สำหรับเกมลูกหนังแล้ว ตำแหน่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ชมได้มากที่สุดแน่นอนว่าต้องเป็น “กองหน้า” เพราะทุกครั้งพวกเขาส่งบอลเข้าไปกระทบตาข่ายฝ่ายตรงข้ามได้ คนทั้งโลกจะลุกขึ้นยืนพร้อมส่งเสียงเชียร์โห่ร้องกึกก้องไปทั่วทุกมุมโลก
แต่หากไม่นับตำแหน่งที่ว่าแล้ว “เพลย์เมคเกอร์” ผู้คอยปั้น สร้างสรรค์เกมไปให้พวกสไตรเกอร์ได้ยิงเองก็ถือว่าเร้าใจไม่น้อยไปกว่ากันเท่าไหร่นัก
และนี่คือ 5 สุดยอดเพลย์เมคเกอร์ที่ดีสุดของ ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ณ เวลานี้
1. เฮนริค มคิตาร์ยาน – แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
นับตั้งแต่วันที่ สตาร์ชาวอาร์เมเนีย ย้ายเข้ามาอยู่กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัว 27 ล้านปอนด์เมื่อซีซั่นก่อน เขาก็ถูกความคาดหวังมากมายถาโถมเข้าใส่แบบไม่ทันได้ตั้งตัวทันที
และด้วยความที่ต้องการเวลาปรับตัวพักใหญ่ ๆ แถมยังบาดเจ็บออดๆ แอดๆ จนแทบจะไม่ได้ลงสนาม กองเชียร์หลายคนก็ถอดใจไปพร้อม ๆ กับเสียงหัวเราะคิกคักเชิงล้อเลียนจากแฟนบอลฝ่ายตรงข้ามที่มากขึ้นทุกเมื่อเชื่อวัน
แต่หลังจากที่ โฆเซ มูรินโญ ประกาศกร้าวว่าเชื่อมั่นในตัวลูกทีมคนนี้อย่างเต็มเปี่ยม พร้อมกับค่อย ๆ ปรับแก้ยกระดับฟอร์มการเล่นให้กับเจ้ามิคกี้ไปเรื่อย ๆ สุดท้ายเขาก็กลายเป็นเพลย์เมคเกอร์คนสำคัญที่ทัพปีศาจแดงจะขาดไม่ได้ไปเสียแล้ว
สำหรับฤดูกาล 2017-18 นี้ มคิตาร์ยาน ลงเล่นให้ทีมในพรีเมียร์ลีกไปแล้วทั้งหมด 7 นัด ทำได้ 1 ประตูกับอีก 5 แอสซิสต์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่ธรรมดา และยิ่งบวกกับฟอร์มการสร้างสรรค์เกมอันร้อนแรง ทำให้ต้องยอมรับว่าคือหนึ่งใน มิดฟิลด์ตัวรุกที่ดีสุดบนเกาะอังกฤษ ณ เวลานี้เลยก็คงไม่ผิดความเป็นจริงไปสักเท่าไหร่นัก
2. ฟิลิปเป้ คูตินโญ – ลิเวอร์พูล
ย้อนกลับไปในช่วงก่อนที่ฤดูกาล 2017-18 จะเปิดม่านขึ้น เจ้าพ่อมดน้อยแซมบ้า ตกเป็นข่าวอย่างหนักว่าจะย้ายไปอยู่ บาร์เซโลนา จนกระทั่งเจ้าตัวมาขอขึ้นบัญชีขายกับ ลิเวอร์พูล เอาเพียงแค่ 1 วันก่อนเกมประเดิมสนาม
เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้แคมป์หงส์แดงปั่นป่วนมากถึงมากที่สุด จนทำให้ฟอร์มโดยรวมของทีมนั้นเป๋เกินกว่าที่คาดไว้ เพราะช่วงก่อนหน้าการเตรียมทีมของ เจอร์เกน คล็อปป์ นั้นเป็นไปได้อย่างดีและสมบูรณ์แบบแทบทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ คูตินโญ หายเจ็บกลับมามีสภาพร่างกายที่ฟิตพร้อม แถมสลัดเรื่องกวนใจเช่น ความผิดหวังที่อดย้ายทีม แล้วมุ่งแต่จะทำผลงานให้ดีเพื่อแก้ไขในสิ่งที่พลาดไป ฟอร์มของเจ้าตัวก็กลับมาร้อนแรงได้ดังเดิมอีกครั้ง
และหากนับเฉพาะในเกมลีกที่ คูตินโญ ลงเล่นให้ หงส์แดง มาแล้ว 3 นัดในฤดูกาลนี้ซึ่งเป็นตัวจริงทั้งหมด เขาจัดการตะบันไปได้ 2 ลูก พร้อมทำอีก 1 แอสซิสต์ อีกทั้งยังปั้นเกมในฐานะเพลย์เมคเกอร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนใครต่อใครต่างยกย่องว่า นี่คือการพิสูจน์ตัวเองของเขา เพื่อเป็นการขอโทษที่เคยงอแงจนทำให้เสียทีมสปิริตไปก่อนหน้านี้นั่นเอง
3. คริสเตียน อีริคเซน – ท็อตแนม ฮอตสเปอร์
กองกลางชาวเดนมาร์กที่มีคาแร็คเตอร์ “พูดน้อยต่อยหนัก” คนนี้ ถือว่ามีโอกาสสูงมากที่พาตัวเองขึ้นไปเป็นตำนานบทใหม่ให้ทีมชาติตัวเองหลังจากที่ไม่มีใครก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่ในวงการลูกหนังได้เลยนับตั้งแต่หมดยุคของ ไมเคิล เลาดรูป
หากวัดกันที่ตำแหน่งการยืนและสไตล์การเล่น อีริคเซน ของเราคนนี้ถือว่ามีความเป็นเพลย์เมคเกอร์แบบคลาสสิกชัดเจนมากกว่าใครเพื่อน เพราะทุกครั้งที่เคลื่อนไหวราวกับเจ้าตัวกำลังสร้างสรรค์งานศิลปะอยู่บนฟลอร์หญ้าเลยอย่างไรอย่างนั้น
จุดเด่นของ จอมทัพไก่เดือยทองคนนี้มีอยู่หลายอย่างด้วยกันไม่ว่าจะเป็น วิสัยทัศน์อันยอดเยี่ยม ปฏิกริยาโต้ตอบ คิดเร็วทำเร็ว การจ่ายบอลแบบกล้าได้กล้าเสียที่มีประสิทธิภาพสูง พาบอลทะลุทะลวงเข้าหากรอบเขตโทษคู่แข่ง รวมถึงลูกตั้งเตะต่าง ๆ ที่แม่นยำราวจับวางทั้งส่งและยิงเอง
ส่วนผลงานในเกมพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ของ อีริคเซน นั้นก็ไม่ธรรมดา ลงเล่นไปแล้ว 7 เกม ยิงได้ 2 ลูก พร้อมทำอีก 3 แอสซิสต์ และเขาก็เป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญที่ทำให้ แฮร์รี เคน ระเบิดฟอร์มเปรี้ยงอยู่ ในขณะนี้อีกด้วย
4. เอเดน อาซาร์ – เชลซี
ถึงแม้ว่าตำแหน่งที่เราคุ้นชินกันมานานของ เอเดน อาซาร์ นั้นจะอยู่ที่ปีกซ้ายเสียเป็นส่วนใหญ่ แต่หากมองกันตามรูปเกม หรือสไตล์การเล่นของเขาแล้วก็ต้องบอกว่า นี่แหละคือเพลย์เมคเกอร์ตัวจริงสำหรับ เชลซี ไม่ว่าจะเปลี่ยนกุนซือไปแล้วกี่คนก็ตาม
ด้วยความที่ สตาร์ชาวเบลเยียม เคยให้สัมภาษณ์อยู่ตลอดว่าอยากจะเล่นในตำแหน่ง No.10 ที่ยืนอยู่หลังกองหน้ามากที่สุด แม้จะมีความเป็นปีกซ้ายตามธรรมชาติ ทำให้เรามักจะได้เห็นว่าเจ้าตัวชอบหุบเข้ากลางแล้วพาบอลทะลวงเข้าหากรอบเขตโทษด้วยตัวเอง หรือไม่ก็สร้างมิติเกมรุกอันทรงพลังให้เพื่อนร่วมทีมเข้าถึงพื้นที่สุดท้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
หลังจากที่ อาซาร์ หายเจ็บกลับมาได้จากการพักฟื้นหลังผ่าตัดข้อเท้าไปในช่วงพรีซีซั่น เขาก็มีความกระหายในการลงสนาม รวมถึงคว้าชัยชนะ ทำให้ฟอร์มการเล่นดีวันดีคืน และดูเหมือนจะไม่มีเพดานขีดจำกัดจนเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าเจ้าหนุ่มคนนี้จะเก่งขึ้นได้จนถึงระดับไหน
หากนับเฉพาะเกมลีกฤดูกาลนี้เขาลงเล่นให้ทัพสิงโตน้ำเงินครามไปแล้วทั้งหมด 4 เกม โดยเป็นตัวจริงเพียงแค่นัดเดียว แต่ทุกวินาทีที่อยู่บนฟลอร์หญ้า เจ้าตัวได้แสดงให้เห็นถึงการเล่นอันยอดเยี่ยมที่ทำให้คอลูกหนังทั้งโลกต้องรู้สึกอิจฉา เชลซี ที่มีสุดยอดนักเตะระดับนี้ไว้ให้ใช้งาน
5. เควิน เดอ บรอยน์ – แมนเชสเตอร์ ซิตี้
นับตั้งแต่ “KDB” เควิน เดอ บรอยน์ ย้ายเข้ามาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ 2 ปีก่อน ก็สามารถยกระดับการเล่นของตัวเองขึ้นจนกลายเป็นหนึ่งในสุดยอดมิดฟิลด์ตัวรุกที่สุดของยุโรปได้สำเร็จอย่างรวดเร็ว จนแทบไม่มีใครอยากเชื่อมาก่อนว่านี่หรือคือคนที่เคยล้มเหลวสุด ๆ กับ เชลซี มาก่อน
ตลอดระยะเวลาที่อยู่ค้าแข้งในฐานะเพลย์เมคเกอร์ของ เรือใบสีฟ้า มา ดาวเตะชาวเบลเยียม ลงเล่นไปแล้วทั้งหมด 71 เกม ยิงได้ 14 ประตู พร้อมทำ 31 แอสซิสต์ รวมกับฟอร์มอันร้อนแรงที่ช่วยสร้างสรรค์มิติเกมรุกจนทำลายแนวรับคู่แข่งพังพินาศมามากมายหลายเกม
เจ้าหนุ่มหัวแดงคนนี้มีจุดเด่นที่เป็นอันตรายต่อฝ่ายตรงข้ามหลายอย่าง ทั้งการตำแหน่งการยืน-วิ่งที่ยากจะตามประกบให้อยู่ การจ่ายบอลสั้น-ยาว-ครอสเรียด-ครอสโด่งที่แม่นยำราวจับวาง การลากเลี้ยงที่ยากจะป้องกันโดยเฉพาะยามดวลกัน 1-1 ลูกตั้งเตะ การยิงประตูอันคมกริบทั้งนอกกรอบ-ในกรอบ เรียกว่าครบเครื่องสุด ๆ เลยทีเดียว
และด้วยคุณสมบัติทั้งหมดที่กล่าวมากับ ฟอร์มการเล่นในฤดูกาล 2017-18 ของ เดอ บรอยน์ ทำได้ 3 แอสซิสต์ กับอีก 1 ประตู ทำให้เหมาะสมแล้วที่ใครต่อใครต่างยกให้เขาคือ เพลย์เมคเกอร์ ที่ดีสุดบนเกาะอังกฤษ ณ เวลานี้