แดงเดือด มาแล้ว แดงเดือด มาแล้ว !! บิ๊กแมตช์ของอริตลอดการเสื้อแดงอย่าง ลิเวอร์พูล จะเปิดสนามแอนฟิลด์ต้อนรับการมาเยือนของทัพ ผีแดง โดยจะเป็นหนแรกของฤดูกาลนี้ที่ 2 ทีมยักษ์ใหญ่เมืองผู้ดีโคจรมาปะกัน

ลิเวอร์พูล vs แมนฯ ยูไนเต็ด
วันเสาร์ที่ 14 ตุลาคม 2560
เวลา 18.30 น.
ช่อง : beIN Sport 1

พลพรรคเครื่องจักรสีแดงเจ้าถิ่นตอนนี้รั้งอยู่ในอันดับที่ 7 ของตารางผลงาน 5 นัดหลังสุดในลีกเรียกได้ว่าน่าปวดหัวพอควร เพราะชนะได้แค่ 2 และพวกเขาก็มีปัญหาเหลือเกินในการจะตาข่ายคู่แข่ง ขณะที่ทีมเยือนจากเมืองแมนนั้นอยู่ตำแหน่งที่ 2 ของลีกโดยไม่ได้เป็นจ่าฝูงทั้ง ๆ ที่แต้มเท่า เพราะจำนวนประตูได้เสียเท่านั้น โดยในซีซั่นนี้ลูกทีมของเฮียมูเพิ่งจะโดนเปิดบริสุทธิ์ไปเพียงแค่ 2 ดอกเท่านั้น

สถิติที่เคยพบกันนัดหลังสุด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ลิเวอร์พูล (พรีเมียร์ ลีก)
ลิเวอร์พูล 0-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ ลีก)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-1 ลิเวอร์พูล (ยูโรป้า ลีก)
ลิเวอร์พูล 2-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ยูโรป้า ลีก)
ลิเวอร์พูล 0-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (พรีเมียร์ ลีก)

สถิติ 5 นัดหลังสุดของลิเวอร์พูล
นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด 1-1 ลิเวอร์พูล
สปาร์ตัก มอสโก 1-1 ลิเวอร์พูล
เลสเตอร์ ซิตี้ 2-3 ลิเวอร์พูล
เลสเตอร์ ซิตี้ 2-0 ลิเวอร์พูล
ลิเวอร์พูล 1-1 เบิร์นลี่ย์

สถิติ 5 นัดหลังสุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 คริสตัล พาเลซ
ซีเอสเคเอ มอสโก 1-4 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เซาแธมป์ตัน 0-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-1 เบอร์ตัน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 4-0 เอฟเวอร์ตัน

ความพร้อมของทั้งสองทีม
ลิเวอร์พูล : เจอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือสายพันธุ์อินทรีเหล็กเพิ่งจะได้รับข่าวร้ายล่าสุด เพราะปีกตัวเก่งอย่างซาดิโอ มาเน่ พักยาว 6 สัปดาห์ทำให้อดลงเล่นนัดแดงเดือดหนนี้แน่ ๆ ขณะที่ อดัม ลัลลาน่า, นาธาเนียล ไคลน์ นั้นยังเจ็บอยู่อดลงบู๊ ส่วนกองหลังสายพันธุ์โครแอตอย่าง เดยัน ลอฟเลน นั้นต้องรอเช็คสภาพความฟิตกันอีกทีนึง นายทวารจะเป็น ซิมง มินโญเล่ต์ แผงหลัง 4 คนจะเป็น โจเอล มาติป ยืนคู่กับ เดยัน ลอฟเรน ในกรณีที่อดีตกองหลังของลียงเรียกความฟิตได้ทัน ส่วนแบ็คขวาจะเป็น โจ โกเมซ และแบ็คซ้ายจะเป็น อัลแบร์โต้ โมเรโน่ แดนกลางจะเป็นทรีโอ้หน้าเดิมอย่าง จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ เอ็มเร่ ชาน แนวรุกไม่มีมาเน่ถือว่าเสียหายหนักในระดับนึงโดยคล็อปป์จะขยับเอา ฟิลิปเป้ คูตินโญ่ ไปเล่นในตำแหน่งมาเน่แทนแล้วตัวรุกอีก 2 คนจะยังเป็น โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : โชเซ่ มูรินโญ่ บอสใหญ่ของทัพปีศาจแดงจะมีตัวเจ็บเพิ่มเติมนั้นก็คือศิษท์โปรดอย่าง มารูยาน เฟลไลนี่ ที่เจ็บจากการรับใช้ชาติเมื่อกลางสัปดาห์ ส่วนตัวเจ็บตัวอื่นที่ลงไม่ได้ก็หน้าเดิม ๆ อย่าง มาร์กอส โรโฮ, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช, ปอล ป็อกบา, ไมเคิ่ล คาร์ริค ส่วน ฟิล โจนส์ ปราการหลังสายพันธุ์อังกฤษนั้นต้องรอเช็คฟิตกันอีกที นั้นนี้คาดกันว่าน้ามูจะมาในแผงหลัง 3 มีคริส สมอลลิง, เอริค ไบญี่ และ ฟิล โจนส์ กรณีที่กองหลังหน้าเหวอฟิตทัน โดยมี ดาบิด เด เคอา เป็นผู้รักษาประตู ส่วนตำแหน่งวิงแบ็คขวา และซ้ายจะเป็นหน้าที่ของ อันโตนิโอ วาเลนเซีย กับ แอชลี่ย์ ยัง มิดฟิลด์คู่กลางไม่เหลือใครแล้วนอกจาก อันเดร์ เอร์เรร่า กับ เนมันย่า มาติช ส่วนตัวรุก ฆวน มาต้า กับ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะหลุดเป็นสำรองเปิดทางให้ อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล กับ เฮนริค มคิตาร์ยาน รับบทบาทตัวรุกคอยซัพพอร์ทให้ โรเมลู ลูกากู ที่จะรับบทบาทหัวหอกตัวเป้ายืนล่าตาข่าย หงส์แดง นั่นเอง

ผู้เล่น 11 ตัวจริงที่จะลงสนาม
ลิเวอร์พูล : ซิมง มินโญเล่ต์ – โจ โกเมซ, อัลเบร์โต้ โมเรโน่, เดยัน ลอฟเรน, โจเอล มาติป – จอร์จินิโอ ไวจ์นัลดุม, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, เอ็มเร่ ชาน – ฟิลิปเป้ คูตินโญ่, โรเบอร์โต้ เฟอร์มิโน, โมฮาเหม็ด ซาลาห์

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : ดาบิด เด เคอา – คริส สมอลลิง, ฟิล โจนส์, เอริค ไบญี่, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, แอชลี่ย์ ยัง – อันเดร์ เอร์เรร่า, เนมันย่า มาติช, เฮนริค มคิตาร์ยาน, อ็องโตนี่ มาร์กซิยาล – โรเมลู ลูกากู

ทรรศนะ
ฟอร์มในลีกคนข้างจะคนละทิศละทางเลย เพราะ หงส์แดง ฟอร์มลุ่ม ๆ ดอน ๆ จบสกอร์ไม่ดีแต่เสียประตูง่าย ส่วน ปีศาจแดง กำลังอยู่ในฟอร์มที่มั่นใจเกมรุกยิงขาดเกมรับเหนียวหนึบ แต่ดันมาเริ่มมีปัญหาเรื่องตัวเจ็บ หงส์แดง ได้เปรียบแค่เล่นในบ้านแหละ แต่ดูจากตัวผู้เล่นแล้วตอนนี้ลูกทีมของมูรินโญ่ดูดีกว่าเยอะแถมตัวสำรองข้างสนามพร้อมจะลงมาเปลี่ยนเกมได้น่ารักน่าลุ้นกว่า เอาเป็นว่าน่าจะเชื่อใจทีมจากเมืองแมนมากกว่าทีมเจ้าบ้านละกัน

โอกาสชนะ
ลิเวอรพูล โอกาสชนะ 25%
โอกาสเสมอ 35%
แมนฯ ยู โอกาสชนะ 40%

ราคาแฮนดิแคป
ลิเวอร์พูล ต่อราคาเสมอ 1.99
(แทง 100 ได้ 199 บาท)
แมนฯ ยู ต่อราคาเสมอ 1.94
(แทง 100 ได้ 194 บาท)
*ราคาอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา


ดูราคาคู่ ลิเวอร์พูล vs แมนฯ ยู  คลิกที่นี่!