5 ช่วงเวลาที่น่าจดจำของ “รัสเซีย” ในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ระดับชาติ
อีกไม่กี่วัน ศึกฟุตบอลโลก 2018 ที่ “รัสเซีย” ได้เป็นเจ้าภาพก็จะเปิดฉากความมันส์ขึ้นแล้ว ฉะนั้นวันนี้เราเลยอยากจะมาขอพูดอะไรถึงพวกเขาสักหน่อย แม้จะไม่ค่อยมีช็อตเด็ดระดับสั่นสะเทือนวงการจากพวกเขาให้ได้จดจำมากมายเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตาม หากใครบ้าบอลถึงขนาดชอบขุดประวัติเก่า ๆ ของรายการสำคัญอย่าง ฟุตบอลโลก หรือ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) มาอ่านเล่นก็จะเห็นว่า สหภาพโซเวียต ซึ่งเป็นชื่อเดิมของ รัสเซีย นั้นถือว่าแข็งแกร่งพอ ๆ กับแสนยานุภาพทางการทหารของพวกเขานั่นแหละ
และหลังจากที่คุยให้กับถึง 5 นักเตะเลือดหมีขาวที่น่าจับตามองมากที่สุดไปแล้ว คราวนี้มาระลึกดูกันหน่อยว่าในอดีต “รัสเซีย” เคยมีอะไรเด็ด ๆ น่าประทับใจให้จดจำในศึก ฟุตบอลโลก และ ยูโร อยู่บ้าง
1. ใบเหลืองแรกของศึกฟุตบอลโลก
หนึ่งในสุดยอดมหกรรมกีฬาของโลกรายการนี้ ก่อตั้งขึ้นครั้งแรกในปี 1930 หรือเมื่อ 88 ปีก่อน แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะยุคนั้นพวกเขาไม่มีการใช้ใบเหลือง-ใบแดง ในการลงโทษนักเตะเลย นอกจาก ไล่ออกจากสนามไปหากมีอะไรที่ร้ายแรงเกินกว่าผู้ตัดสินจะรับไหวเกิดขึ้น
อย่างไรก็ตาม พอเวลาล่วงเลยมาจนศึกฟุตบอลโลกปี 1970 ที่ประเทศเม็กซิโก เป็นเจ้าภาพ ฟีฟา ออกกฏใหม่ให้มีการเตือนด้วยใบเหลือง และหากโดน 2 เหลืองเท่ากับ 1 ใบแดง ขึ้นมาใช้เป็นครั้งแรก (แน่นอนว่ารวมการแจกใบแดงโดยตรงที่มีมาก่อนหน้านั้นไว้เหมือนเดิม)
และที่น่าทึ่งก็คือ นักเตะดังจากทีมชาติสหภาพโซเวียตอย่าง เยฟเกนี ลอฟเชฟ ก็ถูกจารึกชื่อเอาไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ว่า เขานี่แหละคือคนแรกที่ถูกใบเหลืองในศึกการแข่งขัน “ฟุตบอลโลก”
ส่วนผู้ตัดสินที่ชูใบเหลืองเป็นคนแรกมีชื่อว่า เคิร์ท เชินเชอร์ จากประเทศเยอรมนีนี่เอง
2. สถิติการทำประตูที่น่าจดจำ
ศึกฟุตบอลโลก 1994 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ถือเป็นอีกหนึ่งทัวร์นาเมนต์ประวัติศาสตร์ที่ผู้คนจดจำเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้มากที่สุด เพราะมันตื่นเต้นเร้าใจ และสมบูรณ์แบบไปแทบทุกอย่าง เรียกว่ายอดเยี่ยมไปยันเพลงประจำรายการอย่าง The Cup of Light ของพ่อหนุ่มสุดเซ็กซี่ Ricky Martin โน่นเลย
แต่วันนี้เราสัญญาแล้วว่าจะพูดกันแต่เรื่องของทีมชาติรัสเซียอย่างเดียวเท่านั้น จึงอยากจะเล่าถึงช็อตสำคัญที่ทำให้กองหน้าอย่าง โอเล็ก ซาเลนโก้ ถูกจารึกชื่อเอาไว้บนหน้าประวัติศาสตร์ไปแบบไม่มีใครอยากเชื่อ
โดย 2 นัดแรกของรอบแบ่งกลุ่ม รัสเซีย แพ้รวดให้กับ บราซิล และ สวีเดน จนการันตีแน่นอนแล้วว่ากลับบ้านชัวร์โดยไม่ต้องสนผลการแข่งนัดสุดท้ายที่เหลือ ซึ่งแน่นอนว่าหากเป็นทั่ว ๆ ไปเหล่านักเตะคงหมดไฟกันจนขี้เกียจวิ่งแล้ว
แต่เหตุการณ์กลับออกมาแบบตรงกันข้ามเพราะ พวกเขาเค้นฟอร์มเทพออกมาไล่ถล่มคู่แข่งอย่าง แคเมอรูน ได้ด้วยสกอร์ 6-1 ซึ่ง ซาเลนโก้ ที่พูดถึงไปตะกี้นี้จัดการสอยคนเดียว 5 ประตู จนได้ครอบครองสถิตินักเตะที่ยิงเยอะสุดใน 1 เกมของ ฟุตบอลโลก ไปโดยปริยาย
3. รอบคัดเลือกที่น่าจดจำ
โดยปกติแล้ว เรามักจะให้ความสนใจกันเฉพาะการแข่งขันรอบสุดท้ายของทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ๆ ที่จัดขึ้นรวดเดียวในช่วงหน้าร้อนของเทศกาล แต่สำหรับศึกฟุตบอลยูโร 1996 ทัพหมีขาวไม่ได้ทำอะไรให้น่าจดจำเลยก่อนจะตกรอบแรกไปแบบจืดสนิท
แต่หากมองย้อนกลับไปในเกมรอบคัดเลือกที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น “รัสเซีย” คือทีมชาติที่ระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมที่สุดจนสื่อทั้งยุโรปตั้งความคาดหวังเอาไว้สูงลิบลิ่วก่อนรอบสุดท้ายในอังกฤษจะเปิดฉากขึ้นเลยทีเดียว
พวกเขาอยู่รวมกลุ่มกันกับ สก็อตแลนด์, กรีซ, ฟินแลนด์, ซาน มาริโน และหมู่เกาะแฟโร ซึ่งหากดูเผิน ๆ แล้วเหมือนจะง่ายเพราะมีสมันน้อยให้เชือดเล่นอยู่ 2 ทีม แต่อีกสามทีมที่เหลือนั้นคือระดับเดียวกันหมด จึงคาดเดาผลการแข่งได้ยาก
แต่ด้วยความที่เหล่าดาวดังอย่าง วิคเตอร์ โอนอปโก้, อเล็คซานเดอร์ มอสโตวอย, วาเลรี คาร์ปิน ฯลฯ ต่างอยู่ในช่วงพีค ทำให้ระเบิดฟอร์มเก่งออกมาจนสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งวงการลูกหนัง พร้อมคว้าแชมป์กลุ่มไปแบบสวยสดงดงามจนเรียกได้ว่าเป็นผลงานในรอบคัดเลือกที่สวยงามสุด ๆ ครั้งหนึ่งเท่าที่ ยูโร เคยมีมาเลยทีเดียว
4. เข้าถึงรอบรองฯ ครั้งแรก
อย่างที่ได้เกริ่นไปก่อนหน้าแล้วว่า สมัยที่ทัพหมีขาวยังใช้ชื่อว่า “สหภาพโซเวียต” พวกเขามีความแข็งแกร่งมากจนเป็นที่ครั่นคร้ามไปทั่วทั้งโลก แต่พอมีการแบ่งแยกประเทศแล้วเปลี่ยนเป็น รัสเซีย ขุมกำลังก็ลดประสิทธิภาพลงไปอย่างน่าใจหายจนห่างไกลจากความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้
อย่างไรก็ตาม ในศึก ยูโร 2008 รัสเซีย สร้างเซอร์ไพร์สใหญ่ขึ้นมาให้แฟน ๆ ได้รู้สึกตื่นเต้นเร่าร้อนได้มากที่สุดในทัวร์นาเมนต์นี้ เพราะถึงแม้จะตกอยู่ใน “กลุ่มแห่งความตาย” ร่วมกันกับ สเปน, สวีเดน และกรีซ แต่พวกเขากลับสู้สุดในจนสามารถผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาท์มาได้
และขณะที่จับฉลากมาชนกับยักษ์ใหญ่ที่มีแข้งระดับโลกเต็มทีมอย่าง ฮอลแลนด์ ใคร ๆ ต่างก็บอกว่า “ในที่สุดก็มาได้แค่นี้สินะเจ้าหมี” พวกเขากลับเค้นพลังแฝงทั้งหมดออกมาจนโค่นกองทัพอัศวินสีส้มไปด้วยสกอร์ 3-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษแบบพลิกล็อคจนโลกแทบถล่ม
ซึ่งการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในศึก ยูโร 2008 นี้ ถึงแม้จะหมดแรงข้าวต้มโดน สเปน สอยไปตามคาด แต่พวกเขาก็สร้างประวัติศาสตร์การทะลุสู่รอบ 4 ทีมสุดท้ายในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ได้เป็นครั้งแรกภายใต้ธงชาติ “รัสเซีย”
5. คาเปลโล, รัสเซีย, เวิร์ลคัพ 2014
.ในวันที่ 26 กรกฏาคม 2012 ฟาบิโอ คาเปลโล ผู้จัดการทีมชื่อดังระดับโลก ได้เข้ามารับงานกุนซือทีมชาติรัสเซีย และก็ทำผลงานอย่างยอดเยี่ยมจนผ่านเข้าไปเล่นในศึกฟุตบอลโลก 2014 ได้สำเร็จ
และในรอบแรกของศึกใหญ่ครั้งที่แล้ว รัสเซีย ก็ได้อยู่ร่วมกลุ่มกันกับ เกาหลีใต้, แอลจีเรีย และ เบลเยียม ซึ่งหากมองกันเผิน ๆ ก็เหมือนจะมีแค่ เบลเยียม ทีมเดียวที่เป็นงานยาก
แต่สุดท้าย คาเปลโล ก็ไม่สามารถพาทีมตัวเองผ่านเข้าสู่รอบต่อไปเพราะเกมสุดท้ายกับ แอลจีเรีย ที่จำเป็นต้องชนะให้ได้สถานเดียว กลับจบลงด้วยผลเสมอ 1-1
อย่างไรก็ตาม คาเปลโล ยังคงได้รับความเชื่อถือจากมวลมหาประชาชนคนแผ่นดินหมีขาวอยู่ จนกระทั่งโดนปลดจากตำแหน่งในอีก 1 ปีถัดมา