หลังจากที่ โรนัลดินโญ สุดยอดตำนานแห่งวงการลูกหนังชาวบราซิล ประกาศแขวนสตั๊ดไปอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่วันก่อน เราได้ทำบทความของเขามาแล้วเรื่องหนึ่งคือ ดรีมทีมในดวงใจจากรายการ ยูฟา แชมเปียนส์ลีก ซึ่งเจ้าตัวเคยเลือกเอาไว้ว่าใครที่อยากให้มารวมตัวอยู่ด้วยกัน
แต่นั่นก็เป็นแค่ความรู้สึกชื่นชมในฝีเท้าระดับเพื่อนร่วมอาชีพ หรือถ้าจะให้พูดแบบธรรมดา ๆ หน่อยก็เรียกได้ว่ามีความชอบอยู่ในระดับผิว ๆ หรือรู้จักมักจี่เพราะร่วมสมัยกันมาเท่านั้น ไม่ได้ตราตรึงติดใจอะไรมาตั้งแต่เด็ก ๆ อะไรอย่างนั้น
เพราะเมื่อพูดถึงคำว่า “ไอดอล” แล้วตัว โรนัลดินโญ เองนี่แหละที่ถูกนักฟุตบอลรุ่นหลัง ๆ ยกให้เป็นนักเตะคนโปรดในดวงใจที่ยอมยกให้เป็นบุคคลต้นแบบ คอยพยายามฝึกฝนฝีเท้าเลียนแบบลีลาท่าทาง รวมถึงให้ความเคารพอย่างสูง
แต่ในขณะที่คนอื่นมองเจ้าเหยินเล็กเป็น “ไอดอล” ที่รักยิ่ง แล้วหากลองถามกลับดูบ้างล่ะว่าแล้วตัวเขาเองมีใครที่ยอมเทใจยกให้เป็น ไอดอล กับเขาบ้างไหม ก็ทำให้ทราบว่ามีอยู่ด้วยกันถึง 4 คนเลยทีเดียว แถมแต่ละคนนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา เพราะล้วนแต่เป็นตำนานที่มีเอกลักษณ์อย่างถึงที่สุดอีกด้วย
1. เฮนริค ลาร์สสัน
สุดยอดกองหน้าชาวสวีเดนคนนี้สร้างชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาสุด ๆ กับการเล่นให้ กลาสโกว เซลติก ในลีกสก็อตแลนด์ เพราะแม้จะเป็นลีกเล็ก ๆ ที่คนไม่ค่อยสนใจ แต่ด้วยลีลาการเล่นฟุตบอล และยิงประตูบวกกับผมทรงเดรดล็อคสุดเท่ ทำให้คอบอลทั้งโลกรู้จักกันเป็นอย่างดี
“ในวันที่ เฮนริค ย้ายมาอยู่กับ บาร์เซโลนา ทุกอย่างที่พูดออกมานั้นดูดีไปหมด ผมอาจจะรู้สึกอย่างนั้นเพราะนี่คือไอดอลที่ผมชื่นชอบมานาน” โรนัลดินโญ กล่าว
“ผมยังจำได้เป็นอย่างดีว่าเขาเจ๋งมากแค่ไหน โดยเฉพาะเมื่อศึกฟุตบอลโลกปี 1994”
“และจากการได้เล่นด้วยกันที่ บาร์เซโลนา เขาก็สอนอะไรต่าง ๆ เกี่ยวกับการเล่นฟุตบอลให้ผมมากมาย นอกจากนี้ยังมีเรื่องนอกสนามดี ๆ ให้เรียนรู้จากคนเก่ง ๆ อย่างนี้อีกเพียบ แต่ก็เสียดายอยู่หน่อย ๆ นะที่เขาต้องย้ายออกไปหลังจากนั้นไม่นาน เพราะผมรักและอยากเล่นฟุตบอลกับชายคนนี้ต่อไปเรื่อย ๆ เลย”
2. อเลสซานโดร เดล ปิเอโร
ในช่วงระยะเวลาเกือบ 1 ทศวรรษของยุค 90 ที่วงการลูกหนังอุดมไปด้วยสุดยอดดาวเตะผู้มีความคลาสสิกในการเช่นฟุตบอลโลดแล่นอยู่มากมายจนแทบจะเบียดกัน เดล ปิเอโร ก็สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็น “โกลเด้นบอย” คนใหม่ได้อย่างยิ่งใหญ่ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ยังเป็นแค่ดาวรุ่งอยู่ในขณะนั้น
แต่ด้วยฝีเท้าอันยอดเยี่ยม ครบเครื่อง คลาสสิกสวยงามราวกับเทพบุตรจุติลงมาโชว์ลีลาบนฟลอร์หญ้าให้มนุษย์โลกที่มีกายหยาบได้ดูกันเป็นขวัญตา คอลูกหนังมากมายจึงกล้าที่จะลืม โรแบร์โต บาจโจ้ แล้วเทใจให้ อาเล่ คนนี้ไปจนหมดสิ้นแทน
“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ลงเล่นโดยมี ยูเวนตุส เป็นคู่แข่งเลยนะ” เหยินเล็ก กล่าวไว้ในปี 2012 หลังจากที่ย้ายมาอยู่กับ เอซี มิลาน ได้พักเล็ก ๆ
“สมัยก่อนผมดูพวกเขาเล่นบ่อยมาก และก็ประทับใจในฟอร์มกับรูปแบบการเล่นของสโมสรแห่งนี้มาก นักเตะก็เยี่ยม แฟน ๆ ก็เจ๋ง ฉะนั้นการได้ลงเตะกับพวกเขาจึงถือเป็นเกียรติสูงสุดครั้งหนึ่งของชีวิต”
“ที่สำคัญกว่านั้น อเลสซานโดร เดล ปิเอโร เป็นไอดอลของผมมานานแล้ว ยิ่งเรื่องปั่นฟรีคิกนะชายคนนี้เก่งกว่าผมหลายเท่า ขอยอมคารวะจากใจเลย”
“การส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายจากเท้าของ อเล็กซ์ นั้นเป็นอะไรที่สวยงาม มีพลัง และยากจะคาดเดา ถ้าผมเป็นผู้รักษาประตูนะ ก็คงจะตัดสินใจไม่ถูกเหมือนกันว่า ควรเอาตัวเองไปยืนอยู่ในตำแหน่งไหนดี”
3. เจย์ เจย์ โอโคชา
ในยุคกลางถึงปลาย 90 ชื่อเสียงของนักเตะจากทีมชาติไนจีเรียเกือบทุกคนนั้นเรียกได้ว่าโด่งดังกันถึงขีดสุดและอย่างทั่วถึงด้วย เพราะขนาดตัวโนเนมอย่าง บาบันกีด้า เองก็ยังดังไม่แพ้พวกซูเปอร์สตาร์ทั้งหลายเลย
และหนึ่งในกลุ่มดาวดังจากทัพอินทรีมรกตที่คอบอลทั้งโลกยกให้เป็นอันดับหนึ่งตลอดกาลจนถึงตอนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น เจย์ เจย์ โอโคชา เป็นแน่ เนื่องจากเขาคือหัวใจหลักของทีมในฐานะเพลย์เมคเกอร์เบอร์ 10 ผู้มีลีลาในสนามอันน่าทึ่ง โดยเฉพาะท่าไม้ตาย ลูกหลอกสายรุ้ง นั่นเอง
“นักฟุตบอลเจ้าของชุดแข่งหมายเลข 10 เพียงคนเดียวที่ผมยกให้เป็นไอดอลในดวงใจก็คือ เจย์ เจย์ โอโคชา” โรนัลดินโญ กล่าวพร้อมรอยยิ้มตื้นตัน เนื่องจากทั้งคู่เคยเล่นด้วยกันมาตอนสมัยอยู่ PSG ซึ่ง โอโคชา ก็ถือเป็นหนึ่งในพี่เลี้ยงคนสำคัญของเจ้าเหยินเล็กด้วย
4. โรนัลโด้
เมื่อเอ่ยชื่อ “โรนัลโด้” ออกมาในสถานการณ์อย่างนี้แล้ว แน่นอนทุกคนต้องรู้ดีอยู่แล้วว่านี่คือตำนานลูกหนังจากทีมชาติบราซิล ผู้มีเจ้าของฉายาสุดเท่ว่า “เจ้าโล้นทองคำ” นั่นเอง
เรื่องฝีเท้า ความสามารถ และผลงานของ โรนัลโด้ คนนี้ คงไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ยาวเหยียดกันอีกแล้ว เพราะเชื่อว่าหลาย ๆ คนคงเทใจให้เป็นแข้งเก่งสุดในระดับที่ 100 ปีจะมีเกิดขึ้นมาสักคนเลยทีเดียว และนั่นก็ส่งผลให้ โรนัลดินโญ ต้องรู้สึกเศร้าสุด ๆ เช่นกัน
“โรนัลโด้ คือไอดอลที่มีอิทธิพลต่อชีวิตผมมากสุด ทุกอย่างในชีวิตนักฟุตบอลของผมมีเขาเป็นแรงบันดาลใจหลัก ฉะนั้นวันนี้ผมจึงอยากขอขอบคุณกับสิ่งที่เคยสร้างให้ทีมชาติ และความช่วยเหลือทุกอย่างในยุโรป” เหยินเล็ก กล่าว
“ตอนนี้หัวผมมันว่างไปหมดเลย คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง และก็ไม่รู้ด้วยว่าพรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป เพราะเขาอำลาวงการฟุตบอลไปแล้ว”