สำหรับวงการลูกหนัง ณ เวลานี้ หากถามว่าใครคือแข้งระดับตำนานที่ยังค้าแข้งอยู่และมีอิทธิพลมากสุดของฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ แน่นอนว่าหลายเสียงต้องเทคะแนนไปให้กับ เวย์น รูนีย์ กองหน้าของทีม เอฟเวอร์ตัน อย่างแน่นอน
เพราะถึงแม้ว่าในฤดูกาลนี้เขาจะย้ายออกจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแล้ว แต่ด้วยผลงานที่เคยสร้างสมมาตลอด 13 ฤดูกาลในโรงละครแห่งความฝัน รวมถึงทีมชาติอังกฤษ เสี่ยหมูของเราจึงเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะถูกจารึกชื่อเอาไว้ว่าเป็นอีกหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่ของวงการนี้อย่างแท้จริง
และด้วยความที่ รูนีย์ เป็นนักเตะที่น่าจะผ่านประสบการณ์บนเส้นทางค้าแข้งมาแทบจะครบทุกรสชาติ วันนี้เราเลยอยากจะหยิบเอาประเด็นบางอย่างที่ได้เรียนรู้จากชีวิตของเขามาเล่าสู่กันฟัง เผื่อว่าจะเป็นเข็มทิศชีวิตให้กับใครหลายคนได้เอาไปปรับใช้กับชีวิตประจำวันของตัวเองได้บ้างไม่มากก็น้อย ทั้งคนที่อยู่ในวัยเรียนและวัยทำงาน รวมถึงแฟนบอลทุกทีมโดยที่ไม่จำเป็นต้องสังกัดลัทธิเร้ดอาร์มีก็ตาม
1. รู้จักบทบาทหน้าที่ของตัวเอง
“คนที่ใช้ชีวิตไปเรื่อย ๆ โดยปราศจากเป้าหมายหรือทิศทาง ก็เปรียบเสมือนเรือที่ไร้หางเสือ แรก ๆ อาจจะดูง่ายเพราะไม่ต้องรับผิดชอบอะไร แต่พอเวลาผ่านไปจะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ จนอาจถึงขั้น เดียวดาย…” ใครบางคนได้กล่าวเอาไว้
ความหมายของโควตดังกล่าวนั้นก็ต้องบอกว่าค่อนข้างตรงตัว เห็นความหมายชัดเจนอยู่แล้ว เพราะหากใครที่ทำอะไรโดยไม่รู้จักบทบาทหน้าที่ เพื่อสร้างทิศทางสู่เป้าหมาย คงยากที่จะประสบความสำเร็จในชีวิตได้ตามที่ฝันไว้
“ผมเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าตัวเองมีหน้าที่คอยนำเพื่อนร่วมทีมลงสนามแล้วต่อสู้ไปด้วยกัน ขณะเดียวกันก็พยายามทำบางอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมายส่วนตัวด้วย ฉะนั้นการรู้ว่าตัวเองเป็นใคร และมีบทบาทหน้าที่หลักคืออะไร จะช่วยให้ประสบความสำเร็จในชีวิตได้อย่างไม่ยากเย็นนัก” รูนีย์ กล่าว
2. จงอย่าละทิ้งความพยายาม
สำหรับใครก็ตามที่มีความฝันแล้วพยายามก้าวไปให้ถึงจุดนั้นอยู่ คงจะรู้กันดีว่าไม่มีเส้นทางไหนโรยด้วยกลีบกุหลาบ อุปสรรคล้วนถาโถมเข้ามาทดสอบจิตใจและความสามารถตลอดเวลาแบบไม่มีหยุดหย่อน
แต่สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ทุกคนก้าวผ่านมันไปได้ก็คือพวกเขาจะต้องไม่ละทิ้งความพยายาม ซึ่งจุดนี้เอง เสี่ยหมู ของเราก็เคยเผชิญหน้ามาก่อน โดยเจ้าตัวเลือกที่จะทุ่มเทความพยายามของตนลงไปในการฝึกซ้อมที่มากกว่าคนอื่น ๆ หลายเท่าจนประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้
3. อย่าไปใส่ใจคำวิจารณ์ทางด้านลบ
“มารไม่มี บารมีไม่เกิด” คำคมสำหรับการดำเนินชีวิตแบบไทย ๆ อันนี้น่าจะบ่งบอกได้ชัดเจนสุด ๆ ถึงข้อนี้ เพราะไม่ใช่เพียงแต่คนเป็นนักฟุตบอลเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะทำอาชีพไหน ๆ ก็ย่อมต้องเผชิญหน้ากับคำวิจารณ์ทางด้านลบอยู่ดี
โดยเฉพาะ รูนีย์ นั้นตลอดช่วงเวลาที่ค้าแข้งให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด มีบ่อยครั้งที่เจ้าตัวฟอร์มตกจนถูกสื่อเอาไปโจมตีซะเละตุ้มเป๊ะ แถมยังเล่นงานหนักลามไปยันชีวิตส่วนตัวโน่นนั่นนี่
แต่หากสังเกตกันให้ดี เราไม่เคยเห็นเขาหัวเสียเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียว โดยมีเหตุผลเพียงแค่ว่า “ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรกับชีวิต”
4. แต่ต้องเคารพคำตำหนิให้เป็นด้วย
เชื่อว่ามีหลาย ๆ คนพอได้อ่านหัวข้อที่ 3 ไปแล้วอาจเกิดความรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาบ้างจนไม่สนใจเลยว่าใครจะตำหนิติเตียนอะไรใส่เราบ้าง แต่ถึงกระนั้นก็ต้องขอเตือนว่าอย่าเคร่งกับคำแนะนำเหล่านั้นเกินไปจนเข้าขั้นสุดโต่ง
เพราะแม้แต่ รูนีย์ ที่ใจแข็งมากกับการได้อ่านข่าวของตัวเอง บางครั้งยังต้องยอมทำใจให้อ่อน เพราะบางครั้งเมื่อเราลองเปิดใจรับฟังเสียงวิจารณ์ที่พอได้ยินแล้วหดหู่ดูจนเข้าใจถ่องแท้ ก็อาจจะช่วยให้ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้บ้างจนพร้อมที่จะปรับปรุงตัวเองไปเป็นคนที่ดีกว่าภายหลัง
5. หมั่นพิจารณาตัวเองให้เป็นนิสัย
ตามธรรมชาติของมนุษย์ปกติทั่วไปแล้วมักจะไม่ค่อยประเมินตัวเองสักเท่าไหร่นัก แต่สำหรับ รูนีย์ นั้นแทบจะเรียกได้ว่าเป็นคนที่พิจารณาตัวเองอยู่เกือบตลอดเวลา
“ผมเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์มากแม้แต่กับตัวเอง เมื่อไหร่ก็ตามที่เล่นไม่ดี ก็ดูออกและพร้อมยอมรับว่ามันแย่จริง ๆ สิ่งสำคัญคือเมื่อคุณผิดพลาด จะกล้ากล่าวโทษตัวเองไหม ? ถ้าหากยังทำไม่ได้ให้รีบฝึกจนกลายเป็นนิสัย เพราะมันคือบทเรียนสำคัญของชีวิต พิจารณาตัวเองให้ขาดอยู่เสมอ” เสี่ยหมู กล่าวอย่างหล่อ
6. อย่ากล่าวโทษแต่ตัวเองจนมากเกินไป
“ความผิดพลาดล้มเหลวไม่ใช่ตัวชี้วัดว่าคุณกระจอกหรือเป็นคนขี้แพ้ ฉะนั้นเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณก่อความผิดพลาดหรือเล่นไม่ได้ตามที่โค้ชคาดหวัง จงอย่าได้เป็นกังวลไป” รูน เริ่มสอนน้อง
“จงค่อย ๆ ใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลว่าอะไรทำให้มันผิดพลาด ลองผิดลองถูกจนกว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทาง จนกว่าจะมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะเมื่อไหร่ที่คุณทำอย่างนั้น จงมั่นใจได้เลยว่าตัวเองกำลังเริ่มพัฒนาขึ้นแล้ว อย่างรวดเร็วด้วย”
7. จงมีความหวังเสมอ
“ไม่ผมก็ทีมจะต้องทำประตูได้แน่ ๆ” รูนีย์ เกริ่นนำขึ้นมาสำหรับข้อที่ 7 นี้
ซึ่งความหมายของเขาก็คืออยากจะบอกทุกคนว่าจงมีความหวังเสมอ ไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายมากเพียงใดก็ตาม เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณมีสิ่งนี้อยู่ในใจ แรงฮึดมากมายจะถูกก่อกำเนิดขึ้นจนตัวเองก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน
“หากยิงเองไม่ได้ ผมก็จะพยายามสร้างสรรค์เกมจนจ่ายให้เพื่อนส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ในที่สุด” เสี่ยหมู กล่าวปิดหัวข้อ
8. จงคว้าโอกาสเอาไว้ให้ได้
สำหรับข้อสุดท้ายนี้เหมือนจะเป็นบทสรุปที่บอกเราว่าทั้ง 7 ข้อก่อนหน้านั้น จะไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากคุณไม่สามารถลงมือทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้
ฉะนั้นแล้วเมื่อมีโอกาสเหมาะ ๆ เข้ามา ขออย่างเดียวเลยหนุ่มสาว กระโดดคว้ามันเอาไว้ในมือให้ได้ ห้ามปล่อยเป็นอันขาดเหมือนอย่างเช่น รูนีย์ ที่จัดการเปลี่ยนบอลจากเพื่อนให้กลายเป็นประตู หรือแม้กระทั่งการแย่งชิงพื้นที่ตัวจริงนั้นเขาก็ทำให้เห็นแล้วว่าขอแค่มีโอกาส ก็จะไม่ปล่อยให้มันลอยหลุดมือไปเป็นอันขาด
“…. ในความคิดของผม ทุกอย่างเคลียร์ชัดเจนหมดแล้ว ผมรู้ดีว่าบทบาทของตัวเองคืออะไร ฉะนั้นจงเตรียมความพร้อม เพื่อจับฉวยโอกาสงาม ๆ ที่ลอยผ่านเข้ามาแบบไม่ให้หลุดไปไหน นี่แหละเคล็ดลับของการประสบความสำเร็จในชีวิต”