จบไปแบบเจ็บปวดสำหรับพลพรรค แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังบุกไปโดน เวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ยิงยัดเยียดความปราชัย 0-1 บทความนี้เราชวนมาเจาะประเด็น 5 ข้อ กับความปราชัยนัดล่าสุดของ แมนฯ ยูไนเต็ด จะมีประเด็นใดบ้างไปดูกันเลย
แท็คติกของเทนฮาก
มันเป็นเกมที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องการประตูเพื่อสามคะแนนอย่างมาก แต่ เอริค เทน ฮาก กลับเลือกดรอป อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กองหน้าตัวเป้าไว้ที่ม้านั่งข้างสนาม รวมถึงในทีมยังมีผู้เล่นที่รับบท “หน้าต่ำ” ได้มีประสิทธิภาพอย่าง จาดอน ซานโช่ หรือ มาร์เซล ซบิตเซอร์ แต่สุดท้าย เทน ฮาก กลับเลือก เวกฮอร์สต์ กองหน้าที่มีสถิติการทำประตูต่ำกว่าธรรมชาติของกองหน้าทั่วไปออกสตาร์ทเป็นตัวจริง อีกทั้งการขยับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไปยืนตำแหน่ง “หน้าซ้าย” นั้นให้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีมาหนหนึ่งแล้วในเกมแพ้ ลิเวอร์พูล 7-0 นั่นอาจกล่าวได้ว่าแท็คติกของ เทน ฮาก คือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ทีมต้องพบจุดจบในความพ่ายแพ้แก่ “ขุนค้อน” เกมนี้
เด เคอาพลาด
ในเกมนี้ แมนฯ ยูไนเต็ด แพ้ต่อ เวสต์แฮม ไปเพียงประตูเดียวเท่านั้น และประตูดังกล่าวก็มาจากการเล่นผิดพลาดง่ายๆ ของ เด เคอา เมื่อ ซาอิด เบนราห์มา กองหน้าของทีมขุนค้อนได้โอกาสยิงไกลแต่บอลไม่แรงและมองเห็นได้ชัด แต่นายทวารชาวสเปนกลับพุ่งปัดบอลได้ไม่ดีพอ จนบอลปลิ้นเข้าประตูไปอย่างไม่น่าเชื่อ
แม้จะยังเป็นผู้รักษาประตูที่เก็บคลีนชีทได้มากที่สุด 15 นัด จนถึงตอนนี้ แต่อนาคตของดาบิด เด เคอา ยังน่าเป็นห่วงไม่น้อย ซึ่งสัญญาของเขาจะหมดลงหลังจบฤดูกาล น่าสนใจที่ว่าสโมสรจะตัดสินใจอย่างไร ควรไปต่อหรือพอแค่นี้? ทั้งนี้อดีตผู้รักษาประตูทีม แอตเลติโก มาดริด ออกอาการเฟอะฟะจนทำให้ทีมเสียประตูรวมทุกรายการในซีซั่นนี้สี่ครั้งแล้วซึ่งเป็นสถิติที่แย่ที่สุดสำหรับนายทวารใน พรีเมียร์ลีก เท่ากับที่ อูโก้ โยริส ของทีม สเปอร์ส สร้างเอาไว้
เกมรุกขาดประสิทธิภาพ
ก่อนที่ แมนฯ ยูไนเต็ด จะตาข่ายขาด สถานการณ์ของพวกเขาเหนือกว่าเจ้าถิ่นชนิดที่เทียบกันไม่ได้ทั้งการครองบอล และโอกาสยิงประตูซึ่ง ผีแดง ได้สับไกมากถึง 7 ครั้ง แต่น่าตกใจที่ไม่เข้ากรอบเลยสักครั้งโดยมีเสาประตูช่วยเซฟ เดอะ แฮมเมอร์ส ด้วยเหมือนกัน
จบครึ่งแรก แมนฯ ยูไนเต็ด เหนือกว่าในการครองบอล 65:35% รวมทั้งจังหวะสับไก 11 ต่อ 4 ครั้ง แต่เป็นเจ้าบ้านที่ส่งบอลเข้ากรอบได้มากกว่า 3 ต่อ 1 ครั้ง และนำหน้า 1-0 ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้เล่น แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีความเด็ดขาดในจังหวะจบสกอร์อันเป็นสิ่งที่ เทน ฮาก ติติงหลังเกมอยู่บ่อยครั้งว่าทีมคว้าโอกาสไม่ได้
ครึ่งหลังเร่งไม่ขึ้น
แม้จะถูก เวสต์แฮม นำหน้าแค่ประตูเดียว แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ทีมต้องไล่ตามตีเสมอ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับไม่ได้แสดงให้เห็นว่าเหนือกว่า เวสต์แฮม เหมือนในครึ่งแรก และถูกทีมของ เดวิด มอยส์ ตีตื้นสถิติต่างๆในช่วง 45 นาทีหลังแม้การครองบอลจะยังเป็น ผีแดง ที่เหนือกว่าก็ตาม
หลังจากบู๊กันครบ 90 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด ยังครองบอลได้มากกว่าเท่าเดิมเป๊ะที่ตัวเลข 65:35% แต่โดนเจ้าถิ่นหาช่องทางยิงประตูเพิ่มได้มากขึ้นโดยทั้งสองทีมส่งบอลเข้ากรอบได้รวม 4 ครั้งเท่ากันแม้ทีมเยือนจะส่องยิงได้มากกว่า 19:15 ครั้ง
สถิตินอกบ้านสุดบู่
เป็นอีกหนึ่งเกมนอกบ้านของ แมนฯ ยูไนเต็ด ที่ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวังเหลือเกิน โดยเฉพาะรูปเกมในครึ่งหลังที่ทีมมักเล่นผิดฟอร์มอย่างแรง เช่น เกมที่ถูก สเปอร์ส ไล่ตีเสมอ จากที่นำก่อนถึง 2-0, หรือเกมแพ้ ไบรท์ตัน นัดก่อนที่ต้องมาเสียลูกจุดโทษในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ และล่าสุดเกมนี้ที่เพิ่งบุกพ่าย เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ส่งผลให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ชนะใครในการเล่นเกมเยือนของเกมลีกเป็นเกมที่สามติดต่อกันเข้าไปแล้ว
เวลานี้ “ปีศาจแดง” รั้งอันดับ 4 มี 63 คะแนนจาก 33 นัด ตาม นิวคาสเซิ่ล 2 แต้ม และนำ ลิเวอร์พูล เหลือแค่แต้มเท่านั้น อย่างไรก็ตาม แมนฯ ยูไนเต็ด เหลือเกมให้เล่นอีก 5 นัด โดยหากเก็บชัยชนะได้หมดก็จะทำให้มี 78 คะแนน และหากต้องการการันตีคว้าตั๋วไปเล่นถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาลหน้าก็จะต้องเก็บให้ได้ 74 คะแนน เพราะ ลิเวอร์พูล มีโอกาสทำแต้มได้สูงสุดในฤดูกาลนี้แค่ 71 คะแนนเท่านั้น
ขณะที่ ไบรท์ตัน มีโอกาสทำแต้มได้สูงสุด 73 คะแนน หลังเวลานี้เพิ่งลงเล่นไป 32 นัด มีอยู่ 55 คะแนน นั่นหมายความว่าถ้า แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ 4 จาก 5 นัดสุดท้ายก็จะรับประกันติดท็อปโฟร์แน่นอน ส่วนจะได้อันดับ 3 หรือ 4 ก็ต้องไปดูผลของ นิวคาสเซิ่ล ที่เหลือเตะ 5 นัดกับ อาร์เซน่อล, ลีดส์, ไบรท์ตัน, เลสเตอร์ และ เชลซี