แน่นอนว่าสำหรับแฟนลูกสักหลาด คงมีไม่น้อยไปกว่าทั้งกีฬายอดฮิตอย่างฟุตบอล หรือ บาสเก็ตบอลและกีฬาอื่น ๆ เป็นแน่ เพราะว่า กีฬาเทนนิส ถือเป็นอีกหนึ่งอีกกีฬาที่ดูรวม ๆ แล้วมีเสน่ห์เหลือเกิน (ไม่ต้องมาเขินฉันพูดจริง ๆ – พี่ป้างก็มา) ไม่ว่าจะเป็นความน่าสนใจ ประวัติเทนนิส สไตล์การเล่นของนักเทนนิส กฏกติกาการแข่งขัน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คนทั่วโลกให้ความสนใจในกีฬานี้ดังนั้น วันนี้ขอมาเล่าเรื่องให้ฟังซักหน่อยว่า เหตุผลที่สงสัยกันว่า “ทำไมคนถึงชอบกีฬาเทนนิส?” เรารวบรวมข้อมูลส่วนหนึ่งมาไว้ในนี้แล้ว หากเพื่อน ๆ คิดว่ามันยังมีเรื่องอื่น ๆ อีกที่ทำให้ชอบเทนนิส ก็สามารถคอมเม้นต์ แสดงความคิดเห็นกันไว้ด้านล่างได้เลยนะจ๊ะ
1. มีความหนักหน่วง
พอพูดถึงกีฬาเทนนิส ภาพในหัวก็ต้องแวบขึ้นมาว่า เป็นหนึ่งในกีฬาที่ใช้พละกำลังอย่างมากในการเล่น ซึ่งแต่ละคนจะสามารถหวดลูกได้แรงและเร็วแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลาย ๆ อย่างไม่ว่าจะเป็นจากการฝึกซ้อม ความแข็งแรงกล้ามเนื้อ รวมถึงจังหวะในการตีช็อตนั้น ๆ
และผู้ที่สามารถสร้างความหนักหน่วงในการตีจนเป็นที่สุดของโลกเทนนิส นั่นก็คือ แซม กรอธ (Sam Groth) ในเกมที่พบกับ อูลาดซีเมียร์ อิคนาติค (Uladzimir Ignatik) รายการ เอทีพี ชาเลนจ์ ที่ปูซาน ประเทศเกาหลี โดยมาจากลูกเสิร์ฟของเขาที่มีความเร็วสูงอยู่ที่ 263 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (163.4 ไมล์ต่อชั่วโมง)
ซึ่งความเร็วดังกล่าวนั้น สามารถเทียบได้กับรถสปอร์ตบางรุ่นได้เลยทีเดียว อย่างรถ BMW 530i M SPORT ที่สามารถวิ่งได้เร็วสูงสุดอยู่ที่ 252 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เรียกได้ว่ายังช้าไปกว่าลูกเสิร์ฟของ แซม กรอธ (Sam Groth) เสียอีก……โหดปะล่ะ !!!
ทางด้านของฝ่ายหญิงเองก็มีเช่นกัน ที่สามารถหวดลูกได้แรงและเร็วจนติดอันดับของโลก นั่นก็คือ จอร์จิน่า การ์เซีย เปเรซ (Georgina Garcia Pérez) ที่หวดลูกไว้ที่ความเร็ว 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (136.7 ไมล์ต่อชั่วโมง)เรียกได้ว่า ความโหดก็ไม่ได้แพ้ฝ่ายชายอย่าง แซม กรอธ (Sam Groth) มากเท่าไหร่นัก เผลอ ๆ ยังหนักหน่วงกว่าผู้ชายบางคนอีกซะด้วย (ใครได้เธอเป็นแฟน คุณจะไม่กล้าฮือแน่นอน 555+) แถมสถิติที่เธอทำเอาไว้ ยังเร็วแรงกว่ารถวีออสในบ้านเราที่วิ่งเร็วสุดอยู่ที่ 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเท่านั้น
https://www.youtube.com/watch?v=FTMGe6dVmTE
ลูกเสิร์ฟสถิติโลกของ แซม กรอธ (Sam Groth)
2. มีความโต้นานตีนาน
แน่นอนว่า เทนนิส เป็นกีฬาที่ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างมาก โดยเฉพาะในการตีโต้ลูกกันไปมาจนกว่าจะได้จังหวะทำแต้ม เพื่อน ๆ เชื่อหรือไม่ว่า เคยมีเหตุการณ์ที่เป็นประวัติศาสตร์ของโลกคือ มีการแข่งขันหญิงเดี่ยวที่ เวอร์จีเนียในสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 1984 ระหว่าง ยีน ฮีปเนอร์ (Jean Hepner) และ วิคกี้ เนลสัน (Vicki Nelson) ที่ทั้งคู่โต้กันในแต้มเดียวตีไปทั้งหมด 643 ครั้ง !!!
ใช่แล้ว ดูไม่ผิด เขียนไม่ผิดแน่ ๆ โดยแต้มนี้ใช้เวลาไปทั้งหมด 29 นาทีด้วยกัน (ฟังแล้วยังเหนื่อยแทน ถ้าลองไปเล่นเอง น่าจะหมดแรงตั้งแต่ 2 นาทีแรก 5555+) ส่วนทั้งแมตซ์นี้ ใช้เวลาไปทั้งหมด 6 ชั่วโมงกับอีก 31 นาที ก่อนที่จะจบลงด้วยชัยชนะของ วิคกี้ เนลสัน (Vicki Nelson) ด้วยสกอร์ 6-4, 7-6 (11)
ส่วนอีกเหตุการณ์ ที่ขึ้นชื่อลือชาก้องโลกอย่างมากก็คือ การแข่งขันศึก วิมเบิลดัน ชายเดี่ยวรอบแรกของ จอห์น อิสเนอร์ (๋John Isner) กับ นิโกลาส มาอูต์ (Nicolas Mahut) ที่ได้ร่วมกันสร้างประวัติศาสตร์โดยการทำลายสถิติหมดแทบทุกอย่าง
โดยทั้งคู่สู้กันแบบมหากาพย์กินเวลายาวนานถึง 11 ชั่วโมง 5 นาที ก่อนที่จะจบลงด้วยสกอร์ 6-4 3-6 6-7(7) 7-6(3) 70-68 เป็นทางด้าน จอห์น อิสเนอร์ (๋John Isner) ที่เอาชนะไปได้ (ในรายการ วิมเบิลดัน ลงเล่นแบบ 3 ใน 5 เกม โดยเซตที่ 5 จะไม่มีไทเบรค ผู้ชนะจะต้องนำ 2 เกมเท่านั้น)
นอกจากนี้ การแข่งขันของทั้งคู่ยังสร้างสถิติเซตแข่งขันที่กินเวลานานที่สุด, จำนวนเกมมากที่สุดในแมตช์เดียวคือ 183 เกมและจำนวนเกมมากที่สุดในเซตเดียวคือ 138 เกม รวมทั้งสร้างสถิติเสิร์ฟเอซอีก 193 ครั้ง เลยทีเดียว
3. มีความพริ้วไหวเล่นได้ทุกแนว
เทนนิส เป็นหนึ่งในกีฬาที่มีท่วงท่าการหวดลูกที่สวยงามมาก ๆ ซึ่งนี่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งศิลปะที่สวยงามมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นท่าการเสิร์ฟ หวดด้วยโฟร์แฮนด์หรือแบ็คแฮนด์ วอลเลย์หรือสไลด์ก็ตาม
ซึ่งหากจะยกตัวอย่างของนักเทนนิส ที่มีท่าท่วงที่พริ้วไหวสวยงามมาก ๆ สักคนหนึ่ง แน่นอนว่าคนทั่วโลกต้องนึกถึง เฟ็ดเอ็กซ์ หรือ โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ อย่างแน่นอน เพราะว่าผู้ชมส่วนใหญ่ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า นอกจากความสนุกในเกมเทนนิส การได้เห็นท่วงท่าที่สง่ามงามในการหวดลูกของ เฟดเดอเรอร์ มันช่วยให้เกมนั้นน่าดูยิ่ง ๆ ขึ้นไปอีก
รวมทั้งสไตล์การเล่นของเขาเอง ก็ทำให้ผู้ชมสามารถดูได้แบบไม่มีเบื่อ เพราะด้วยความที่เขาเองสามารถปรับตัวรับมือกับคู่ต่อสู้ได้อยู่เสมอ ๆ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาเองจะเอาชนะคู่ต่อสู้และกวาดแชมป์มาอย่างมากมาย
4. มีความคมหน้าเน็ต
หากใครติดตามกีฬาเทนนิสมาอย่างยาวนาน ก็จะเห็นได้ว่าของสไตล์การเล่นปัจจุบันและสมัยก่อน ช่างแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเมื่อก่อนเราจะได้เห็นนักเทนนิสรายหลายที่ใช้สไตล์ serve & volley หรืออธิบายให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ เน้นเสิร์ฟดีและปรี่ขึ้นหน้าเน็ตทันที ซึ่งการเล่นแบบนี้ มันช่างทำให้ผู้ชมตื่นเต้นและลุ้นได้อยู่ตลอดเวลาเลยทีเดียว
แต่เมื่อยุคสมัยเริ่มเปลี่ยนไป วิวัฒนาการและเทคโลยีต่าง ๆ เริ่มพัฒนาอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้การวิ่งของลูกเทนนิสนั้นช้าลง ซึ่งทำให้คนที่เล่นสไตล์ serve & volley ที่ต้องใช้ความเร็ว ค่อย ๆ หายไปทีละคน ๆ จนแทบจะไม่มีอยู่เลยในปัจจุบันและหากแฟน ๆ จะคิดถึงใครสักคนที่เล่นสไตล์นี้ก็ต้องเป็น พีท แซมพราส, ทิม เฮนแมน หรือรุ่นเดอะอย่าง สเตฟาน เอ็ดเบิร์ก อย่างแน่นอน
แต่ก็ใช่ว่าการใช้ความคมหน้าเน็ตจะหมดไปจากวงการเทนนิสซะทีเดียว แต่มันกลับถูกมาปรับใช้ในการเล่นกับนักเทนนิสแทบจะทุก ๆ คน ในช่วงที่พวกเขาต้องการแต้มและรีบปิดเกมให้เร็วที่สุด ซึ่งนั่นก็ไม่แปลกที่เราจะได้เห็นนักเทนนิสหลาย ๆ คนหรือแม้กระทั่ง โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ มักเอามาใช้ในทุก ๆ เกมที่ลงแข่ง และเขาก็ทำได้ไม่เลวด้วยล่ะ
5. มีแรงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีสมองด้วย
อย่างที่ได้กล่าวไว้ในหลาย ๆ หัวข้อแล้วว่า กีฬาเทนนิส คือกีฬาชนิดหนึ่งที่จำเป็นจะต้องใช้แรงอย่างมาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า จะต้องใช้แรงหวดลูก ตะบี้ตะบันเน้นแต่ความหนักหน่วงเท่านั้น เพราะหลาาเกมที่เราอาจเคยได้ชมทางทีวีหรือคลิปวีดีโอ มักจะเห็นกันบ่อย ๆ ว่า สไตล์นักเทนนิสที่เอาชนะพวกบ้าพลังได้ ล้วนแต่เป็นการเล่นด้วยสมองทั้งนั้น !!!
พอจะยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพ มันก็วนออกไปได้ไม่ไกลนัก ก็ย้อนกลับมาหาสุดยอดนักเทนนิสของโลกของ โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ อีกเช่นเคย 555+ ไม่ใช่ว่านักเขียนจะไม่รู้จักนักเทนนิสคนอื่น ๆ นะ แต่การที่จะหาตัวเองที่สามารถเห็นภาพได้ง่าย และใช่มาก ๆ ก็ต้องคนนี้แหละ
เพราะอย่างที่บอกว่า นักเทนนิสที่จะประสบความสำเร็จได้ ไม่ใช่มีเพียงแค่กำลังการหวดลูกที่หนักหน่วงเท่านั้น ให้ดูตัวอย่าง เฟ็ดเอ็กซ์ ไว้ได้เลย เพราะเขาเป็นคนที่เล่นได้อย่างฉลาดมากจริง ๆ ราวกับอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นการตีโยกให้คู่ต่อสู้เคลื่อนที่มาก ๆ และหมดแรงไป การใช้ลูกหนักสลับลูกหยอดหน้าเน็ตให้หัวเสีย ซึ่งความสามารถในการปรับสไตล์รับมือกับคู่ต่อสู้ถือเป็นเรื่องสบายมาก ๆ
6. มีเสียงร้องที่ระทึกใจ
เสียงที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้ ก็คือเสน่ห์ในกีฬาเทนนิส ที่เรามักจะเห็นและได้ยินในเวลาที่นักเทนนิสหวดลูก มักจะส่งเสียงร้องออกมา ซึ่งเสียงร้องว่าอะไร และแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
แต่ใครบ้างล่ะ จะรู้เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้บรรดาเหล่านักเทนนิส ต้องตีลูกไปด้วย พร้อมกับร้องแหกปากไปด้วย (ตีอย่างเดียวก็เหนื่อยแล้วมั้ย ?) เพราะแท้จริงแล้ว นั่นคือหนึ่งในวิธีการที่ทำให้พวกเขา สามารถกะจังหวะที่จะหวดลูกได้อย่างแม่นยำมากขึ้นยังไงล่ะ แถมยังเป็นการกำหนดลมหายใจ เพื่อให้ร่างกายได้ปล่อยพลังงานออกไปอย่างสุดแรงแบบไม่มีกั๊ก
ดังนั้น เราลองไปดูกันซะหน่อยดีกว่าว่า ท๊อป 5 ของบรรดานักเทนนิสที่เวลาตีแล้วต้องเปล่งเสียงออกมาได้ระทึกใจมากที่สุด คือใครกันบ้าง พอเห็นรายชื่อแล้ว ก็เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงต้องอยากได้ยินเสียงด้วยแน่ ๆ กดรับชมรับฟังได้ที่ด้านล่างเลยจ้า
1. มาเรีย ซาราโปว่า (Maria Sharapova)
2. ราฟาเอล นาดาล (Rafael Nadal)
3. วิคตอเรีย อซาเรนก้า (Victoria Azarenka)
4. เซเรน่า วิลเลียมส์ (Serena Williams)
5. เยอร์ซี่ ยาโนวิคซ์ (Jerzy Janowicz)
คลิป Top 5 นักเทนนิสที่เสียงร้องช่างระทึกใจ
7. มีความชุดขาวคลาสสิก
กีฬาเทนนิส ก็เคยถูกจำกัดให้เล่นเฉพาะกลุ่มสังคมชั้นสูงเพียงเท่านั้น เนื่องจากกีฬาเป็นต้นเหตุให้เกิดการพนันมากเกินไปนั่นเอง และรวมถึงได้มีการจดทะเบียนลิขสิทธิ์ไว้ตามกฎหมาย ว่าให้การเล่นเทนนิสต้องประกอบด้วย เสา, ตาข่าย, ลูกบอล, ไม้แร็กเกต, กติกาการเล่น รวมถึงการแต่งกายก็ด้วย ที่จะใส่เพียงแค่ชุดสีขาวเท่านั้น เพื่อความสุภาพและเป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกันด้วย
ขอย้อนไปยังรายการแข่งขันที่เก่าแก่ที่สุดของโลกนั่นก็คือ เทนนิสวิมเบิลดัน ที่จัดมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1887 โดยรายการนี้ถือว่าเป็นที่สุดของบรรดานักเทนนิสทั้งหมด ที่จะต้องฝึกปรือฝีมือและเข้ามาแข่งขันรายการนี้ให้ได้ แถมเป็นรายการที่มีเงินวัลมากที่สุดในโลกอีกด้วย
นอกจากนั้นยังมีธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาแต่ช้านานจนเป็นที่กล่าวขานนั่นก็คือ ผู้เข้าแข่งขันต้องใส่ชุดสีขาวล้วนเท่านั้น อีกทั้งยังเคร่งครัดถึงขั้น หมวก,ที่คาดผม หรือแม้กระทั่ง ชุดชั้นในยังต้องสีขาวด้วยเลยทีเดียว !!!
ซึ่งอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ที่ทำให้การสวมใส่ชุดขาวเป็นที่เคร่งครัดใน วิมเบิลดัน อย่างมากนั่นก็คือ การที่ผู้ชมสามารถมองเห็นเหงื่อบนเสื้อได้อย่างชัดเจน หากใส่ชุดสีอื่น ๆ ดังนั้นการสวมใส่สีขาวนี่แหละ ที่จะทำให้ไม่สามารถมองเห็นคราบเหงื่อที่จะเกิดขึ้นบนเสื้อได้ดีที่สุด (ถึงบางอ้อเลยใช่มั้ยล่ะ….555+)
และแม้ว่า ปัจจุบันนี้รายการแข่งขันเทนนิสจะเริ่มอนุโลมให้นักเทนนิสสามารถใส่เสื้อผ้าสีฉูดฉาดได้แล้ว แต่ทางรายการ วิมเบิลดัน เองก็ยังคงคอนเซ็ปต์นี้ไว้มาจนถึงทุกวันนี้เลยล่ะ…
8. มีความ10ไลน์แมนโกงยาก
ด้วยความที่กีฬาเทนนิสนั้น เป็นหนึ่งในกีฬาของผู้ดีอังกฤษ ทำให้ได้รับความนิยมเป็นอยากมาก และแพร่หลายไปยังส่วนอื่น ๆ ของโลก ซึ่งด้วยเสน่ห์ของกีฬาชนิดนี้ (ที่อธิบายทั้งวันอาจไม่หมด) หนึ่งในนั้นก็คือเรื่องของความยุติธรรมนั้นเอง
เพราะในกีฬาเทนนิสรายการใหญ่ ๆ ก็จะมีเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยอย่างการใช้ภาพรีเพล์ยหรือที่เรียกว่าการชาเลนจ์ ในกรณีที่นักกีฬาไม่เห็นด้วยกันผลการตัดสินหรือเส้นขานจากผู้กำกับเส้น แต่ถ้าหากเป็นเพียงรายการเล็ก ๆ หรือรอบคัดเลือกก็อาจจะไม่มี แต่ไม่จำเป็นต้องห่วงเลย เพราะในสนามก็ยังคงมีทั้ง ผู้ตัดสินหลัก (Umpire) และผู้กำกับเส้น (Linemens) รวมทั้งหมดแล้ว 11 คนด้วยกัน (ผู้กำกับเส้นหรือไลน์แมน 10 คน)
โดยแต่ละคนจะต้องอยู่ประจำจุด และมีการแบ่งเส้นที่ต้องตัดสินอย่างชัดเจน สายตาในการเพ่งเล็งถือเป็นเครื่องมือสำคัญ แนวทางการตัดสินจะต้องเป็นไปในทางเดียวกันทุกคน เพื่อไม่ได้ผู้เล่นสับสนหรือคัดค้านได้ เพราะบางกรณีที่ผู้เล่นไม่เห็นด้วย จนบางครั้งอาจมีการเข้ามาโวยหรือแสดงความไม่พอใจต่อผู้กำกับเส้น ซึ่งจำเป็นจะต้องเก็บอารมณ์และทำหน้าที่ของตนเองต่อไป และผู้ตัดสินหลักจะเป็นผู้ควบคุมสถานการณ์ตรงนี้เอง
9. มีความสวยของเทนนิสหญิง
แหมมมมมมมม…พอมาถึงข้อนี้ เชื่อว่าน่าจะเป็นเสียงโหวตของใครหลายคน ที่บอกว่าสิ่งนี้นี่แหละ ที่ทำให้ชอบดูเทนนิส นั่นก็คือ ความสวยของบรรดาสาว ๆ นักหวดลูกสักหลาดนั่นเอง !!! เพราะนอกจากรูปร่างหน้าตาของพวกเธอ ที่เป็นที่ถูกใจหนุ่ม ๆ อยู่แล้ว พอยิ่งได้เห็นพวกเธอมาอยู่ในชุดนักเทนนิส ที่บางคนก็จะใส่ชุดเทนนิสที่ค่อนข้างวาบหวิวสยิวกิ้ว ให้หนุ่ม ๆ ได้ลุ้นกันอยู่ตลอดเวลา
เดี๋ยวเราไปดูกันสักหน่อยดีกว่าว่า ท๊อป 5 บรรดาสาว ๆ นักเทนนิสที่สวยและหน้าตาดีติดระดับท๊อป ๆ ของโลกจะมีใครกันบ้าง ถ้าพวกเธอสวยถูกใจ ก็อย่าลืมช่วยกดไลค์ กดแชร์ แบ่งเพื่อน ๆ ดูด้วยนะ อิอิ
1. มาเรีย ชาราโปว่า (Maria Sharapova) – รัสเซีย
2. แอนนา คูร์นิโคว่า (Anna Kournikova) – รัสเซีย
3. อนา อิวาโนวิช (Ana Ivanovic) – เซอร์เบีย
4. แอชลี่ย์ ฮาร์เคิลโร้ด (Ashley Harkleroad) – สหรัฐอเมริกา
5. โดมินิก้า ชิบุลโคว่า (Dominika Cibulkova) – สโลวาเกีย
10. มีความรวยติดอันดับโลก
นิตยสาร ฟอร์บส์ (Forbes) ของสหรัฐอเมริกา จัดอันดับนักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุดในโลกในปีที่ 2018 โดยดูจากรายได้ประจำจากต้นสังกัด (Salary/Winnings) และ รายได้นอกสนามอื่นๆ เช่น พรีเซ็นเตอร์สินค้า (Endorsements)
ผลปรากฏว่า อันดับ 1 เป็นของทางด้าน ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ นักชกชาวอเมริกัน และที่ติดโผมามากหน่อยก็เห็นจะเป็นนักฟุตบอลระดับโลกที่มากันครบครัน ทั้ง โรนัลโด เมสซี และ เนย์มาร์
แต่ที่สำคัญเห็นอันดับ 7 หรือไม่ ??? เขาคือ โรเจอร์ เฟดเดอเรอร์ ไงล่ะ ที่มีรายได้อยู่ที่ 77.2 ล้านเหรียญ หรือตีเป็นเงินไทยอยู่ราว ๆ 2,500 ล้านบาทเลยทีเดียว เห็นมั้ยว่านักเทนนิสเองก็สามารถสร้างรายได้ไม่แพ้บรรดานักกีฬาชนิดอื่นเช่นกัน ดังนั้นบอกเลยว่า กีฬาเทนนิส หากมีความมุ่งมั่นและตั้งใจ ก็สามารถโดยเงินเข้ากระเป๋าให้เราสบาย ๆ ไปทั้งชาติเลยก็ว่าได้
11. มีความสนุกกว่ากอล์ฟและฟุตบอล
พอจั่วหัวมาแบบนี้ อาจมีหลายคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่เดี๋ยวก่อน เราจะอธิบายให้ฟังต่อไปนี้ว่า เหตุใดที่เทนนิสมีความสนุกสุดเหวี่ยงมากกว่ากีฬาอย่าง กอล์ฟและฟุตบอล ที่เป็นกีฬายอดฮิตระดับโลกไม่แพ้ เทนนิส….
กอล์ฟ เป็นกีฬาที่เราชาวไทยเข้าถึงยากมาก ๆ เพราะด้วยความที่จะได้เล่นกีฬาชนิดนี้ จำเป็นจะต้องมีทุนสูง ทั้งในเรื่องของอุปกรณ์หรือเครื่องแต่งกายต่าง ๆ อีกทั้งโอกาสในการหาเล่นยังถือว่ายากอีกด้วย
ทำให้เราอาจเข้าไม่ค่อยถึงกีฬาชนิดนี้มากเท่าที่ควร แถมการจะได้ชมถ่ายทอดสดทางทีวีแต่ละครั้ง ก็น้อยมาก ๆ เอาซะด้วย มันก็เลยเป็นจุดที่ทำให้คนไม่ค้นหา เพราะไม่สนใจ พอจะดูก็ไม่ศึกษาหากติกา กลายเป็นกีฬาที่น่าเบื่อไปเลย
ส่วนฟุตบอล แม้ว่าจะเป็นกีฬาที่หลายคนบอกว่าฮิตที่สุดในโลก แต่มุมความน่าเบื่อของมันมีอยู่มากเลยทีเดียว เพราะฟุตบอลที่เล่น 90 นาที ก็ใช่ว่าจะได้เห็นเกมบุกกันตลอดทั้ง 90 นาที ยิ่งหากใครเป็น แฟนแมนฯ ยู ด้วยแล้ว ช่วงนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลย เรียกได้ว่าแทบจะดูไปหลับไปด้วยซ้ำ ไร้ซึ่งความมันส์ เพราะตั้งบัสตลอด ๆ 555+
พอพูดถึง เทนนิส บางคนอาจบอกว่าสนุกตรงไหน เป็นแค่กีฬาที่มีลูกสักหลาด ไม้คนละอัน มีเน็ตขั้นกลางแล้วโต้กันไปมาเท่านั้น แต่หากใครได้รับชมอย่างจริงจัง ขอบอกว่าจะต้องติดใจแน่นอน
เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ ประวัติเทนนิส, เทคนิคการตี, การยิงช็อตวินเนอร์, การหยอด, ท่วงท่าในการตี หรือแม้กระทั้งตัวแปรอื่น ๆ อย่างเช่น ประเภทของคอร์ทเทนนิส ก็ชวนให้คนดูรู้สึกตื่นเต้นเสมอ ๆ
ถ้าไม่เชื่อก็ลองสังเกตดูแล้วกันว่า เวลามีการแข่งขันเทนนิส มีผู้ชมเข้าไปชมในสนามล้นหลาม ไม่แพ้กีฬาอื่น ๆ เหมือนกันนะจ๊ะ…