กีฬาฟุตบอล

เชสก์ ฟาเบรกาส : พรสวรรค์และมันสมองบนฟลอร์หญ้า

chessss - เชสก์ ฟาเบรกาส : พรสวรรค์และมันสมองบนฟลอร์หญ้า

เดิมที เชสก์ ฟาเบรกาส ถูกนำตัวมาที่ อาร์เซน่อล ในฐานะแข้งเยาวชน เพื่อขัดเกลาให้พัฒนาอย่างช้าๆ ผ่านเกมฟุตบอลถ้วยลีก คัพ ของอังกฤษ

แต่ฉากเริ่มต้นของ เชสก์ ฟาเบรกาส กลับถูกจัดวางโดยไม่คาดคิดในฐานะกองกลางของทีมอาร์เซน่อลชุดใหญ่ ภายหลังการบาดเจ็บของแข้งหลักในทีมอย่าง ปาทริค วิเอร่า, กิลแบร์โต ซิลวา และเอดู ในระหว่างฤดูกาล 2004/05

ณ เวลานั้น วิเอร่า เสมือนต้นแบบในแดนกลางแห่ง อาร์เซน่อล อย่างไรก็ตาม ฟาเบรกาส ได้เริ่มออกแบบวิธีการเล่นฟุตบอลตามฮีโร่ในวัยเด็กและเป็นรุ่นพี่ร่วมชาติของเขานั่นคือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา

และเนื่องจาก ฟาเบรกาส มีรูปแบบการเล่นที่แตกต่างจากกองกลางของอาร์เซน่อล สิ่งนี้จึงถูกนำไปสู่การวิพากษ์วิจารณ์ว่าสไตล์ของเขาขาดความดุดัน อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการพัฒนาฝีเท้าของเขาในทีมเยาวชนบาร์เซโลน่าก่อนหน้านี้

image - เชสก์ ฟาเบรกาส : พรสวรรค์และมันสมองบนฟลอร์หญ้า

อย่างไรก็ตาม มันก็ใช้เวลาไม่นานนักสำหรับ ฟาเบรกาส ที่จะกลายเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งพรสวรรค์สูงที่ประสบความสำเร็จด้วยแนวทางของเขาเอง ณ ถิ่นไฮบิวรี่

ฟาเบรกาส ได้รับบทบาทเพลย์เมกเกอร์ ขึ้นชื่อในเรื่องการจ่ายบอล จนได้รับขนานนามว่าเป็น ‘จอมทัพ’ ของ อาร์เซน่อล ในยุคหนึ่ง เขานำวิสัยทัศน์ ความคิดสร้างสรรค์ และความเข้าใจเกมในจังหวะของเวลาและการใช้พื้นที่ ไปสู่การจ่ายบอลที่ยากคาดเดาจากมันสมอง สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงวุฒิภาวะที่โตเกินวัยของนักเตะหนุ่มคนนี้เมื่อโลดแล่นอยู่บนสนาม

เขาคือผู้เล่นตัวหลักในการสร้างสรรค์เกมให้ทีม ‘ไอ้ปืนใหญ่’ ดังตัวอย่างจาก 16 แอสซิสต์ของเขาในฤดูกาล 2006-07 โดยสถิติในระหว่างฤดูกาล 2006-07 และ 2010-11 ฟาเบรกาส คือผู้เล่นที่สร้างโอกาสให้ทีมมากที่สุดจากลีกใหญ่ของยุโรป 5 ประเทศ อังกฤษ, สเปน, อิตาลี, เยอรมนี และฝรั่งเศส

image 1 - เชสก์ ฟาเบรกาส : พรสวรรค์และมันสมองบนฟลอร์หญ้า

ฟราเบรกาส รับผิดชอบทั้งลูกตั้งเตะ เตะมุม ฟรีคิก และลูกจุดโทษ แต่ในช่วงสามฤดูกาลแรกกับทีม ฟาเบรกาส ยังไม่ค่อยโดดเด่นในเรื่องการจบสกอร์ จนถึงฤดูกาล 2007-08 จึงสามารถบวกสกอร์ให้ทีม 11 ประตู จาก 16 เกมแรก

มันมีความกังวลก่อนหน้านี้ ในเรื่องการลงสนามให้ทีมเป็นจำนวนมากในช่วงในวัยหนุ่ม สุดท้ายก็ส่งผลให้เห็นในสามฤดูกาลสุดท้ายกับอาร์เซน่อล โดย ฟาเบรกาส ลงสนามให้ทีมน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากอาการบาดเจ็บ จนถึงวันที่ต้องย้ายไปบาร์เซโลน่า ในปี 2011 โดยฝากความสำเร็จไว้ด้วยการช่วย อาร์เซน่อล คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ปี 2004-05 และการผ่านเข้าไปชิงถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2005-06

ฟาเบรกาส ได้รับการโหวตให้เป็นดีลเจ๋งสุดตลอดกาลของ “เดอะ กันเนอร์ส” ได้รับเสียงโหวตสูงถึง 56% จากการสำรวจความคิดเห็นสาวกกูนเนอร์สทั้งหมด 10,000 คน เหนือกว่าผู้เล่นระดับตำนานอย่าง เธียร์รี อองรี และ เดนนิส เบิร์กแคมป์ เสียอีก

เมื่อมาถึง บาร์เซโลน่า เขายังถูกมอบหมายให้เล่นในบทบาทเพลย์เมกเกอร์ แม้ระบบจะแตกต่างจากที่อาร์เซน่อล ซึ่งเป็นแผนการยืนโดยใช้แดนกลาง 3 คน ในระบบ 4-3-3 แต่ ฟาเบรกาส ก็สามารถปรับตัวให้เขากับฟุตบอลสไตล์ ‘ติกิ-ตาก้า’ ของกวาร์ดิโอลา ได้อย่างเรียบเนียน ซึ่งระบบนี้เชื่อมโยงกับการเล่นกับทีมชาติสเปนของ หลุยส์ อราโกเนส และบิเซนเต้ เดล บอสเก้ ที่เขาอยู่ในทีมชาติด้วยเช่นกัน

image 2 - เชสก์ ฟาเบรกาส : พรสวรรค์และมันสมองบนฟลอร์หญ้า

ต่อมา ฟาเบรกาส เริ่มถูกใช้ปรับใช้งานในบทบาทที่หลากหลายภายใต้การคุมทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา เขายิงประตูได้หลายประตู และทำแอสซิสต์มากมาย เนื่องจากในแดนกลางของทีมมีทั้ง ชาบี เอร์นานเดซ, เซอร์จิโอ บุสเก็ตส์ และอันเดรส อิเนียสตา รวมถึง ติอาโก้ ที่กำลังพุ่งขึ้นมา ดังนั้น ฟาเบรกาส จึงถูกผลักดันให้ขึ้นไปยืนเป็นตัว false-9 ในระบบ 4-6-0

ฟาเบรกาส ทำหน้าที่คอยพักบอล ทำเกม จ่ายบอลให้ปีกสองข้าง รวมทั้งหาโอกาสสังหารประตูด้วยเซนส์บอลระดับสูง แม้ธรรมชาติของเขาคือกองกลางก็ตามช่วงเวลาตั้งแต่ปี 2011-2014 ฟราเบรกาส มีส่วนช่วย บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน, โกปา เดลเรย์, ซูเปอร์โกปา, ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ และ สโมสรโลก 

image 3 - เชสก์ ฟาเบรกาส : พรสวรรค์และมันสมองบนฟลอร์หญ้า

ต่อมาในปี 2014 ฟาเบรกาส หวนคืนสู่ลีกฟุตบอลอังกฤษอีกครั้ง โดยย้ายมาเล่นให้กับ เชลซี และได้กลับมารับบทกองกลางตำแหน่งเดิมที่เขาถนัด เขายังใช้เทคนิคในการควบคุมบอล การจ่ายบอลด้วยสายตาอันแหลมคม พร้อมกับกำหนดจังหวะการเล่นของทีม ในขณะที่เขาได้รับการสนับสนุนจากมิดฟิลด์ตัวรับเพื่อเพิ่มพื้นที่และเวลาให้กับเขา เนื่องจากเขาขาดในเรื่องความเร็วและความแข็งแกร่ง

และหากมองในแง่บทบาทจอมสร้างสรรค์ เขาพิสูจน์ตัวเองในทีมเชลซีของกุนซือ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้อย่างโดดเด่นด้วยการทำแอสซิสต์ที่ทรงประสิทธิภาพ และช่วยเชลซีคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก ได้ 2 สมัย

image 4 - เชสก์ ฟาเบรกาส : พรสวรรค์และมันสมองบนฟลอร์หญ้า

ในช่วงปลายอาชีพ ฟาเบรกาส เล่นอยู่กับทีมโมนาโก ในปี 2018  จนถึงอายุ 35 ปี โอกาสลงสนามของเขาอาจน้อยลงตามสภาพวัย โดยในช่วงฤดูกาลสุดท้ายกับโมนาโก เขาได้ลงสนามในเกมลีก เอิง แค่ 2 เกม ก่อนจะหมดสัญญากับ โมนาโก กลายเป็นนักเตะไร้สังกัดในปี 2022 ท่ามกลางความสนใจจากหลายสโมสรในยุโรปและเมเจอร์ลีก แต่สุดท้ายเขากลับทำเซอร์ไพรส์เลือกย้ายมาเล่นกับ โคโม่ ทีมในลีกรองของอิตาลี ทั้งที่ชีวิตของเขาค้าแข้งกับทีมชั้นนำมาตลอด อาทิ บาร์เซโลนา, อาร์เซนอล, เชลซี และโมนาโก

ในวัย 36 ปี ฟาเบรกาส ก็ตัดสินใจประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอย่างเป็นทางการ เมื่อวันเสาร์ที่ 1 กรกฎาคม 2023 ที่ผ่านมา หลังจากที่โลดแล่นในอาชีพพ่อค้าแข้งมานานถึง 20 ปี

สรุปแล้วในระดับสโมสรนั้น ฟาเบรกาส ลงเล่นไปทั้งสิ้น 738 นัด ทำได้ 125 ประตู กับ 217 แอสซิสต์ พร้อมกับคว้าแชมป์มากถึง 14 รายการ ส่วนกับทีมชาติสเปน ฟาเบรกาส มีสถิติลงเล่น 110 นัด ทำได้ 15 ประตู กับ 36 แอสซิสต์ (ปี 2006-2016) โดยเป็นส่วนหนึ่งของยุค “โกลเด้น เจนเนอเรชั่น” ที่คว้าแชมป์โลก 1 สมัย (2010) และ ยูโร 2 สมัย (2008 และ 2012)

เมื่อเรามองย้อนกลับไปยังสมัยหนึ่ง นั่นคือคืนวันที่ผู้เล่นเด็กหนุ่มรายหนึ่งได้รับโอกาสลงเล่นแทนกองกลางผู้สมบูรณ์แบบอย่าง ปาทริค วิเอร่า แล้วใครเล่าจะเชื่อว่า เด็กหนุ่มจากสเปนคนนี้จะสร้างผลงานในเวลานั้นได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ด้วยการใช้มันสมองทดแทนพละกำลังในเกมหนักหน่วง อย่างเช่นฟุตบอลอังกฤษ อีกทั้งแสดงมันออกมาบนสนามหญ้าได้อย่างเหนือชั้นเหลือเกิน…

สนับสนุนโดย 188BET
เว็บเดิมพันฟุตบอลจากอังกฤษ

Share: