ในช่วงนี้เกมฟุตบอลลีกที่เราติดตามกันอยู่เป็นประจำทุกสัปดาห์นั้น ต้องหยุดพักเบรกเพื่อหลีกทางให้กับศึกฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก ซึ่งก็ใกล้จะทราบผลกันแล้วว่าทีมไหนบ้างจะได้เดินทางไปลงเล่นในรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซียกลางปีหน้า
แต่ก่อนที่จะถึงวันนั้นเราลองมาย้อนกลับไปดูกันก่อนว่าในประวัติศาสตร์ของทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่สุดของโลกอย่าง “เวิร์ลคัพ” นั้นมีใครกันบ้างที่ถูกจารึกชื่อว่าเป็น 5 สุดยอดดาวยิงผู้ทำประตูได้มากที่สุดของรายการ
5.เปเล่
ทำประตูรวมในฟุตบอลโลก – 12 ลูก
ทีมชาติ – บราซิล
สุดยอดตำนานลูกหนังผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลของโลกอย่าง เปเล่ ได้รับการยกย่องอย่างสูงจากทุกฝ่ายว่ามีฝีเท้าเก่งกาจที่สุดจนไม่น่าจะมีใครก้าวขึ้นไปเทียบได้อีกแล้วในช่วงชีวิตนี้
อย่างไรก็ตาม ผลงานที่ “ไข่มุกดำ” สร้างสรรค์เอาไว้ให้กับโลกใบนี้ก็ถือเป็นสมบัติล้ำค่ามากที่สุดชิ้นหนึ่งของประวัติศาสตร์ลูกหนังเลยเช่นกัน
ฟุตบอลโลกปี 1958
เปเล่ ในวัย 18 ปีได้ลงเล่นทั้งหมด 4 เกม ยิงรวม 6 ลูก ผลงานโดดเด่นสุด ๆ ของเขาคือการทำแฮตทริกใส่ ฝรั่งเศส ในรอบรองชนะเลิศ และกดเบิ้ลในนัดชิงฯ กับ สวีเดน พาทัพเซเลเซาขึ้นเถลิงบัลลังก์อย่างยิ่งใหญ่
ฟุตบอลโลกปี 1962
ตลอดทัวร์นาเมนท์ เปเล่ มีโอกาสลงเล่นแค่ 2 นัดเท่านั้นในรอบแบ่งกลุ่มและทำได้แค่ลูกเดียวจากเกมชนะ เม็กซิโก 2-0 แต่ถึงกระนั้น บราซิล ก็ยังเป็นแชมป์ได้อยู่ดี
ฟุตบอลโลกปี 1966
ปีนี้ถือว่า บราซิล ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะตกรอบแรกอย่างน่าเหลือเชื่อ ซึ่ง เปเล่ ก็ได้โอกาสลงเล่น 2 เกม และทำไปได้เพียงแค่ 1 ประตูเท่านั้น
ฟุตบอลโลกปี 1970
เปเล่ ได้ลงเล่นเต็ม 90 นาทีครบทั้ง 6 เกม และเขาก็ ยิงไปได้ถึง 5 ลูก พาทีมชาติบราซิล ชนะคู่แข่งทุกนัดแบบ 100% พร้อมความแชมป์โลกสมัยที่ 3 ของตัวเองได้สำเร็จ
4.จูสต์ ฟองแตง
ทำประตูรวมในฟุตบอลโลก – 13 ลูก
ทีมชาติ – ฝรั่งเศส
จนถึงตอนนี้ เชื่อว่ามีคอลูกหนังส่วนหนึ่งที่ยังไม่เคยทราบว่า ฟองแตง นั้นคือชายผู้สร้างตำนานทำประตูในศึกเวิร์ลคัพรอบสุดท้ายได้มากที่สุดสำหรับ 1 ทัวร์นาเมนต์ที่จำนวน 13 ลูก
ใช่ครับ และนั่นก็เป็นศึกฟุตบอลโลกครั้งเดียว ที่ ฟองแตง ได้ลงสนามในนามทีมชาติฝรั่งเศสอย่างเต็มรูปแบบ แต่น่าเสียดายที่ฟอร์มอันร้อนแรงของเขานั้นไม่สามารถทำความฝันให้เป็นจริงได้ เพราะต้องพ่ายต่อ บราซิล ของ เปเล่ ไปในรอบรองชนะเลิศ นั่นเอง
ฟุตบอลโลกปี 1954
ฟองแตง ถูกผู้จัดการทีมเรียกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดนั้น แต่ด้วยความที่ยังเป็นดาวรุ่งวัย 21 ปีทำให้ไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียว
ฟุตบอลโลกปี 1958
ทัวร์นาเมนต์กลางปีนี้เองที่ชื่อของ จูสต์ ฟองแตง ถูกจารึกเอาไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ เพราะเขาทำประตูคนเดียวได้สูงถึง 13 ลูก ซึ่งจนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถทำลายสถิติอันยิ่งใหญ่นี้ลงได้เลย เอาจริง ๆ แค่ยิงให้ได้จำนวนเฉียด ๆ ยังยากด้วยซ้ำไป
ผลงานโดดเด่นนั้นอยู่ที่การทำแฮตทริกในเกมเปิดสนามถล่ม ปารากวัย 7-3 กับเกมชิงอันดับสามกับ เยอรมนี ซึ่ง ฟองแตง ตะบันคนเดียว 4 ลูกช่วยทีมโค่นทัพอินทรีเหล็กลงไปได้อย่างราบคาบ
3.แกร์ด มุลเลอร์
ทำประตูรวมในฟุตบอลโลก – 14 ลูก
ทีมชาติ – เยอรมนี
มุลเลอร์ คนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสไตรเกอร์ระดับตำนานที่ถูกยกย่องว่าไม่มีใครจบสกอร์ได้คมกริบเท่าเขาอีกแล้วตลอดไปบนโลกใบนี้ เพราะนับตั้งแต่วันแรกที่เริ่มค้าแข้งยันแขวนสตั๊ดเขาส่งผู้รักษาประตูลงไปก้มเก็บบอลจากก้นตาข่ายได้มากถึง 721 ครั้งเลยทีเดียว
โดยเฉพาะในทีมชาตินั้นเรียกว่าตัวเลขการทำประตูเรียกได้ว่ามากกว่าจำนวนนัดที่ลงเล่นเสียอีก (ลง 62 ยิงได้ 68)
ฟุตบอลโลกปี 1970
สำหรับทัวร์นาเมนท์ใหญ่ครั้งแรกของ แกร์ด มุลเลอร์ นั้นเขาได้โอกาสให้ลงไปยืนเป็นหน้าเป้าครบ 90 นาทีเต็มทั้ง 6 เกม กดไปทั้งหมด 10 ประตู อีกทั้งยังทำแฮตทริกได้ 2 เกมติดในรอบแบ่งกลุ่มอีกด้วย แต่เสียดายที่ไปไม่ถึงตำแหน่งแชมป์ เพราะพ่ายให้กับ อิตาลี ในช่วงต่อเวลาพิเศษของรอบรองชนะเลิศนั่นเอง
ฟุตบอลโลกปี 1974
การลงทำศึกฟุตบอลโลกครั้งที่ 2 ในชีวิตของ “เจ้าลูกระเบิด” นั้นถึงแม้จะยิงได้เพียงแค่ 4 ลูกจากการลงเล่น 7 เกม แต่ฟอร์มของเจ้าตัวก็ถือว่าร้อนแรงเป็นพิเศษ อีกทั้งยังพาทัพอินทรีเหล็กก้าวขึ้นเถลิงบัลลังก์แชมป์โลกได้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยเช่นกัน
2.โรนัลโด้
ทำประตูรวมในฟุตบอลโลก – 15 ลูก
ทีมชาติ – บราซิล
สำหรับสุดยอดกองหน้าเจ้าของฉายา “โล้นทองคำ” คนนี้ เชื่อว่าไม่มีคอลูกหนังในยุคนี้คนไหนที่จะไม่รู้ซึ้งถึงความสุดยอดของฝีเท้า เพราะตลอดช่วงเวลาที่ โรนัลโด้ ยังค้าแข้งอยู่นั้นเขาโชว์ลีลาอันน่าอัศจรรย์ใจราวกับเล่นฟุตบอลด้วยปาฏิหารย์ให้เห็นจนกลายเป็นภาพชินตา
และถึงแม้ช่วงพีคของ เจ้าเหยินใหญ่ นั้นจะขึ้น ๆ ลง ๆ เพราะถูกอาการบาดเจ็บยาวคอยรบกวนอยู่บ่อยครั้ง แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ได้พาตัวเองลงไปสัมผัสผืนหญ้า เขาก็ไม่เคยทำให้คนดูต้องผิดหวังเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ฟุตบอลโลกปี 1994
หากใครได้ย้อนกลับไปดูเทปการฉลองแชมป์ของทีมชาติ บราซิล ในปีนั้น น่าจะแอบเห็นภาพของ โรนัลโด้ สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่นไว้ผมดกดำร่วมดีใจอยู่กับเพื่อน ๆ แต่นั่นถือเป็นแค่จุดเริ่มต้นของตำนานเท่านั้น เพราะเขาไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่นัดเดียว
ฟุตบอลโลกปี 1998
หลังเก็บประสบการณ์และแจ้งเกิดขึ้นมาได้พักใหญ่แล้ว โรนัลโด้ ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญของทัพเซเลเซาในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ ซึ่งก็สามารถทะลุเข้าไปถึงรอบชิงได้ แต่กลับต้องพ่ายแพ้แก่ฝรั่งเศสของ ซีเนอดีน ซีดาน ไปอย่างน่าผิดหวัง (โรนัลโด้ ยิง 4 ลูกในทัวร์นาเมนต์นี้)
ฟุตบอลโลกปี 2002
สำหรับศึกเวิร์ลคัพรอบนี้ โรนัลโด้ สร้างความฮือฮาขึ้นมาได้ด้วยทรงผมสุดแนว ซึ่งฟอร์มของเขาก็ร้อนแรงมากตามไปด้วยเช่นกัน เพราะตะบันไปได้ทั้งสิ้น 8 ลูก โดยมีทีเด็ดอยู่ที่การซัดเบิ้ลใส่ เยอรมนี ในรอบชิงชนะเลิศ จนได้เป็นแชมป์นี่แหละ
ฟุตบอลโลกปี 2006
ปีนี้ โรนัลโด้ มีโอกาสลงเล่นเพียงแค่ 5 เกม ยิงได้ทั้งหมด 3 ลูก ก่อนที่ทีมชาติบราซิลจะถูก ฝรั่งเศส ส่งกลับบ้านไปในรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยสกอร์ 1-0
ฟุตบอลโลกปี 2010
แม้ โล้นทองคำ ของเราจะมีชื่อติดอยู่ในทัพนักเตะแซมบ้าชุดนี้ด้วย แต่ด้วยความที่มีปัญหาทางด้านสภาพร่างกายจึงทำให้ไม่ได้ลงสนามเลยแม้แต่เกมเดียว
1.มิโลสลาฟ โคลเซ
ทำประตูรวมในฟุตบอลโลก – 16 ลูก
ทีมชาติ – เยอรมนี
ชายผู้ถูกยกให้เป็น “จ้าวเวหา” คนนี้ เพิ่งจารึกชื่อของตัวเองเป็นดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของศึกฟุตบอลโลกได้เมื่อกลางปี 2014 ที่ผ่านมานี้เอง และแม้ทัวร์นาเมนต์ดังกล่าว จะยิงได้แค่ 2 เม็ด แต่นั่นก็มากพอที่จะทำให้เขาแซงหน้า โรนัลโด้ ขึ้นมาเป็นเจ้าของสถิตินี้แต่เพียงผู้เดียวได้
ฟุตบอลโลกปี 2002
โคลเซ วัย 24 ปีติดทีมชาติเยอรมนี มาลุยศึกฟุตบอลโลกครั้งแรก ซึ่งก็จัดแฮตทริกได้ทันทีตั้งแต่เกมเปิดสนามกับ ซาอุฯ ก่อนยิงเพิ่มได้อีก 2 ลูกในอีก 2 นัดถัดมา แต่น่าเสียดายที่ปีนั้นดันไปพ่าย บราซิล แบบหมดท่าในรอบชิงฯ
ฟุตบอลโลกปี 2006
ปีนี้ทัพอินทรีเหล็กที่มี โคลเซ ยืนเป็นหัวหอกมาในสภาพทีมที่กำลังเริ่มสร้างเจเนอเรชั่นใหม่ แต่ถึงกระนั้นดายิงของเราก็จัดไปได้อีก 5 ตลอดทั้งทัวร์นาเมนท์ ส่วนทีมได้อันดับสามจากการชนะโปรตุเกสในเกมสุดท้าย
ฟุตบอลโลกปี 2010
ทีมชาติเยอรนี ในรอบนี้ดูมีความแข็งแกร่งกว่า 4 ปีก่อนมาก เพราะนักเตะชุดนั้นเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังทำได้แค่อันดับสามเหมือนเดิม พร้อมกับอีก 4 ประตูของ โคลเซ
ฟุตบอลโลกปี 2014
ทัวร์นาเมนต์ครั้งล่าสุดนี้ จ้าวเวหา ของเรานั้นอายุอานามก็มากจนกลายเป็นแข้งอาวุโสเรียบร้อย ซึ่งนั่นทำให้เขาต้องรับบทเป็นซูเปอร์ซับตามสภาพร่างกาย แต่ก็มิวายยิงได้ 2 ลูก พาตัวเองขึ้นครองสถิติดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ ฟุตบอลโลก ได้อย่างยิ่งใหญ่ พร้อม ๆ กับที่ทีมชาติเยอรมนี คว้าแชมป์มาครองได้ในที่สุด