ฤดูกาล 2017-18 ของทีม “เรือใบสีฟ้า” แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถือเป็นปีที่พวกเขาน่าจะประสบความสำเร็จได้มากกว่าหลาย ๆ ซีซั่นที่ผ่านมา เพราะนับตั้งแต่วันเปิดม่านจนถึงปัจจุบัน เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยังไม่พลาดท่าพ่ายแพ้ให้กับทีมไหน ๆ ในเวทีพรีเมียร์ลีกเลยแม้แต่นัดเดียว
ตลอดทั้ง 10 นัดที่ลงเตะไปนั้น มีเพียง “ท็อฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน เพียงทีมเดียวที่บุกมายันเสมอได้ถึง เอติฮัด 1-1 นอกนั้นโดนอัดกันเละตุ้มเป๊ะ ไม่ว่าทัพเรือของ เป๊ป จะเล่นในหรือนอกบ้านก็ตาม โดยมีเกมที่ทำสกอร์ได้สูงสุดคือวันถล่ม สโต๊ค ซิตี้ 7-2 เมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน
ส่วนทีมระดับท็อปที่เจอมาอย่าง ลิเวอร์พูล และ เชลซี ก็ยังต้องพ่ายให้แก่พวกเขา โดยเฉพาะรายของ หงส์แดง นั้น เรือใบสีฟ้า สอนบอลแบบจัดหนักไปถึง 5-0 เลยทีเดียว
เมื่อดูฟอร์มกันแบบนี้แล้วก็ต้องบอกว่ามีโอกาสสูงที่พวกเขาจะสร้างสถิติไร้พ่ายขึ้นมาได้เหมือนกันถึงแม้ว่ามันจะยากจนแทบไม่มีวันเกิดขึ้นจริงก็ตาม
และนี่คือ 5 เหตุผลที่สนับสนุนว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปีนี้มีสิทธิ์สร้างสถิติไร้พ่ายได้ ภายใต้การนำของยอดกุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอลา
1. เกมรุกสุดอันตราย
จนถึงตอนนี้ ไม่ว่าคู่ต่อสู้จะเป็นสโมสรไหน แข็งแกร่งเพียงใด แต่ก็ดูเหมือนไม่มีใครสามารถต้านทานเกมรุกอันร้ายกาจดุดันของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เลยแม้แต่ทีมเดียว
และหลังผ่านการแข่งขันไปแล้ว 10 นัดของซีซั่น 2017-18 นี้ ซิตี้ กระหน่ำไปแล้วมากถึง 35 ลูก เยอะกว่าทีมลุ้นแย่งแชมป์ที่รั้งอยู่ดันดับสองของตารางถึง 12 ลูก (ยูไนเต็ด ยิงได้ 23) ซึ่งหากจำแนกออกมาเป็นค่าเฉลี่ยต่อเกมแล้ว จะมีสถิติการยิงอยู่ที่มากกว่า 3 ลูกต่อ 1 เกมเลย
ส่วนผู้เล่นที่ยิงได้สูงสุดในทีมเวลานี้ก็มี เซร์คิโอ อเกวโร กับ ราฮีม สเตอร์ลิง โดยทำไปคนละ 7 ลูกเท่ากัน ส่วน กาเบรียล เฆซุส, เลรอย ซาเน นั้นจัดไปอีกคนละ 6
คำถามคือ “แล้วใครล่ะที่จะสามารถหยุดแนวรุกระดับพระกาฬอย่างนี้ได้อีก นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกจริง ๆ”
2. ความแกร่งของขุมกำลังในแนวลึก
จุดแข็งอีกอย่างหนึ่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทำให้พวกเขามีโอกาสไปได้ไกลกว่านี้มากก็คือ ความแข็งแกร่งในเชิงลึกของขุมกำลังชุดปัจจุบันนี่เอง ซึ่งต้องขอบคุณ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ที่ทำงานอยางชาญฉลาดคือเติมผู้เล่นขึ้นมาอย่างหลากหลายในทุก ๆ ตำแหน่ง เพื่อให้มีการทดแทนหมุนเวียนแบบไม่มีความเหลื่อมล้ำด้านคุณภาพมากนัก
โดยเฉพาะในเกมที่ชนะ เวสต์บรอมฯ 3-2 นั้นแหละคือตัวอย่างที่ดีสุด เนื่องจาก ซิตี้ ดร็อปเอาแข้งท็อป ๆ อย่าง บราโว, ดานิโล, สเตอร์ลิง, กุนโดกัน, อเกวโร, ม็องกาลา, ยายา ตูเร ซึ่งหากดูกันตามชื่อชั้นแล้ว แต่ละคนนี้ยึดตัวจริงไว้ถาวรได้สบาย หากค้าแข้งอยู่กับสโมสรอื่น
และเมื่อเป็นแบบนั้นหากวันไหนมีใครไม่พร้อมลงสนาม คนอื่น ๆ ที่เก่งใกล้เคียงกันก็จะทดแทนการขาดหายไปของเพื่อนร่วมทีมได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่องเลยแม้แต่คนเดียว
เป๊ป ได้วางตัวผู้เล่นชั้นยอดเอาไว้แล้วมากมาย พร้อมบรรดาตัวแบ็คอัพที่ฝีเท้าฉกาจฉกรรจ์ใกล้เคียงตัวจริงในทุกตำแหน่ง เห็นอย่างนี้แล้วบอกเลยว่านึกภาพตามเป็นรถถังที่ค่อย ๆ แคลื่อนตัวไปข้างหน้าแบบสุดแกร่งจนยากจะหาใครมาต้านไหวจริง ๆ
3. เป็นโอกาสสร้างสถิติขึ้นมาเทียบเท่า อาร์เซนอล
ย้อนกลับไปในฤดูกาล 2003-04 ไอ้ปืนใหญ่ อาร์เซนอล ของกุนซือ อาร์เซน เวนเกอร์ นั้นสร้างสุดยอดปรากฏการณ์ขึ้นมาได้สำเร็จ โดยตลอดทั้งซีซั่นนั้นพวกเขาไม่แพ้ให้กับใครเลย จนสามารถสร้างสถิติทีมไร้พ่ายขึ้นได้สำเร็จ
ซึ่งหากมองกันแบบผิว ๆ แล้วก็ต้องบอกว่า ซิตี้ ปีนี้ก็ร้อนแรงไม่ต่างกันทั้งในเรื่องของฟอร์ม เรื่องของความเอนเตอร์เทน ขนาดทีมที่สามารถทดแทนกันได้ และอื่น ๆ อีกมากมาย ที่เป็นปัจจัยสนับสนุนให้สามารถทำได้แบบเดียวกัน
แต่ด่านที่ เปีป กวาร์ดิโอลา และลูกทีมกำลังจะต้องเข้าเผชิญหน้ากันในสุดสัปดาห์นี้ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน “ไอ้ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เจ้าของสถิติ “ทีมไร้พ่าย” รายล่าสุดนี้นี่เอง
4. ความกระหายในชัยชนะของ กวาร์ดิโอลา
การที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั้นถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสโมสรที่แข็งแกร่งสุดของโลกอยู่ ณ เวลานี้ มีเหตุผลบางอย่างร่วมสนับสนุนอยู่เช่น “ทีมนี้มี ผู้จัดการทีมที่เก่งสุดของโลก” คนหนึ่งคอยบัญชาเกมอยู่ข้างสนาม
ปีนี้ถือเป็นฤดูกาลที่ 2 ของ เป๊ป กับทัพเรือใบสีฟ้า หลังจากที่ซีซั่นก่อนจบลงไปแบบมือเปล่า ๆ ก่อนที่กุนซือคนเก่งจะประกาศกร้าวว่าพร้อมยกระดับทีมขึ้นมาให้ประสบความสำเร็จเหมือนกับสโมสรก่อนหน้าทั้ง บาร์เซโลนา และ บาเยิร์น มิวนิค ซึ่งหากมองกันอย่างเป็นกลางแล้วก็ต้องยอมรับว่ามีความเป็นไปได้สูงในฤดูกาลนี้
เขามีความชัดเจนอย่างมากในเรื่องของแนวทางการเล่น ของเด็ก ๆ ว่าเมื่อก้าวเท้าลงไปในสนามแล้ว เกมต้องดุดัน เพราะมันเป็นทางเดียวที่จะทำให้ได้ 3 แต้มมาครอง ฉะนั้นจงเดินหน้าต่อไปเรื่อย ๆ แล้วเดี๋ยวชัยชนะก็จะมาเอง
5. แผงกองกลางโหดครบเครื่อง
เมื่อพูดถึงแผงมิดฟิลด์ของ แมนฯ ซิตี้ แล้ว คนแรกที่อยากชมก่อนเลยก็ไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็น เควิน เดอ บรอยน์ ตัวรุกที่ฟอร์มร้อนแรงสุดของพวกเขาในเวลานี้นี่เอง เนื่องจากว่า สตาร์ชาวเบลเยียม นั้นกลายเป็นหัวใจหลักของเกมรุกเรือใบไปเรียบร้อยแล้ว พร้อมสร้างสรรค์รูปแบบการเล่นอันสวยงามออกมาได้ในทุกการแข่งขันจนดึงดูดความสนใจของคอบอลเอาไว้ได้ทั้งโลกแล้ว
นอกจากความสดใหม่เป็นประกายวิ้ง ๆ จาก เดอ บรอยน์ แล้วส่วนผสมในแดนกลางกลมกล่อมลงตัวมากขึ้นด้วยความเก๋าและคุณภาพระดับเข้มข้นจาก ดาบิด ซิลบา ตำนานสโมสรที่ปีนี้ก็ร้ายไม่เบา โดยการมีสองคนนี้ช่วยกันสร้างสรรค์จังหวะเข้าทำนั้น แมนฯ ซิตี้ จึงร้ายกาจจนยากจะหาคนมาหยุดอยู่
ส่วนเหตุผลที่แนวรุกใส่จินตนาการกันอย่างเต็มที่ในทุก ๆ แมตช์นั้นก็เพราะมีตัวรับแน่น ๆ อย่าง แฟร์นันดินโญ และ อิลคาย กุนโดกัน คอยช่วยดูแลและคอยทำลายเกมบุกของฝ่ายตรงข้ามให้อยู่นั่นเอง เรียกว่าบุกไปเลยพวก เดี๋ยวทางนี้พี่จัดการให้เอง