หลังจาก คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์แห่งโลกลูกหนังมาเปิดตลาดนักเตะดังใน โปรเฟสชั่นแนล ลีก ตอนต้นปี 2023 มาถึงตอนนี้ เหล่านักเตะชั้นนำของปฐพีต่างตบเท้าเข้ามาเล่นที่ซาอุฯ ดินแดนแห่งทะเลทรายกันมากมาย ซึ่งเวลานี้ ซาอุดิอาระเบีย โปรลีก กำลังกลายเป็นขุมทรัพย์ของนักฟุตบอล
สำหรับบทความนี้ เราขอพามาอัพเดทรายชื่อนักฟุตบอลชื่อดังที่ย้ายมาค้าแข้งใน ซาอุดิ โปร ลีก จะมีใครบ้าง ติดตามไปพร้อมกันได้ที่นี่
12. ฮาคิม ซีเย็ค (อัล นาสเซอร์)
ปีกทีมชาติโมร็อกโก ที่เกิดและโตในเนเธอร์แลนด์ ก่อนจะเริ่มต้นอาชีพกับ ฮีเรนวีน ตามด้วย ทเวนเต้ แต่ไปโด่งดังสุดขีดที่ อาแจ็กซ์ ด้วยการกวาดแชมป์มากมายตอนเป็นลูกทีมของ เอริค เทน ฮาก กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนปัจจุบัน ล่าสุด สโมสร อัล นาสเซอร์ ได้บรรลุข้อตกลงกับเชลซีแล้วโดย ฮาคิม ซิเย็ค ปีกโมร็อกโก ตกลงเซ็นสัญญาจนถึงเดือนมิถุนายนปี 2026 และได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่มีอยู่ในทีมสตาร์ดังของโลกลูกหนังของชาวโปรตุเกสอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ อีกด้วย
11. คาริม เบนเซม่า (อัล อิตติฮัด)
เจ้าของ บัลลง ดอร์ 2022 เพิ่งหมดสัญญากับ เรอัล มาดริด แชมป์ยุโรป 14 สมัย หลังค้าแข้งในรั้ว ซานติอาโก้ เบอนาเบว มายาวนานกว่า 14 ปี สะสมโทรฟี่มากมายภายใต้ยูนฟอร์มราชันชุดขาว คาริม เบนเซม่า ตามรอยเพื่อนเก่ามาติด ๆ ด้วยการเซ็นสัญญากับ อัล อิตติฮัด หลังแยกทางกับ เรอัล มาดริด โดยคาดว่าหัวหอกฝรั่งเศสจะได้ค่าเหนื่อยปีละ เกือบ 200 ล้านยูโร กับทีมแชมป์เก่าลีกซาอุฯ
10. รูเบน เนเวส (อัล-ฮิลาล)
กัปตันทีมวูล์ฟแฮมป์ตัน ย้ายจาก ปอร์โต้ มาอยู่กับทีมหมาป่าด้วยค่าตัว 16 ล้านปอนด์ (ประมาณ 700 ล้านบาท) แต่ได้สร้างกำไรให้กับสโมสรด้วยการโยกสู่ อัล ฮิลาล ด้วยมูลค่า 47 ล้านปอนด์ (ประมาณ 2,100 ล้านบาท) ด้วยอายุเพียง 26 ปี แถมติดทีมชาติโปรตุเกส ไปแล้วกว่า 41 นัด
ทำให้ อัล-ฮิลาล แชมป์ซาอุดีอาระเบีย 18 สมัย ย่อมทุ่มทุนสร้างมหาศาลมูลค่า เพื่อนำ เนเวส ไปบัญชาเกมในแดนกลาง เพื่อหวังกลับสู่ความยิ่งใหญ่ให้ได้อีกครั้ง การย้ายทีมครั้งนี้ทำให้สโมสรใหญ่ของยุโรป ทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ บาร์เซโลน่า ต้องอกหักไปตามๆ กัน
9. คาลิดู คูลิบาลี่ (อัล ฮิลาล)
อัล ฮลาล คือแชม์ลีกสูงสุดของซาอุดีอาระเบีย มากที่สุดในประวัติศาสตร์กับจำนวน 18 สมัย ทว่าซีซั่น 2022-23 เสียบัลลังก์ให้กับ อัล อิตติฮัด จนต้องมีการเสริมทัพโดยด่วน และพวกเขาก็จัดการคว้า คาลิดู คูลิบาลี่ เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมชาติเซเนกัล ของ เชลซี มาขันน๊อตเกมรับที่เสียไป 29 ประตู ในฤดูกาลล่าสุด
ตามรายงานระบุว่า อัล ฮิลาล ทุ่มเงิน 25 ล้านปอนด์ (ประมาณ 1,100 ล้านบาท) ให้กับสิงโตน้ำเงินคราม ก่อนที่ล่าสุด อดีตปราการหลัง นาโปลี จะตกลงใจย้ายไปซาอุดีอาระเบีย และเปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อย
8. เอดูอาร์ เมนดี้ (อัล-อาห์ลี)
อดีตแชมป์ลีกซาอุดีอาระเบีย 3 สมัย แต่ดันหล่นสู่ ดิวิชั่น 1 ในฤดูกาล 2022-23 แต่ก็กลับขึ้นมาได้ภายในปีเดียว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเสริมทัพโดยด่วน จนเป็นที่มาให้ เอดูอาร์ เมนดี้ จอมหนึบทีมชาติเซเนกัล ตัดสินใจย้ายตามเพื่อนร่วมชาติอย่าง คาลิดู คูลิบาลี่ มาเล่นที่ ซาอุดิ โปร ลีก กับทีม อัล-อาห์ลี โดย เมนดี้ จะเซ็นสัญญากับต้นสังกัดใหม่ไปจนถึงซัมเมอร์ปี 2026 พร้อมรับค่าเหนื่อย 12 ล้านดอลลาร์ ส่วนทางด้านเชลซีจะได้ค่าตัวของ เมนดี้ อยู่ที่ 16-17 ล้านปอนด์
7. โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน (อัล-อาห์ลี)
ฟีร์มิโน่ ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากกับ ลิเวอร์พูล หลังย้ายมาค้าแข้งในถิ่นแอนฟิลด์ตั้งแต่ปี 2015 พาอดีตต้นสังกัดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ รวมไปถึงสโมสรโลก
อย่างไรก็ตาม ศูนย์หน้าวัย 31 ปี ไม่ได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่กับ “หงส์แดง” หลังสัญญาของเขาหมดลงเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ก่อนที่เจ้าตัวจะตัดสินใจเดินทางมาโกยเงินที่ลีกสูงสุดของซาอุดิอาระเบียกับอัล-อาห์ลี
ทั้งนี้ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน จะกลายเป็นเพื่อนร่วมทีมของ เอดูอาร์ เมนดี้ อดีตนายทวารของ “สิงห์บลูส์” เชลซี ที่ย้ายมาแล้วก่อนหน้านี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีรายงานว่าดาวเตะชาวบราซิเลียนรับค่าเหนื่อยหลังหักภาษีอยู่ที่ปีละ 20 ล้านยูโร หรือประมาณ 759 ล้านบาท
6. เอ็นโกโล่ ก็องเต้ (อัล อิตติฮัด)
มิดฟิลด์วัย 32 ปี จะหมดสัญญากับยอดทีมแห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยที่ผ่านมามีรายงานออกมาอย่างต่อเนื่องว่านักเตะพร้อมสลัดน้ำหมึกขยายสัญญาใหม่ แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า เลือกที่จะโยกไปขุดทองในตะวันออกกลาง
ในที่สุดมิดฟิลด์วัย 32 ปี ก็ได้เปิดตัวกับ อัล อิตติฮัด อย่างเป็นทางการ และตามมาอยู่กับเพื่อนร่วมชาติอย่าง เบนเซมา แบบติด ๆ โดยรายงานระบุว่า ก็องเต้ เซ็นสัญญากับทีมแชมป์เก่าของซาอุดิ โปร ลีก เป็นระยะเวลา 3 ปี พร้อมรับค่าเหนื่อยปีละประมาณ 25 ล้านยูโร
5. จอร์แดน เฮนเดอร์สัน (อัล-เอตติฟาค)
กองกลางดีกรีทีมชาติอังกฤษ ตกเป็นข่าวอย่างหนักก่อนหน้านี้ว่าเป็นเป้าหมายในการเสริมทัพของสโมสรในซาอุดีอาระเบีย โดยว่ากันว่าอาจจะได้ค่าเหนื่อยจากการย้ายไปเล่นในตะวันออกกลางสูงถึง 700,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว กระทั่งล่าสุดดาวเตะวัย 33 ปี ก็เปิดตัวเป็นนักเตะใหม่ของ อัล-เอตติฟาค เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทำให้ได้หวนมาร่วมงานกับ สตีเวน เจอร์ราร์ด อดีตรุ่นพี่ที่เขาได้สืบทอดตำแหน่งกัปตันทีมลิเวอร์พูลอีกครั้งด้วย พร้อมกับการสวมเสื้อหมายเลข 10 ให้กับ อัล-เอตติฟาค
4. ริยาด มาห์เรซ (อัล-อาห์ลี)
มาห์เรซ วัย 32 ปี ย้ายจาก เลสเตอร์ ซิตี้ มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในปี 2018 และใช้เวลาที่ เอติฮัต สเตเดี้ยม เป็นเวลา 5 ปี ลงสนามไป 236 นัดทุกรายการทำไป 78 ประตู 59 แอสซิสต์ พร้อมกับคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก 4 สมัย, เอฟเอคัพ 2 สมัย, ลีก คัพ 3 สมัย และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย โดย สื่อคาดกันว่าการย้ายทีมครั้งนี้ค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 30.4 ล้านปอนด์ บวกแอดออน 4.2 ล้านปอนด์ ด้วยสัญญา 3 ปี บวกออปชั่น 1 ปี หรือจนถึงเดือนมิถุนายน ปี 2027 สำหรับการมาของดาวเตะทีมจากแอลจีเรีย จะมาสมทบกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มีโน่ และผู้รักษาประตู เอดูอาร์ เมนดี้ ที่ย้ายมาก่อนหน้านี้
3. อัลลอง แซงต์-แม็กซิแม็ง (อัล-อาห์ลี)
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จำเป็นต้องปล่อยตัวนักเตะบางรายออกไปในซัมเมอร์นี้ ตามกฏไฟแนลเชียล แฟร์เพลย์ ซึ่ง อัลลอง แซงต์-แม็กซิแม็ง คือนักเตะคนดังกล่าว โดยในตอนนี้ตัวจี๊ดชาวฝรั่งเศสได้เปิดตัวกับ อัล-อาห์ลี เป็นที่เรียบร้อยทีมดังในศึกซาอุดี โปร ลีก ตกลงจ่ายเงิน 23 ล้านปอนด์เพื่อคว้าแนวรุกชาวฝรั่งเศสมาร่วมทีม
โดยนักเตะจะเซ็นสัญญา 3 ปีกับสโมสร และจะได้ย้ายไปร่วมทีมเดียวกับ โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน, เอดูอาร์ เมนดี้ และ ริยาด มาห์เรซ ที่ย้ายไปร่วมทีมก่อนหน้านี้ สำหรับ แซงต์-แม็กซิแม็ง ย้ายมาร่วมทีม นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในปี 2019 ทำ 12 ประตูกับ 19 แอสซิสต์จากการลงสนาม 111 นัดในพรีเมียร์ลีก
2. ฟาบินโญ่ (อัล-อิตติฮัด)
ฟาบินโญ่ กองกลางชาวบราซิล โบกมือลา “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ทีมดังแห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ โยกซบทีม อัล อิตติฮัด สโมสรชั้นนำในลีกซาอุดีอาระเบีย อย่างเป็นทางการแล้ว ตามหลัง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน อดีตเพื่อนร่วมทีมในชายคาแอนฟิลด์ ที่เพิ่งเปิดตัวกับ อัล อิตติฟาค ที่มี สตีเวน เจอร์ราร์ด แข้งระดับตำนานของพวกเขาไปคุมทีม หลังการย้ายทีม ฟาบินโญ ได้กล่าวอำลา ลิเวอร์พูล ซึ่งเจ้าตัวย้ายมาค้าแข้งจาก โมนาโก เมื่อปี 2018 ด้วยสถิติลงสนาม 219 เกมทุกรายการ ทำได้ 11 ประตู กับ 9 แอสซิสต์
พร้อมช่วยทีมคว้าแชมป์มาครองมากมาย ทั้ง พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ, คาราบาว คัพ, ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ อย่างละ 1 สมัย เป็นต้น โดยระบุว่า เป็นเหมือนการลาจากบ้าน และการเล่นให้สโมสรแห่งนี้คือสิ่งที่เป็นเกียรติ และความสุขมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
1. ซาดิโอ มาเน่ (อัล นาสเซอร์)
มาเน่ ลงเล่นให้บาเยิร์น มิวนิค ในฤดูกาลแรกที่เพิ่งย้ายมาจากลิเวอร์พูล ไปทุกรายการเพียง 38 นัด ทำได้ 12 ประตู ซึ่งจะดูเป็นผลงานที่น่าผิดหวัง รวมถึงมีเหตุการณ์สำคัญในการมีปากเสียงกับ ลีรอย ซาเน่ เพื่อนร่วมทีมในนัดที่แพ้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อเดือนเมษายน
ล่าสุด ซาดิโอ มาเน่ ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังเซ็นสํญญากับ อัล นาสเซอร์ ทีมในลีกซาอุดีอาระเบีย โดยแนวรุกทีมชาติเซเนกัล เซ็นสัญญาถึงปี 2027 พร้อมค่าตัวที่คาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 28 ล้านยูโร โดยรับค่าเหนื่อยประมาณ 750,000 ยูโรต่อสัปดาห์ และจะสวมเสื้อหมายเลข 10