สำหรับต้นกำเนิดจริง ๆ ของกีฬาแบดมินตันนั้นไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจน ว่าเกิดขึ้นช่วงเวลาใด แต่จากการวิเคราะห์หลักฐานบางชิ้นในอดีต ได้บ่งชี้ให้เราทราบถึงวิวัฒนาการ ช่วงเวลา และที่มาก่อนจะมาเป็นกีฬาแบดมินตันในปัจจุบันที่เรารู้จักกัน ถ้าพร้อมแล้วเรามาย้อนอดีตไปพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

คริสต์ศตวรรษที่ 7
จากหลักฐานของภาพวาดเก่า ๆ ในประเทศจีน ชี้ว่าจีนเริ่มมีการใช้ขนไก่ มาทำเป็นลูกขนไก่ในการเล่น โดยนำอีแปะที่มีรู* แล้วใช้ขนไก่หลายเส้นเสียบผ่านรูอีแปะสำหรับเป็นตัวถ่วงน้ำหนัก แล้วใช้เชือกมัดให้แน่น เวลาเล่นจะตั้งวง เล่นกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป หรือจะเล่นพร้อมกัน 3-4 คน ใช้เท้าเตะกันไปมาทำนองเดียวกันกับที่คนไทยเล่นตะกร้อล้อมวง ซึ่งกีฬาชนิดนี้ในภาษาจีนเรียกกันว่า “jian zi” หรือแปลว่า “เตะลูกขนไก่”

*อีแปะ คือเหรียญ หรือโลหะที่มีรู

คริสต์ศตวรรษที่ 13
ปรากฏหลักฐานว่า ชาวอินเดียนแดงในทวีปอเมริกาใช้ขนไก่หรือ ขนนก เสียบมัดติดกับก้อนกลม ให้ปลายหางของขนไก่ชี้ไปทางเดียวกันเป็นพู่กระจายออกด้านหลัง เวลาเล่นใช้มือจับก้อนกลมแล้วปาไปยังผู้เล่นอื่น ๆ ให้ช่วยกันจับ ตลอดจนช่วงที่กล่าวมานี้ ยังไม่มีการใช้แร็กเกตหรือ อุปกรณ์อื่น ๆ ตีปะทะลูกขนไก่ แต่ใช้มือ หรืออวัยวะอื่น ๆ แทน

คริสต์ศตวรรษที่ 14
พบหลักฐานว่า ชาวญี่ปุ่นใช้ขนไก่ หรือขนนกเสียบผูกติดกับหัวไม้ และมีการใช้ไม้ตีลูกขนไก่กันไปมา โดยไม้ที่ใช้ตีจะทำมาจากไม้กระดาน ถือว่าเป็นวิวัฒนาการในรูปลักษณ์ของการเล่นแบดมินตันที่ค่อนข้างใกล้เคียงกับยุคปัจจุบันมากที่สุด เพราะมีการใช้ไม้แร็กเกตตีลูกขนไก่แทนการใช้มือ หรือเท้า แล้ว

คริสต์ศตวรรษที่ 17-18
จากหลักฐานภาพน้ำมันหลายภาพในประเทศอังกฤษ ได้ยืนยันว่ากีฬาแบดมินตันเล่นกันอย่างแพร่หลายใน พระราชวงศ์ของราชสำนักต่างๆ ในทวีปยุโรป โดยอาจเรียกชื่อต่าง ๆ กัน อาทิ
– พระราชินีคริสตินาแห่งสวีเดนทรงจำลองไม้แบดมินตันมาจากแร็กเกตในกีฬาเทนนิส และใช้ขนไก่ หรือขนนกเสียบติดกับหัวไม้ก๊อก
– เจ้าฟ้าชายเฟรดเดอริค มงกุฎราชกุมารแห่งเดนมาร์ก ทรงแบดมินตันในรูปแบบเดียวกัน
– กษัตริย์ของปรัสเซีย เฟรดเดอริคมหาราช และพระเจ้าหลานเธอเฟรดเดอริควิลเลียมที่สอง แห่งประเทศเยอรมัน ได้ทรงแบดมินตันอย่างสม่ำเสมอเช่นกัน

โดยในยุคนั้นยังไม่ได้เรียกกีฬาชนิดนี้ว่า “แบดมินตัน” แต่ถูกเรียกกันว่า “แบตเทิลดอร์กับลูกขนไก่” (Battledore Shuttle Cock)

พ.ศ. 2413 (ค.ศ. 1870)
ประวัติของกีฬาแบดมินตันเริ่มพบบันทึกได้แน่นอนที่ประเทศอังกฤษ ราวปี พ.ศ. 2413  โดยมีเรื่องเล่าว่า นายทหารนายหนึ่ง (ไม่สามารถระบุชื่อได้) ที่ไปประจำการอยู่ในเมืองปูนา (ปัจจุบันเรียก Pune) ประเทศอินเดีย (Poona เป็นเมืองเล็ก ๆ ห่างจากเมืองบอมเบย์ประมาณ 80 ก.ม.) เขาได้ไปเห็นกีฬาที่รวมการเล่นสองอย่างเข้าด้วยกันคือ การเล่นปูนาของประเทศอินเดีย ที่เริ่มมีเนตกั้นระหว่างผู้เล่นทั้งสองฝั่ง และการเล่นไม้ตีกับลูกขนไก่ (Battledore Shuttle Cock) ของยุโรป ในระยะแรก ๆ ส่วนใหญ่จะเล่นกันในหมู่นายทหารของกองทัพ และสมาชิกชนชั้นสูงของอินเดีย

พ.ศ. 2416 (ค.ศ. 1873)
ต่อมานายทหารอังกฤษที่ไปประจำการอยู่ที่เมืองปูนา (Poona) ได้นำกลับไปเล่นในประเทศอังกฤษ ณ คฤหาสน์ “แบดมินตัน” (Badminton House) ของดยุคแห่งบิวฟอร์ด (Duke of Beaufort) ที่ กลูเชสเตอร์เชียร์ ประเทศอังกฤษ (Gloucestershire, England) เกมกีฬาตีลูกขนไก่จึงถูกเรียกกันว่า “แบดมินตัน” ตามชื่อของคฤหาสน์ดังกล่าวนับแต่นั้นมา

กีฬาแบดมินตันเริ่มแพร่หลายในประเทศแถบภาคพื้น ยุโรป เพราะเป็นเกมที่คล้ายเทนนิส แต่สามารถเล่นได้ภายในตัวตึก โดยไม่ต้องกังวลต่อลมหรือหิมะในฤดูหนาว ชาวยุโรปที่อพยพไปสู่ทวีปอเมริกา ได้นำกีฬาแบดมินตันไปเผยแพร่ รวมทั้งประเทศต่าง ๆ ในทวีปเอเชียและออสเตรเลียที่อยู่ภายใต้อาณานิคมของอังกฤษ เนเธอร์แลนด์ ต่างนำเกมแบดมินตันไปเล่นยังประเทศของตนอย่างแพร่หลาย เกมกีฬาแบดมินตันจึงกระจายไปสู่ส่วนต่างๆ ของโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย

สำหรับการเล่นแบดมินตันในระยะแรกไม่ได้มีกฎเกณฑ์ตายตัว เพียงแต่เป็นการตีโต้ลูกกันไปมาไม่ให้ลูกตกพื้นเท่านั้น ส่วนเส้นแบ่งแดนก็ใช้ตาข่ายผูกโยงระหว่างต้นไม้สองต้นไม่ได้คำนึงถึงเรื่องต่ำสูง เล่นกันข้างละไม่น้อยกว่า 4 คน ส่วนมาจะเล่นทีมละ 6 ถึง 9 คน ผู้เล่นสามารถแต่งตัวได้ตามสบาย

พ.ศ. 2436 (ค.ศ. 1893)
มีการจัดตั้งสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศอังกฤษขึ้นเป็นแห่งแรกของโลก และเริ่มมีการจัดแข่งขันแบดมินตันชิงชนะเลิศแห่งประเทศอังกฤษ หรือที่เรียกกันว่า ออลอิงแลนด์ (All England Open Badminton Championships) ตั้งแต่ปี พ.ศ.2432 ทางสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศอังกฤษจึงได้ตั้งกฎเกณฑ์ของสนามมาตรฐานขึ้นคือ ขนาดกว้าง 22 ฟุต ยาว 45 ฟุต (22 x 45) เป็นสนามขนาดมาตรฐานประเภทคู่ที่ใช้ในปัจจุบัน จากนั้นจึงมีการปรับปรุงดัดแปลงในเรื่องอุปกรณการเล่นให้ดีขึ้นเป็นลำดับ และได้รับความนิยมแพร่หลายไปทั่วโลก โดยประเทศในเอเชียอาคเนย์ที่มีการเล่นกีฬาแบดมินตัน และได้รับความนิยมสูงสุดคือ อินโดนีเซีย มาเลเซีย และประเทศไทย นั่นเอง

พ.ศ. 2445 (ค.ศ. 1902)
ด้วยความนิยมที่แพร่หลายไปทั่วโลก การแข่งขันระหว่างประเทศจึงได้ถูกจัดแข่งขันขึ้นในปี พ.ศ. 2445 และตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา จำนวนประเทศที่เข้าร่วมแข่งขันกีฬาแบดมินตันระหว่างประเทศมีมากกว่า 31 ประเทศ และได้กลายเป็นเกมกีฬาที่เล่นกันระหว่างชาติ โดยมีการยกทีมข้ามประเทศเพื่อแข่งขันระหว่างชาติในทวีปยุโรป ในปี พ.ศ. 2468 กลุ่มนักกีฬาของประเทศอังกฤษได้แข่งขันกับกลุ่มนักกีฬาประเทศแคนาดา 5 ปีหลังจากนั้นพบว่าประเทศแคนาดามีสโมสรสำหรับฝึกแบดมินตันมาตรฐานแทบทุกเมือง

พ.ศ. 2456 (ค.ศ. 1913)
แบดมินตันเริ่มเข้ามาสู่ประเทศไทยราวปี พ.ศ.2456 ซึ่งเริ่มเล่นแบดมินตันแบบมีตาข่าย โดย พระยานิพัทธ์กุลพงศ์ (ชิน บุนนาค) เป็นบุตรของพระยาประภากรวงศ์วรวุฒิภักดี กับมารดาชื่อ ชื่น มีพี่น้องร่วมบิดามารดาคือ หลวงประสิทธิราชศักดิ์ (ไชย บุนนาค) ท่านได้สร้างสนามขึ้นที่บ้าน ที่ตั้งอยู่ริมคลองสมเด็จเจ้าพระยาธนบุรี แล้วจากนั้นก็เริ่มนิยมเล่นกันอย่างแพร่หลายออกไป แต่ส่วนมากยังเล่นกันตามบ้านผู้ดีมีตระกูล และในราชสำนัก การเล่นแบดมินตันยุคนั้นจะนิยมเล่นกันฝั่งละ 3 คน

พ.ศ. 2462 (ค.ศ. 1919)
สโมสรกลาโหมได้เป็นผู้จัดแข่งขันแบดมินตันทั่วไปขึ้นเป็นครั้งแรก โดยจัดการแข่งขันด้วยกัน 3 ประเภทได้แก่ประเภทเดี่ยว ประเภทคู่ และประเภทสามคน ปรากฏว่าทีมแบดมินตันบางขวางนนทบุรี (โรงเรียนราชวิทยาลัยบางขวางนนทบุรี) ชนะเลิศทุกประเภท นอกจากนี้ยังมีนักกีฬาแบดมินตันฝีมือดีเดินทางไปแข่งขันยังประเทศใกล้เคียงอยู่บ่อย ๆ อีกด้วย

พ.ศ. 2477 (ค.ศ. 1934)
สมาคมแบดมินตันของประเทศอังกฤษเป็นผู้นำในการก่อตั้งสหพันธ์แบดมินตันระหว่างประเทศ โดยมีชาติต่าง ๆ อีก 8 ชาติคือ แคนาดา เดนมาร์ก อังกฤษ ฝรั่งเศส ไอร์แลนด์ เนเธอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ สก๊อตแลนด์ และเวลล์ โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงลอนดอน ปัจจุบันมีประเทศที่อยู่ในเครือสมาชิกกว่า 60 ประเทศที่ขึ้นต่อสหพันธ์แบดมินตันระหว่างประเทศ (I.B.F.) สหพันธ์มีบทบาทสำคัญในการกำหนด และควบคุมกติการะเบียบข้อบังคับต่าง ๆ ของกีฬาแบดมินตันทั่วโลก

พ.ศ. 2482 (ค.ศ. 1939)
เซอร์ จอร์จ โทมัส (Sir George Thomas) ตำนานนักแบดมินตันอาวุโสชาวอังกฤษเป็นผู้มอบถ้วยทองราคา 5,000 ปอนด์ เพื่อมอบเป็นรางวัลให้แก่ผู้ชนะเลิศประเภทชาย ในการแข่งขันแบดมินตันระหว่างประเทศ ซึ่งสหพันธ์แบดมินตันได้รับไว้ และดำเนินการตามประสงค์นี้ แม้ว่าตามทางการจะเรียกว่า การแข่งขันชิงถ้วยชนะเลิศแบดมินตันระหว่างประเทศ แต่นิยมเรียกกันว่า โธมัส คัพ (Thomas Cup)

พ.ศ. 2491 (ค.ศ. 1948)
เริ่มมีการจัดการแข่งขันชิงถ้วย โธมัส คัพ ขึ้นเป็นครั้งแรก ระหว่างปี พ.ศ. 2491-2492

วิธีการแข่งขัน โธมัสคัพ (Thomas Cup)
การแข่งขันจะจัดขึ้นทุก ๆ 3 ปี โดยสหพันธ์ได้แบ่งเขตการแข่งขันของชาติสมาชิกออกเป็น 4 โซน คือ โซนยุโรป, โซนอเมริกา, โซนเอเชีย, โซนออสเตรเลเซีย (เดิมเรียกว่าโซนออสเตรเลีย) โดยจะแข่งขันชิงชนะเลิศภายในแต่ละโซนก่อน แล้วให้ผู้ชนะเลิศในแต่ละโซนไปแข่งขันรอบอินเตอร์โซน เพื่อให้ผู้ชนะเลิศทั้ง 4 โซนไปแข่งขันชิงชนะเลิศกับทีมของชาติที่ครอบครองถ้วยโธมัสคัพอยู่ ซึ่งได้รับเกียรติไม่ต้องแข่งขันในรอบแรก และรอบอินเตอร์โซน ชุดที่เข้าแข่งขันประกอบด้วยผู้เล่นอย่างน้อย 4 คน การที่จะชนะเลิศนั้นจะตัดสินโดยการรวมผลการแข่งขันของประเภทชายเดี่ยว 5 คู่ และประเภทชายคู่ 4 คู่ รวม 9 คู่ และใช้เวลาการแข่งขัน 2 วัน

ต่อมาในการแข่งขันแบดมินตันโธมัสคัพ ครั้งที่ 8 ปี พ.ศ. 2512-2513 สหพันธ์ได้เปลี่ยนแปลงวิธีการแข่งขันเล็กน้อย โดยให้ชาติที่ครอบครองถ้วยอยู่นั้นเข้าร่วมแข่งขันในรอบอินเตอร์โซนด้วย โดยวิธีการจับสลากแล้วแบ่งออกเป็น 2 สาย ผู้ชนะเลิศแต่ละสายจะได้เข้าแข่งขันชิงชนะเลิศ โธมัส คัพ รอบสุดท้ายต่อไป สาเหตุที่สหพันธ์เปลี่ยนแปลงการแข่งขันใหม่นี้ เนื่องจากมีบางประเทศที่ชนะเลิศได้ครอบครองถ้วย โธมัส คัพ ไม่รักษาเกียรติที่ ได้รับจากสหพันธ์ไว้ โดยพยายามใช้ชั้นเชิงที่ไม่ขาวสะอาดรักษาถ้วย โธมัส คัพ ไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า สหพันธ์จึงต้องเปลี่ยนข้อบังคับให้ชาติที่ครอบครองถ้วยอยู่นั้นลงแข่งขันใน รอบอินเตอร์โซนดังกล่าวด้วย

พ.ศ. 2494 (ค.ศ. 1951)
หลวงธรรมนูญวุฒิกร (นายประวัติ ปัตตพงศ์) อดีตประธานศาลฎีกา และผู้มีใจรักกีฬาแบดมินตันกลุ่มคนอื่น ๆ ได้ร่วมก่อตั้ง “สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย” ขึ้น พร้อมกับเรียนเชิญ พระยาจินดารักษ์ (หรือ จำลอง สวัสดิ์ – ชูโต) (มหาดเล็กในรัชกาลที่ ๖) มาเป็นนายกสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยคนแรก ในปีเดียวกันนั้นสมาคมฯ ก็ได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกของสหพันธ์แบดมินตันนานาชาติด้วยการเป็นสมาชิกอันดับที่ 19 ของโลก วงการแบดมินตันของไทยจึงได้ยกย่องให้ นายประวัติ ปัตตพงศ์ (หลวงธรรมนูญวุฒิกร) เป็น “บิดาแห่งวงการแบดมินตันไทย”

สมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทย ในยุคแรกมีทั้งหมด 7 สโมสร คือ
1. สโมสรสมานมิตร
2. สโมสรบางกอก
3. สโมสรนิวบอย
4. สโมสรยูนิตี้
6. สโมสร ส.ธรรมภักดี
7. สโมสรสิงห์อุดม และสโมสรศิริบำเพ็ญบุญ

แต่ปัจจุบันเหลือเป็นสโมสรสมาชิกของสมาคมอยู่เพียง 2 สโมสร คือ สโมสรนิวบอย และสโมสรยูนิตี้

พ.ศ. 2498 (ค.ศ 1955)
สมาคมฯ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้อยู่ในพระบรมราชูปถัมภ์ ถือว่าได้รับพระมหากรุณาธิคุณที่ยิ่งใหญ่เมื่อ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ได้ทรงมอบถ้วยพระราชทานที่ออกแบบเป็นพิเศษให้แก่สมาคมฯ สำหรับผู้ชนะเลิศแบดมินตันชายเดี่ยว และหญิงเดี่ยว ราวปี พ.ศ. 2497

สมาคมฯ ในฐานะองค์กรแบดมินตันแห่งชาติ ได้มีการพัฒนาวงการแบดมินตันอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด จนกลายเป็นองค์กรแห่งชาติที่สหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ ไอบีเอฟ ถือว่าเป็น สมาคมฯ ระดับแนวหน้าที่มีศักยภาพในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแบดมินตันระดับโลกสำคัญ ๆ ต่างๆ อาทิ การแข่งขันโธมัส-อูเบอร์คัพ รอบชิงชนะเลิศกรังด์ปรีซ์เซอร์โลก และการแข่งขันไทยแลนด์โอเพ่นประจำปี ชิงเงินรางวัลหลายล้านบาทตั้งแต่ปี พ.ศ.2527 จนถึงปัจจุบัน

พ.ศ. 2502 (ค.ศ. 1959)
สมาคมฯ ร่วมเป็นสมาชิกก่อตั้ง สมาพันธ์แบดมินตันแห่งเอเชีย (Badminton Asia Confederation) และมีบทบาทสำคัญในองกรแห่งนี้มาแต่ต้น ต่อมา ศาสตราจารย์ เจริญวรรธนะสิน ได้รับการเลือกตั้งจากสมาชิกในชาติเอเชียให้ทำหน้าที่เป็นเลขาธิการของสมาพันธ์ฯ ระหว่างปี ค.ศ. 1987-1990 และรองประธานสมาพันธ์ในปี ค.ศ. 1990-1992 ซึ่งช่วงนี้ได้มีการใช้การตลาดเข้ามาสู่กีฬาแบดมินตันแห่งเอเชีย จนสามารถมีความเป็นปึกแผ่นด้านการเงิน และต่อมา ฯพณฯ กร ทัพพะรังสี ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานสมาพันธ์ฯ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1997-2000

ประเทศไทยได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันแชมป์เปี้ยนแบดมินตันแห่งเอเชียหลายครั้ง มาตรฐานการเล่นแบดมินตันของประเทศไทย สหพันธ์แบดมินตันนานาชาติจัดให้อยู่ในระดับแนวหน้าของโลก (จาก Statute Book ของสหพันธ์ฯ) เคยเข้ารอบชิงชนะเลิศประเภททีมชายของโลก 2 ครั้ง ในประเภทรายบุคคล นักแบดไทยหลายรุ่นยังครองตำแหน่งแชมเปี้ยน ประเภทบุคคลในประเทศต่าง ๆ นับตั้งแต่การแข่งขันแบดมินตันออล-อิงแลนด์ ซึ่งถือว่าเป็นการแข่งขันชิงแชมเปี้ยนโลกอย่างไม่เป็นทางการ และแชมป์เปี้ยนของชาติต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งมหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ ซีเกมส์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นักแบดมินตันไทยก็สามารถคว้าได้ทั้งเหรียญทอง เหรียญเงิน และเหรียญทองแดง อยู่เป้นประจำ

ในปี พ.ศ.2543 (ค.ศ. 2000) ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน (คุณพ่อของ เจ เจตริน วรรธนะสิน) ได้รับการยกย่องเข้าสู่ทำเนียบเกียรติคุณ Hall of Fame ของสหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ ไอบีเอฟ (กับผลงานแชมป์โลกออลอิงแลนด์ 2 สมัย ในปี พ.ศ. 2503 และ ปี พ.ศ. 2505) ขณะที่ในปี พ.ศ. 2544 ฯพณฯ กร ทัพพะรังสี ได้รับเลือกตั้งจากสมาชิกสหพันธ์ 141 ชาติให้เป็นประธานสหพันธ์แบดมินตันนานาชาติ ไอบีเอฟ นับเป็นเกียรติสูงสุดของวงการแบดมินตันไทยที่ได้รับจากนานาประเทศทั่วโลก

พ.ศ. 2547 (ค.ศ. 2004)
ศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน นายกสมาคมฯ ในเวลานั้น ได้เป็นผู้ริเริ่มนำเอาซอฟท์แวร์ (Software) การจับฉลากแบ่งสายด้วยระบบคอมพิวเตอร์มาจากยุโรปมาใช้เป็นแห่งแรกในประเทศไทย โดยมีนายสุรศักดิ์ ส่งวรกุลพันธ์ กรรมการอำนวยการสมาคมฯ ผู้ชำนาญการคอมพิวเตอร์ ได้ประสานงานพัฒนาจนทำให้ซอฟท์แวร์ใช้เป็นภาษาไทยได้ ซึ่งช่วยให้การจับฉลากแบ่งสายนอกจากจะเที่ยงตรง ยุติธรรม และโปร่งใสแล้ว การจับฉลากแบ่งสายการแข่งขันที่มีนักกีฬามากกว่าหนึ่งพันแมตช์ ยังสามารถทำได้ภายในเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น

ปัจจุบันกีฬาแบดมินตันใน ประเทศไทยเป็นที่นิยมกันมาก เล่นกันทั่วประเทศทั้งเด็ก ผู้ใหญ่ ผู้หญิง ผู้ชาย มีการเรียนการสอนในโรงเรียนในสถาบันอุดมศึกษา มีสนามแบดมินตันอยู่ทั่วประเทศ มีอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน ซึ่งผลิตได้เอง มีการอบรมฝึกสอนกีฬาแบดมินตันโดยองค์กรที่มีมาตรฐาน มีผู้ฝึกสอนทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ทำงานเต็มเวลา มีกรรมการผู้ตัดสินที่เป็นมาตรฐาน มีรายการแข่งขันภายในประเทศที่จัดขึ้นใน แต่ละปีไม่น้อยกว่า 20 รายการ มีนักกีฬาไทยที่มีความสามารถติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ทั้งชายและหญิงที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย อาทิ

เรือตรี บุญศักดิ์ พลสนะ อดีตนักแบดมินตันชายมือ 1 ทีมชาติไทย ที่เคยขึ้นอันดับสูงสุดถึงมือ 4 ของโลก (สัปดาห์ที่ 48 ใน พ.ศ. 2553)

น้องเมย์ รัชนก อินทนนท์ อดีตนักแบดมินตันหญิงเดี่ยวมือหนึ่งของโลกเมื่อปี พ.ศ. 2559 และเป็นคนไทยคนแรกที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าว โดยก่อนหน้านั้นในปี 2556 เธอได้คว้าแชมป์โลก และสร้างสถิติเป็นแชมป์โลกแบดมินตันอายุน้อยที่สุด ปัจจุบันน้องเมย์ก็ยังคงรักษาฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม และติด 1 ใน 10 อันดับของโลกเรื่อยมา

ภายใต้การทำงานของสมาคมแบดมินตันแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ที่จริงจัง และเข้มแข็ง 188bet เชื่อว่าอีกไม่นานประเทศไทยจะก้าวหน้าไปเป็นผู้นำด้านกีฬาแบดมินตันในทุกประเภทของโลกในอนาคตได้อย่างแน่นอน (สู้! สู้!  ^^)

มุม 18+

ช่องทางการติดต่อ