัฐบาลมีนโยบายที่จะลดเงินที่เรียกเก็บจากชายไทยที่ไม่ต้องการรับราชการทหารในสมัยนั้น จึงทำให้รัฐขาดรายได้ รัชกาลที่ 7 จึงได้ดำริให้มีการออกลอตเตอรี่รัฐบาลเป็นประจำขึ้นโดยเรียกว่า ลอตเตอรี่รัฐบาลสยาม โดยพิมพ์ออกจำหน่ายจำนวน 1 ล้านฉบับ ขายฉบับละ 1 บาท ปีละ 4 งวด เท่าน้ัน
รัฐออกหวย หารายได้บำรุงเทศบาล
ในปีพ.ศ. 2477 คณะรัฐมนตรีได้ให้กระทรวงมหาดไทยออก สลากกินแบ่งบำรุงเทศบาล โดยกำหนดว่า หากเดือนใดเป็นเดือนที่ออกสลากกินแบ่งรัฐบาล เดือนนั้นให้งดจำหน่ายสลากกินแบ่งของเทศบาล โดยเริ่มจำหน่ายงวดแรกเมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2478 แล้วออกสลากเดือนเมษายน พ.ศ. 2479 โดยพิมพ์จำนวน 500,000 ขายฉบับละ 1 บาท และได้มีการออกสลากกินแบ่งรัฐบาล และสลากบำรุงเทศบาลเรื่อยมา
ออกหวยจริงจังทุกเดือนจนถึงปัจจุบัน
ในปี พ.ศ. 2482 เริ่มออกสลากกินแบ่งรัฐบาลอย่างจริงจัง และวันที่ 5 เมษายน 2482 ถือเป็นวันสถาปนาสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลจนปัจจุบัน และได้พัฒนาเรื่อยมาจนกระทั่งปี พ.ศ. 2517 ได้มีการออกพระราชบัญญัติสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลขึ้น กำหนดให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเป็นนิติบุคคล และเป็นรัฐวิสาหกิจสังกัดกระทรวงการคลัง
ปัจจุบันสำนักงานฯ ออกผลทุกวันที่ 1 และ 16 ของเดือน งวดละไม่ต่ำกว่า 50 ชุด โดยชุดที่ 01-50 เป็นสลากธรรมดา ชุดที่ 51–100 เป็นสลากการกุศล มีตัวเลข 000000–999999 เหมือนกันทุกชุด (สลากก่อนหน้าปี พ.ศ. 2538 จะเป็นแบบตัวเลข 7 หลัก ตั้งแต่ 0000000–9999999) โดยสลากใบจะมีอยู่ 2 ฉบับคู่กัน นั่นคือหนึ่งใบจะมีหมายเลขเดียวกันสองชุด ทำให้มีสิทธิ์ได้รับรางวัลเป็นสองเท่าจากที่กำหนดไว้ อย่างไรก็ตามหากสลากมีเพียงหมายเลขชุดเดียว อันเนื่องจากการแบ่งขายหรือการพิมพ์ที่ผิดพลาด หากถูกรางวัลก็จะได้รับเงินรางวัลไปชุดเดียว หรือถ้าถูกรางวัลมากกว่าหนึ่งประเภทในสลากใบเดียวกัน ก็รับเงินรางวัลไปตามจำนวนที่ถูก รางวัลต่างๆ แบ่งได้ดังนี้
ตั้งแต่งวด 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป ยกเลิกรางวัลที่ 1 พิเศษ (รางวัลแจ็กพอต) แต่เพิ่มเงินรางวัลที่ 1 จาก 2 ล้านบาท เป็น 3 ล้านบาท
ตั้งแต่งวด 1 กันยายน พ.ศ. 2558 เป็นต้นไป รางวัลเลขท้าย 3 ตัว 4 รางวัล เปลี่ยนเป็นรางวัลเลขหน้า 3 ตัว 2 รางวัล และรางวัลเลขท้าย 3 ตัว 2 รางวัล
อาศัยเลขท้ายจากสลากกินแบ่งรัฐบาล
ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของหวยใต้ดินคงเริ่มมาจากช่วงเวลา พ.ศ. 2459 สมัยรัชกาลที่ 5 ที่มีประกาศยกเลิกหวย ก. ข. แล้วมาขายลอตเตอรี่แทน แน่นอนถึงจะมีช่องทางเสี่ยงโชคอย่าง “ลอตเตอรี่” แต่ด้วยราคาที่แพง มันไม่ตอบโจทย์คนหาเช้ากินค่ำ แถมยังไม่สามารถเลือกแทงเลขเด็ดได้ตามความต้องการของคนไทย จึงเกิดกลุ่มพ่อค้าแม่ค้ารับเป็นเจ้ามือแทงหวยเสียเอง โดยอิงเลขท้ายของผลการออกสลากของรัฐ เดือนละ 2 งวด หวยประเภทนี้รู้จักกันดีเรียกว่า “หวยใต้ดิน” การเล่นหวยใต้ดินสร้างรายได้มากมายให้เจ้ามือ แต่เนื่องจากเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย จึงต้องมีผู้คุ้มครอง หรือแอบเล่นกันเองอาศัยเป็นเพื่อนกันหรือปากต่อปาก
รัฐเป็นเจ้ามือขายหวยเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว
ย้อนไปสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มีนโยบายในการปราบปรามผู้มีอิทธิพล โดยเฉพาะเจ้ามือหวยใต้ดิน แต่ปัญหาก็คือ ประชาชนส่วนใหญ่นิยมแทงหวยใต้ดินกันเหนียวแน่นมาก ก็เลยมีการทำให้หวยใต้ดินถูกกฎหมายซะเลย โดยวิธีการก็คือรัฐบาลเป็นเจ้ามือรับแทงหวยเสียเอง ที่มาในชื่อโครงการจำหน่าย “สลากพิเศษแบบเลขท้าย 3 ตัว และ 2 ตัว” หรือ “หวยบนดิน” เกิดขึ้น ตามมติครม. วันที่ 8 ก.ค. 2546 โดยให้สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลเริ่มขาย ตั้งแต่งวดวันที่ 1 ส.ค. 2546 ถึงงวดวันที่ 16 พ.ย. 2549 รวม 80 งวด
ประเภทของสลาก ออกแบ่งเป็น
– สลากชนิดราคา 20 บาท
– สลากชนิดราคา 50 บาท
– สลากชนิดราคา 100 บาท
ศาลตัดสินว่าหวยบนดินผิดกฏหมาย
หลังการยึดอำนาจรัฐบาลโดยคณะมนตรีเพื่อความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รัฐบาลชั่วคราวของยุค พล.อ. สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้ประกาศยกเลิกหวยบนดิน เมื่อปี 2549 เพราะเห็นว่า การออกหวยบนดิน น่าจะเข้าข่าย พ.ร.บ.การพนันมากกว่า โดยเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2552 ศาลได้ตัดสินคดีหวยบนดินโดยองค์คณะมีมติด้วยเสียงข้างมากว่า มติ ครม.ในการอนุมัติให้ หวยบนดิน เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายแก่สำนักงานสลากกินแบ่งฯ หวยบนดินจึงสิ้นสุดลงตั้งแต่บัดนั้นเป้นต้นมา
จาก 2 ฉบับคู่ เปลี่ยนเป็นฉบับละใบ ราคา 80 บาท
ปัจจุบันสำนักงานฯ ขายลอตเตอรี่งวดละไม่ต่ำกว่า 50 ชุด โดยชุดที่ 01- 50 เป็นสลากธรรมดา ชุดที่ 51- 100 เป็นสลากการกุศล มีตัวเลข 000000–999999 เหมือนกันทุกชุด โดยก่อนหน้านี้สลากจะมีอยู่ 2 ฉบับคู่กันต่อ 1 ใบ ใบละ 40 บาท ก่อนปรับเปลี่ยนเป็นแบบฉบับละใบ โดยขายในราคา 80 บาท (มีขนาดเหลือเพียงครึ่งหนึ่งจากของเดิม) ตั้งแต่งวด 1 กันยายน พ.ศ. 2560 เป็นต้นไป และถ้าถูกรางวัลจะได้รับเงินรางวัลต่างๆ แบ่งได้ดังนี้
ปัจจุบันเราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดีกับ “หวย” ที่ออกทุกวันที่ 1 และ 16 ของทุกเดือน ซึ่งแตกต่างจากหวยก.ข.ในสมัยก่อนที่มีการออกหวยแทบทุกวันทั้งเช้า และเย็น
แต่ถ้าเราลองคิดเล่น ๆ ว่าการเปลี่ยนมาออกหวยเดือนละ 2 ครั้ง เหมือนถูกคิดมาอย่างดีแล้ว เพราะคนไทยอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อ และศรัทธา การให้เวลาจินตนาการตีเลขเด็ดผ่านสิ่งศักดิ์สิทธิ์ก่อนหวยงวดนั้นจะออก ถือเป็นศาสตร์ และสีสันอย่างนึงในการเล่นหวย แม้แต่วงการวิทยาศาสตร์ก็พิสูจน์ไม่ได้ แต่คนไทยพิสูจน์ได้ผ่านการใช้จินตนาการ และการพยากรณ์หวยที่ไม่มีใครทำได้ในโลก (แล้วมันก็ถูกรางวัลกันมาไม่รู้กี่งวดแล้ว 555+)
มุม 18+
แทงหวยออนไลน์กับ 188BET หวยไทย หวยจีน เล่นขั้นต่ำแค่ 10 บาท เลขท้ายให้สูงสุดบาทละ 920 บาท ลองเล่นเลย!
ทางเข้า 188BET (ล่าสุด)
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ LINE : @188ASIATH
