เขาคือกองหน้าที่เป็นเบอร์ต้น ๆ ของโลก อาเดรียโน่ ผู้เล่นที่เรามักจดจำภาพเขาได้ในสีเสื้อของอินเตอร์มิลาน มีหลายคนบอกว่าเขาสามารถทดแทน โรนัลโด้ ในตำแหน่งศูนย์หน้าเบอร์หนึ่งของโลกได้สบาย
แต่แล้ววันหนึ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป โทรศัพท์เพียงครั้งเดียวจากบราซิลทำชายคนหนึ่งเปลี่ยนไปตลอดกาล…
การมาถึงอิตาลี
ศึกกัลโช่ เซเรียอา ฤดูกาล 2001/02 อาเดรียโน่ ย้ายจากสโมสรใน บราซิล บ้านเกิดมาแสวงโชคกับสโมสรอินเตอร์ มิลาน ในยุคที่ทีม “งูใหญ่” อุดมไปด้วยเหล่ากองหน้าฝีเท้าฉกาจระดับโลก เช่น ฮาคาน ซูเคอร์, คริสเตียน วิเอรี และ โรนัลโด้ (R9)
ในวันที่ชื่อชั้นของคุณยังเป็นเพียงกองหน้าดาวรุ่งโนเนมคนหนึ่งในโลกฟุตบอล การตัดสินใจเดินทางมาร่วมทัพ “งูใหญ่” ก็ไม่ต่างอะไรกับการผลักปิดบานประตูฝันสำหรับการแจ้งเกิดในวงการลูกหนังของตนเอง
หลังผ่านครึ่งฤดูกาลแรก อาเดรียโน่ ลงสนามให้อินเตอร์ มิลาน เพียง 8 เกม ยิงได้ 1 ประตู สโมสรเล็งเห็นถึงความสามารถของเขาในอนาคต จึงปล่อย อาเดรียโน่ ไปให้กับ ฟิออเรนติน่า ยืมตัวใช้งานในครึ่งฤดูกาลหลัง ต่อมาเขาช่วยยิงประตูให้ทีม ‘ม่วงมหากาฬ’ 6 ประตู จาก 15 เกมที่ลงเล่น แต่ก็ไม่อาจพาฟิออเรนติน่า รอดตกชั้น
จนฤดูกาลถัดมา อาเดรียโน่ ย้ายทีมอีกครั้ง โดยมาสร้างเสริมประสบการณ์กับ ปาร์ม่า และพรสวรรค์ที่รอวันเจิดจ้าก็ได้โอกาสทอประกายแสง ณ ที่นั่น…
การจับคู่ระหว่างเขากับ อาเดรียน มูตู กองหน้าชาวโรมาเนีย ช่วยกันพังประตูให้ปาร์ม่า จนสโมสรจบฤดูกาลด้วยอันดับ 5 ทั้งนี้ อาเดรียโน่ ยิงประตูเฉพาะในเกม เซเรียอา ไปทั้งหมด 15 ประตู ส่วน มูตู ซัดไป 17 ประตูถ้วน ในฤดูกาลดังกล่าว
เข้าฤดูกาล 2003/04 ก็ถึงเวลาที่ อินเตอร์ มิลาน ต้องการดึงตัว อาเดรียโน่ กลับมาใช้งานหลังส่งไปบ่มเพาะวิชาลูกหนังอิตาลีก่อนหน้านี้ และความคาดหวังในตัวเขาที่จะกลายเป็นส่วนสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จ มันก็เป็นจริงเช่นนั้น
ฤดูกาล 2004/05 อินเตอร์ มิลาน ผงาดคว้าแชมป์ โคปา อิตาเลีย ผนวกกับฟอร์มการเล่นที่ร้อนฉ่าของ อาเดรียโน่ โดยเขายิงรวมทุกรายการให้ ‘งูใหญ่’ ทั้งหมด 28 ประตู
จนฤดูกาลถัดมา 2005/06 อินเตอร์ มิลาน ก็ประกาศศักดาคว้าแชมป์กัลโช่ เซเรีย อา สำเร็จในยุคของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่
ศูนย์หน้าผู้แข็งแกร่ง
ส่วนสูงเกือบ 190 เซนติเมตร ทำให้ อาเดรียโน่ สามารถทำประตูจากลูกลางอากาศ รวมถึงลูกยิงอันหนักหน่วง แม้จะรูปร่างสูงใหญ่แต่ก็คงความปราดเปรียวในการลากบอลผ่านคู่แข่งด้วยความแข็งแกร่ง
ในขณะนั้นไม่เพียงแต่สื่อจะยกย่องในความสามารถของอาเดรียโน่ เหล่าบรรดาดาวเตะระดับโลกและเพื่อนร่วมทีมอินเตอร์ มิลาน ก็ต่างให้การยอมรับในตัวเขา
หนหนึ่ง อิบัน คอร์โดบา ที่เป็นรูมเมตกับ อาเดรียโน่ สมัยอยู่ที่อินเตอร์ มิลาน เคยถามเขาว่า นายรู้ตัวหรือเปล่าว่าตัวเองกำลังจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก อีกทั้งยังให้คำจำกัดความแก่ อาเดรียโน่ ว่าเป็นผู้เล่นที่เสมือนนำเอาความสามารถของ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กับ โรนัลโด้(R9) มารวมกันในตัวของเขา
คริสเตียน วิเอรี เคยกล่าวถึงอาเดรียโน่ไว้ว่า “นอกจากโรนัลโด้ ผมก็ยังไม่เคยเห็นใครครบเครื่อง แข็งแกร่งและรวดเร็วเท่าเขาอีกแล้ว…”
อาเดรียโน่ กลายเป็นนักเตะคนโปรดของประธานสโมสรอินเตอร์ มิลาน นั่นคือ มัสซิโม่ โมรัตติ รวมทั้งยังถูกวางให้เป็นทายาทกองหน้าเบอร์ 9 คนต่อไปของทีมชาติบราซิล
เขารับค่าเหนื่อยสัปดาห์ละ 80,000 ปอนด์ และเป็นนักเตะคนแรก ๆ ของทีมที่ได้รับค่าเหนื่อยถึง 100,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ในยุคยิ่งใหญ่เกรียงไกรคว้าสคูเด็ตโต้ 4 ฤดูกาลติดต่อกันของ อินเตอร์ มิลาน
แต่ในความครบเครื่องสมบูรณ์แบบบนเส้นทางอาชีพ ด้วยพื้นเพชีวิตที่กำเนิดจากแหล่งยากจนข้นแค้นในบราซิล ทำให้ อาเดรียโน่ หลงระเริงไปกับความสนุกสนานในเหล้ายาและแสงสียามราตรี หลังจากได้รับสัญญาฉบับใหม่ในปี 2006 เขาก็ค่อย ๆ เริ่มสูญเสียโฟกัสในการเล่นฟุตบอล
จุดเปลี่ยนบนเส้นทาง
“เขาเติบโตขึ้นมาจากสลัม นั่นทำให้ผมหวั่นใจเพราะผมเห็นความน่ากลัวของที่นั่น เมื่ออยู่ดี ๆ เขาร่ำรวยอย่างไม่มีเหตุผล ทุกอย่างจึงซับซ้อนมากขึ้น” ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ กัปตันทีมอินเตอร์กล่าวถึงความเป็นห่วงที่มีต่อ อาเดรียโน่
เมื่อโลกของมืออาชีพนั้นไม่มีที่ว่างให้กับใครก็ตามที่เริ่มขาดสมาธิ ต่อมา ในฤดูกาล 2006/07 จากประตูที่เคยทำได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ กลับลดฮวบลงอย่างน่าใจหาย จนในฤดูกาลต่อมาโอกาสลงสนามของ อาเดรียโน่ ในถิ่น’งูใหญ่’ ก็เกิดขึ้นเพียง 4 เกมเท่านั้น และเขาสามารถทำไปได้แต่ประตูเดียว
จนเรื่องราวค่อย ๆ เลวร้ายลง ในยุคของ โชเซ่ มูริญโญ่ กุนซือจอมเฮี้ยบในเรื่องวินัยหลังเข้ารับงานคุมทีม และสิ่งที่สโมสรอินเตอร์ มิลาน พยายามหาทางออกให้กับอดีตนักเตะเจ้าของฉายา ‘จอมจักรพรรดิ’ คือการให้เวลาเขากลับไปเรียกฟอร์มเก่ากับทีม เซา เปาโล สโมสรในบ้านเกิดด้วยสัญญายืมตัว
แต่แล้วจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตนักเตะคนหนึ่งที่เคยถูกคาดหมายว่าจะเป็นดาวเตะแถวหน้าของโลกก็พลันดับมืดลง ภายหลังการสูญเสียคุณพ่อของเขา
อาเดรียโน่ โศกเศร้าอย่างหนัก จนเลือกใช้สุราเป็นที่พึ่งพาเยียวยาความทุกข์ เขาดื่มหนักราวกับคนขาดสติจนไม่สามารถกลับมาอยู่ในสภาพร่างกายที่ฟิตสมบูรณ์ได้เช่นเดิม
“ตอนที่เขารับโทรศัพท์และฟังเรื่องนั้น ( ข่าวการเสียชีวิตของพ่อ ) เขาเริ่มโวยวายอาละวาด ผมเห็นเขาทุบโทรศัพท์ ตะโกนเสียงที่เราไม่เคยได้ยินจนผมกลัว” ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ กล่าวอย่างเศร้า ๆ ในวันที่เขาพยายามฉุดเพื่อนร่วมทีมรุ่นน้องให้กลับมาเป็นคนเดิม
หลังจากนั้นทุกอย่างก็เริ่มค่อย ๆ พังทลายลง อาเดรียโน่ ถูกปล่อยตัวกลับไปเล่นกับ ฟลาแมงโก้ อดีตทีมเก่า ด้วยสัญญา 1 ปี
ช่วงปลายอาซีพ
ในปี 2009 ที่ ฟลาแมงโก้ เขายิงให้ทีม 19 ประตู จากการลงเล่น 30 เกม นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ดีในการกลับมาอยู่ในจุดที่เคยอยู่อีกครั้ง จน โรม่า หยิบยื่นโอกาสให้เขาได้พิสูจน์ตนเองอีกครั้งในฤดูกาล 2010/11 แต่เรื่องราวทั้งหมดก็เกิดขึ้นในระยะเวลาแสนสั้น อาเดรียโน่ ถูก โรม่า ยกเลิกสัญญาหลังผ่านไปเพียง 6 เดือน เมื่อเขาลงเล่นแค่ 8 เกม และยิงไม่ได้แม้ประตูเดียวกับทีม ‘หมาป่า’ แห่งกรุงโรม
ด้านตัวของ อาเดรียโน่ เองก็ได้ออกมายอมรับในภายหลังว่าการที่พ่อของเขาจากไปคือสิ่งสำคัญที่ส่งผลต่อเขาโดยตรง เขาเล่าว่านี่คือหลุมใหญ่ในใจของเขา ที่ทำให้เขารู้สึกเหงา เศร้า และหมดหวังในเวลาเดียวกันกับชีวิตในอิตาลี และนั่นทำให้เขาเริ่มจะเอาทุกสิ่งมาลงกับการดื่มเหล้า
นับตั้งแต่ออกจาก โรม่า ในปี 2011 เป็นต้นมาจนถึงปี 2016 อาเดรียโน่ ได้ลงเล่นเกมฟุตบอลอย่างเป็นทางการเพียงแค่ 12 นัดภายในระยะเวลา 6 ปี ฉากชีวิตอาชีพนักเตะของเขาค่อย ๆ ถูกพับเก็บ บทบาทในวงการลูกหนังคล้ายดั่งผ้าม่านที่ค่อย ๆ ถูกชักรูดลงเพื่อปิดโรงละครอำลาผู้คนหน้าเวที
อาเดรียโน่ กลับไปใช้ชีวิตเป็นเจ้าพ่อแก๊งค์มาเฟียในเมืองริโอ บราซิล อยู่พักใหญ่ ก่อนมีข่าวถูกตำรวจจับในข้อหาพัวพันยาเสพติด และมีส่วนในการเสียชีวิตของหญิงสาวคนหนึ่งที่ถูกยิงโดยคนในแก๊งค์ของเขาเอง
“ผมไม่สามารถบรรลุเส้นทางอาชีพของผมได้ บางอย่างเกิดขึ้นและผลักไสผมไปจากฟุตบอล ผมพูดได้ว่าชีวิตค้าแข้งผมถูกทิ้งไว้กลางทาง” คำพูดจาก อาเดรียโน่ ในวันที่เขาได้นั่งคิดและทบทวนถึงเรื่องราวของตนเองกับความรู้สึกอยากกลับมาลงเล่นฟุตบอลอีกครั้ง แต่สภาพร่างกายของเขานั้นไม่เอื้อเช่นแต่ก่อนอีกแล้ว
ทุกสิ่งจาก อาเดรียโน่ ที่เคยเกิดขึ้นในสนามฟุตบอลยังคงเป็นความมหัศจรรย์จากพรสวรรค์ในตัวของเขา แม้สุดท้ายหนทางอาชีพไม่ได้พบกับจุดจบที่หลายคนคาดหวังหรือปรารถนา แต่อย่างน้อยสำหรับแฟนบอลก็ไม่เคยลืมชื่อ อาเดรียโน่ หากกล่าวถึงบรรดาดาวเตะชั้นนำของโลก
การกล่าวถึงจากพระเจ้า
“ตอนที่ผมย้ายมาอินเตอร์ สิ่งแรกที่ผมพูดกับประธานสโมสรคือผมอยากเล่นกับเขา เพราะเขาคือนักเตะที่ผมอยากลงเล่นด้วย“
“เขาคือสัตว์ร้าย เขาสามารถยิงได้ทุกตำแหน่งในสนาม ไม่มีใครแย่งบอลจากเขาได้ เขาคือสัตว์ร้ายอย่างแท้จริง“
“ผมเคยลงเล่นกับนักเตะมากมายที่ผมเห็นว่ามีความสามารถ แต่หนึ่งในนั้นที่ผมรู้สึกว่าควรมีอาชีพที่ยาวนานกว่านี้และเขาทำไม่ได้คือ อาเดรียโน่” ‘พระเจ้า’ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช กล่าวทิ้งท้ายถึงอดีตนักเตะที่ได้ฉายาว่า ‘จอมจักรพรรดิ’
“ผมรู้เพียงว่าผมต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน การตายของคุณพ่อผมทิ้งให้ผมต้องอ้างว้างอย่างมาก ผมรู้สึกตัวคนเดียว หลังการตายของท่านทุกสิ่งมันเลวร้ายไปหมด เพราะผมรู้สึกโดดเดี่ยว“
“ผมอยู่คนเดียวในอิตาลี รู้สึกเศร้า และหดหู่ จากนั้นผมจึงเริ่มดื่ม ผมรู้สึกมีความสุขเพียงเมื่อผมได้ดื่ม ผมทำมันทุกคืน ผมดื่มทุกอย่างที่ผมสามารถถือมันได้ ไวน์, วิสกี้, วอดก้า, เบียร์ เบียร์จำนวนมาก ผมดื่มไม่หยุด และท้ายที่สุดผมต้องย้ายออกจาก อินเตอร์”
อาเดรียโน่ หนึ่งในนักเตะที่แข็งแกร่งที่สุด มีศักยภาพพอที่จะก้าวขึ้นไปเป็นหมายเลข 1 ของโลกได้ แต่น่าเสียดายที่มันไม่มีวันนั้นแล้ว อาเดรียโน่ ได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในนักเตะบราซิเลียนที่ดีที่สุด ชื่อ และรอยเท้าของเขาจะถูกบรรจุไว้ใน Walk Of Fame ของสนาม มาราคาน่า ทันทีที่ทราบข่าว เขาร้องไห้เหมือนเด็กในอ้อมกอดของคุณแม่สุดที่รัก มันเป็นความรู้สึกที่ตื้นตันอย่างมากสำหรับแชมเปี้ยนผู้ที่เคยทำอะไรไว้มากมายในประเทศอิตาลี