ในช่วงซัมเมอร์ก่อนเปิดฤดูกาล 2017-18 ที่ผ่านมา มีนักเตะหลายคนได้ทำการย้ายทีมพร้อมค่าตัวมหาศาล โดยเฉพาะคนที่ย้ายจากทีมเล็ก หรือลีกที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก มาอยู่กับสโมสรที่ใหญ่กว่านั้น มักจะถูกบรรดาเซียนทั้งหลายนั้นวิจารณ์คาดเดากันไปเรื่อยเปื่อย
ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นทางลบ บ้างก็ว่าไม่คุ้มค่าตัว บางครั้งก็ทำนายว่าจะต้องล้มเหลว เพราะไม่เข้าระบบเอย ปรับตัวไม่ได้เอย ฯลฯ สารพัดจะหาเหตุผลและคำพูดมาดูแคลนกันได้
แต่หลังจากที่ผ่านเกมการแข่งขันมาได้ราว 3 เดือนเศษ พวกเขาเหล่านั้นแสดงให้เห็นกันแล้วว่าสิ่งที่พวกเซียน ๆ ทั้งหลายพูดจาว่ากล่าวกันไว้นั้นไม่เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย เพราะแต่ละคนนี่ระเบิดฟอร์มเทพกันออกมารัว ๆ จนคนเขาสรรเสริญกันทั้งโลก
ส่วนจะมีใครบ้างนั้นเราไปดูกัน
1. เปาลินโญ
ย้ายจาก – กวางโจว เอฟเวอร์แกรนด์ มา บาร์เซโลนา
สโมสรเจ้าบุญทุ่ม นอกจากจะเซอร์ไพร์สคนทั้งโลกด้วยการปล่อย เนย์มาร์ ไปอยู่กับ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แล้ว พวกเขายังสร้างความตื่นตะลึงต่อเนื่องด้วยการไปดึงเอา เปาลินโญ ที่กำลังค้าแข้งอยู่ในลีกจีนกับ กวางโจว เอฟเวอร์แกรนด์ เข้ามาด้วยค่าตัวสูงถึง 40 ล้านยูโรอีกด้วย
แน่นอนว่า อดีตนักเตะที่ไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไหร่นักกับ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส มาก่อน แถมยังเล่นอยู่ในลีกฟุตบอลที่มาตรฐานเหมือนอยู่คนละจักรวาลกับฟุตบอลยุโรป ย่อมต้องถูกกังขาในฝีเท้าว่าจะเอาอยู่เหรอ ที่ทีมระดับ บาร์เซโลนา เลยนะ
แต่หลังจากผ่านเกมการแข่งขันไปได้พักหนึ่ง กองกลางชาวบราซิลคนนี้จัดการตะบันไปแล้ว 3 เม็ด แถมมี 1 แอสซิสต์ ซึ่งการจัดการเกมแดนกลางของเขานั้นเรียกได้ว่าแข็งแกร่งและเนียนกริบในทุก ๆ เกม จนคอบอลต้องอ้าปากค้างไปตาม ๆ กัน
2. เนมานยา มาติช
ย้ายจาก – เชลซี มา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ในวันที่กองกลางชาวเซอร์เบีย ได้ย้ายออกจาก สแตมฟอร์ด บริดจ์ มาร่วมงานกับนายเก่าสุดที่รักอย่าง โฆเซ มูรินโญ กระแสของนักวิจารณ์นั้นแตกออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน คือคนที่ชื่นชมว่าจะทำให้ทัพปีศาจแดง แข็งแกร่งขึ้น กับพวกที่ชี้ว่าดีลนี้ไม่คุ้ม เพราะถึงจะเก่ง แต่ค่าตัวที่สูงลิ่วกับอายุการใช้งานที่เหลือน้อย แถมพร้อมจะเข้าสู่ช่วงโรยราได้ทุกขณะ ทำให้ไม่สมควรลงทุนอย่างแรง ซึ่งกลุ่มคนประเภทหลังนี่มีเยอะกว่าชัดเจน
แต่หลังจากที่ มาติช ยืนเป็นมิดฟิลด์อยู่กลางสนามให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด เขาก็พิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่ถูกกล่าวหาในทางลบมานั้นไม่เป็นความจริงแม้แต่น้อย เพราะทั้งแกร่ง ทั้งนิ่ง และมีรูปแบบการเล่นที่คลิ๊กลงตัวกับแท็คติกของ โฆเซ มูรินโญ แบบไม่ต้องเสียเวลาปรับตัวเลยแม้แต่น้อย
และหลังจากได้เห็นความสุดยอดนั้นในทุก ๆ เกม ตอนนี้คนลืมไปหมดแล้วว่า ค่าตัวของเขานั้นอยู่ที่ 40 ล้านปอนด์ แต่ถึงพอนึกขึ้นมาได้ก็บอกว่า ราคานี้แหละคุ้ม !!
3. คีเลียน เอ็มบัปเป
ย้ายจาก – โมนาโก มา ปารีส แซงต์-แชร์กแมง
หลังจากที่ เอ็มบัปเป สร้างปรากฏการณ์ใหม่ให้เกิดขึ้นมาบนโลกลูกหนังได้ตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลก่อน ชื่อของเขาก็ถูกพูดถึงตามหน้าสื่อมากที่สุด แถมค่าตัวก็พุ่งกระฉูดจนหลาย ๆ ทีมพร้อมทุ่มเงินให้มากกว่า 100 ล้านปอนด์ เพื่อดึงไปอยู่ด้วย
แต่สุดท้ายแล้วเจ้าตัวกลับเลือกไปอยู่กับ เปแอสเช ด้วยสัญญายืมตัวก่อนซื้อขาดในซีซั่นหน้าที่ 150 ล้านยูโร และด้วยความที่ยังเด็ก แถมไม่ได้พิสูจน์ผลงานของตัวเองมามากมายเท่าไหร่นัก เจ้าตัวจึงถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะเก่งจริงอย่างที่สื่อชงแค่ไหนเชียว
แถมพอช่วงแรก ๆ กับทีมใหม่มีปัญหาเรื่องการปรับตัวจนฟอร์มเป๋ไปเล็กน้อย เซียน ๆ ทั้งหลายยิ่งกระหยิ่มยิ้มย่องว่า งานนี้ด่าไม่ผิดแน่ แต่แล้ว เอ็มบัปเป ก็ค่อย ๆ ดีขึ้น คมขึ้น เก่งขึ้น จนเรียกได้ว่ากลายเป็นอีกหนึ่งเทพที่ยืนเคียงข้างสองระดับโลกอย่าง เอดินสัน คาวานี และ เนย์มาร์ ได้อย่างไม่เคอะเขิน หักปากกาเซียนไปอย่างสะใจได้อีกคน
4. ไคล์น วอล์คเกอร์
ย้ายจาก – ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ส มา แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ถึงแม้ว่า วอล์คเกอร์ นั้นจะมีดีกรีสูงถึงตัวจริงทีมชาติอังกฤษ แต่ด้วยความที่ฝีเท้าของเขานั้นไม่ได้โดดเด่นอะไร และมักจะถูกมองข้ามหรือประเมินต่ำมาตลอดอยู่แล้ว ทำให้วันที่ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ยอมทุ่มเงิน 50 ล้านปอนด์เพื่อเอาไปอยู่ด้วย จึงมีเสียงวิจารณ์ในทางลบเกิดขึ้นมากเช่นกัน
แน่นอนว่า แบ็คจอมลุยคนนี้ต้องแบกรับแรงกดดันมหาศาลเอาไว้ตลอดเวลา เพราะความคาดหวังของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้คือลุ้นแชมป์สถานเดียวเท่านั้น แถมยังมีชนักที่เรียกว่าค่าตัวมหาศาลปักอยู่ที่หลังอีก
แต่หลังผ่านการเทรนจาก เป๊ป กวาร์ดิโอลา เขาปรับรูปแบบการเล่นให้มีความแน่นอนสูง ไม่ว่าจะเป็นเกมรับหรือรุกล้วนทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนตอนนี้จัดไป 5 แอสซิสต์ จากการลงเล่น 12 เกมเข้าไปแล้ว ถือว่าเป็นกองหลังที่เจ๋งสุดของยุโรปคนหนึ่งในทางนี้เลยก็ว่าได้
5. โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ย้ายจาก – โรมา มา ลิเวอร์พูล
ซาลาห์ เป็นอีกหนึ่งคนที่เคยล้มเหลวกับ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ มาก่อน จนต้องพาตัวเองหนีไปค้าแข้งที่ กัลโช เซเรียอา อิตาลี แล้วถูก ลิเวอร์พูล ดูดกลับมาแดนผู้ดีอีกครั้งด้วยค่าตัวราว 39 ล้านปอนด์
และทันทีที่ชูเสื้อปุ๊ป เสียงวิจารณ์ในทางลบก็ตามมาทันทีว่า มารอบนี้เดี๋ยวก็พังอีก, นี่ลีกอังกฤษนะไม่ใช่อิตาลี มาเลื้อย ๆ นี่มีหวังโดนเตะร่วงตั้งแต่ยังไม่ทันได้วิ่ง บางคนถึงกลับดูแคลนว่าเก่งไม่จริง และจะทำผลงานได้ไม่คุ้มค่าตัว
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่เกมพรีซีซั่นเป็นต้นมา ซาลาห์ ก็ค่อย ๆ แสดงให้เห็นว่าตัวเองนั้นเก่งและมีความสำคัญต่อทีมเพียงใด ซึ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนตอนนี้เขาได้กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ฟอร์มดีสุดของทั้งกับสโมสรและของทวีปยุโรปเลยก็ว่าได้ ฉะนั้นหากใครเจอเพื่อน